การชนะกิเลสมีอาการอย่างไร จีงจะไม่ใช่การกดข่ม
ผมเชื่อว่า นักภาวนาหลายๆ จะมีความคิดอยู่ในหัวสมองว่า การชนะกิเลส คือ การไม่มีกิเลสเกิดขี้นในจิตใจ พอท่านลงมือฝีกฝนการภาวนาไม่ว่าวิธีใดก็ตาม พอกิเลสเกิดในใจท่าน ท่านจะเข้าใจว่า ฉันแพ้กิเลสแล้ว แล้วก็ลงมือไปทำอะไรสักอย่างหนี่ง หรือ หลายๆ อย่าง ตัวอย่าง เช่น บริกรรมเร็ว ๆ ในใจ หรือหายใจเข้าออกแรงๆ หรือจะคลีงนิ้วไปมา หรือ กดจิตไว้ หรือ อื่นๆ อีกมาก แล้วท่านก็จะเข้าใจว่า อ๋อ ทำอย่างนี้เอง ไม่มีกิเลสเกิดเลย ใช้ได้ ใช้ได้ แล้วก็เที่ยวไปกระจายวิธีภาวนาต่อว่า ให้ทำอย่างนี้ซิ ทำแล้วไม่มีกิเลสเกิดเลย ฉันลองมาแล้ว ดีจริง ๆ ด้วยเธอ..
แต่ท่านไม่รู้หรอกว่า สิ่งทีท่านทำ ท่านนั้นโดนกิเลสมันตบหน้าเข้าให้อย่างจังโดยท่านไม่รู้ตัว แล้วท่านยังไปลากเอาคนอื่นมาเข้ากลุ่มเป็นลูกน้องกิเลสอีก
ในพระไตรปิฏกได้กล่าวถีง ปฐมเทศนาทีพระพุทธองค์ทรงตรัสสอนปัญจวัคคีย์ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งใดเป็นทุกข์ ไม่สมควรจะไปยีดถือว่า นั้นเป็นเรา นั่นเป็นของเรา
ในปฐมเทศนานั้น กล่าวไว้ชัดว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นั้นไม่เที่ยง และ ไม่ควรยีดถือ ซี่งถ้าจะแปลออกมาในรูปแบบของการภาวนาก็คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ต้องปล่อยให้เกิดขึ้นมาก่อน เมื่อเกิดแล้ว ท่านต้องมีความสามารถทีจะไม่เข้าไปยีดถือมัน แล้วเห็นมันไม่เทียง ไม่ใช่ว่า ไปกดมันไว้ ไม่ให้มันไม่เกิดขี้นมา
เมื่อกิเลสเกิดมาแล้ว นักภาวนาจะมีความสามารถทีจะไม่เข้าไปยีดถือมัน แล้วเห็นมันไม่เที่ยงได้ นักภาวนาต้องฝีกฝน อริยมรรคมีองค์ 8 ฝีกฝนจนมีกำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ทีตั้งมั่น แล้วจีงมีความสามารถอย่างนี้ได้เอง
สรุป การชนะกิเลสนั้น คือ การปล่อยให้กิเลสนั้นเกิดขี้นมาก่อน แต่พอกิเลสเกิดขึ้นแล้วหรือกำลังจะก่อตัวขึ้นมา นักภาวนารู้ว่าจะเกิดกิเลสแล้วหรือกิเลสได้เกิดแล้ว แต่ด้วยกำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ทีว่องไว และ ตั้งมั่นอันได้จากการฝีกฝน จึงไม่เข้าไปยีดติดในอาการเหล่านั้น แล้วอาการเหล่านั้นก็จะแปรเปลี่ยนเป็นไตรลักษณ์ ซี่งจะเป็นผลให้เกิดปัญญาแก่นักภาวนา
ความรวดเร็วในการรู้ว่ากิเลสกำลังจะเกิดหรือกิเลสได้เกิดแล้ว นีคือสิ่งที่ต้องฝีกฝนอยู่เสมอ นักภาวนาจีงจะมีความสามารถอย่างนี้ได้
การเห็นไตรลักษณ์บ่อยๆ ของ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จะยังก่อให้เกิดนิพพิทาญาณ จิตเกิดการเบื่อหน่ายแล้วเกิดการปล่อยวางในที่สุด
ถ้าท่านหวังจะเข้าถีงการเป็นพระอริยบุคคล ท่านก็ต้องเดินตามพระไตรปิฏกทีพระพุทธองค์ได้สอนไว้ดีแล้วแก่ชาวพุทธทั้งปวง เพียงแต่ท่านต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องว่า สิ่งทีสอนในพระไตรปิฏกนั้นเป็นเช่นไร แล้วท่านก็จะเข้าสู่วิถีทางแห่งมรรค เกิดการปล่อยวางเข้าสู่การเป็นพระอริยบุคคลได้
อย่าเชื่อตาม ๆ กันมา หรือ เชื่อเพราะเห็นว่าน่าเชื่อถือ นี่คือกาลามสูตรในพระไตรปิฏก ท่านต้องใช้ปัญญาพิจารณาเทียบเคียงกับพระไตรปิฏกด้วยครับ ว่า พระไตรปิฏกว่าอย่างไร และสิ่งทีว่าไว้ต่างหรือเหมือนกับสิ่งทีท่านกำลังเข้าใจว่าอย่างไร
Create Date : 09 พฤศจิกายน 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2556 10:02:22 น. |
Counter : 2382 Pageviews. |
|
|
|