มกราคม 2561

 
1
2
3
4
8
9
10
11
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
<แปลเพลงที่ใช่ by design> No Son Of Mine - Genesis *แด่วัยเด็กที่หายไป*



(https://popmaster.pl/en_GB/p/Genesis-%E2%80%8E-No-Son-Of-Mine-GENS-612-12-Rock-Winyle/13628)

วันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม คือวันเด็กของไทยที่เข้ามาและผ่านไปในแต่ละปี พูดง่ายๆ ก็คือ "หนึ่งปีมีครั้งเดียว"
เด็กๆ บางคนมีความสุขในโลกของจินตนาการอันแสนสดใส
แต่บางคน...ยังไม่เคยสัมผัสถึงวันเด็กเลยสักครั้ง
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดความรู้สึกขื่นขมนี้คือ..."บ้านแตกสาแหรกขาด"
.
แน่นอนว่าสาเหตุดังกล่าวทำให้วันเด็กของเด็กคนๆ นั้น ที่ถูกพ่อแม่หรือญาติพี่น้องบางคนทำร้ายกายใจ..."กลายเป็นวันเด็กที่หายไป ไม่มีความสุข ต้องทนเจ็บกับความรุนแรงที่แทบจะหาทางแก้ไม่เจออยู่ทุกวัน"
เหมือนกับบทเพลงหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงที่สะท้อนปัญหาความรุนแรงในเด็กได้อย่าเจ็บปวด
"No Son Of Mine" ของวงโพรเกรสซีฟร็อกจากเมืองผู้ดี "Genesis"



เพลงนี้เป็นซิงเกิลแรกในอัลบั้มชุด We Can't Dance ซึ่งเพลงและอัลบั้มนี้วางแผงเมื่อปี 2534
เป็นผลงานการแต่งเพลงร่วมกันของวงเอง (คือ Mike Rutherford, Phil Collins, และ Tony Banks) 
*อัลบั้มชุดนี้เป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายที่ Phil Collins มือกลองประจำวงและหนึ่งไอคอนเพลงพอปยุค 80's ได้ร่วมงานกันกับ Genesis ก่อนที่เขาจะลาออกจากวงเมื่อปี 2539 เพื่อโฟกัสการเป็นศิลปินเดี่ยวที่มากขึ้น นับตั้งแต่การออกเดี่ยวครั้งแรกไปกับซิงเกิล In the Air Tonight เมื่อปี 2524*
.
เป็นเพลงที่เกี่ยวกับชีวิตอันขมขื่นของเด็กชายคนหนึ่งที่ประสบปัญหานี้ โดยพ่อของเขาทำร้ายเขาและแม่ของเขาแทบทุกวัน จนเด็กคนนั้นทนไม่ไหว จึงหนีออกจากบ้านไป
ไม่นานนักเขาก็กลับมาบ้าน แต่คำตอบที่ได้รับจากพ่อของเขาคือ "แกไม่ใช่ลูกชายของฉันแล้ว" คำตอบของพ่อเป็นคำตอบที่เจ็บที่สุดในใจของเขา ทำให้เขาเองเคว้งคว้าง ไม่รู้จะหาใครสักคนมาเยียวยาวจิตใจอันทรมานนี้ได้
.
เพลงนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยติดอันดับที่ 6 บน UK Singles Chart ส่วนในอเมริกา ติดอันดับ 12, 8, และ 3 บน Billboard Hot 100, Billboard Hot Adult Contemporary Tracks, และ Billboard Hot Mainstream Rock Tracks ตามลำดับ ส่วนอันดับเพลงสิ้นปีของเพลงนี้ อยู่ในอันดับ 68 โดยติดอันดับเพลงดังกล่าวในปี 2535
(ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)
.
สำหรับบทเพลงต้านความรุนแรงในเด็กนั้น...
ยุค 80's ต้อง Luka ของ Susanne Vega (เพลงนี้ สาว สาว สาว เคยนำมาร้องในอัลบั้มชุด Together เมื่อปี 2531)
ถ้าเป็นยุค 90's ต้องเพลงนี้เลย No Son Of Mine ของ Genesis เพลงนี้นี่เอง

*-----*


No Son Of Mine - Genesis
(แปลเมื่อ 11 มกราคม 2561)

 - Well the key to my survival was never in much doubt
หนทางพ้นภัย ไม่เคยอยู่ในข้อข้องใจที่มากมาย
The question was how I could keep sane trying to find a way out
คำถามก็คือ ฉันจะเก็บสติให้หาทางออกได้อย่างไร
Things were never easy for me peace of mind was hard to find
เรื่องราวต่างๆ ไม่เคยง่ายดาย หาใจที่สงบได้ยาก
And I needed a place where I could hide
somewhere I could call mine
อยากอยู่หนไหน ที่ฉันช่อนตัวได้ ที่เรียกว่าที่ฉันเอง



- I didn't think much about it til it started happening all the time
ฉันไม่คิดเรื่องนั้นมากหรอก จนมันเกิดกับฉันตลอดเวลา
Soon I was living with the fear everyday of what might happen that night
ไม่นานฉันก็อยู่กับความผวากับเรื่องที่อาจเกิดขึ้นณ คืนนั้น
I couldn't stand to hear the crying of my mother
ฉันคงไม่ทนที่จะฟังเสียงแม่ของฉันร้องไห้
And I remember when I swore that,
ฉันจำได้สาบานไว้เมื่อไร
That would be the last they'd see of me
คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เห็นฉัน
And I never went home again
และไม่หวนกลับมาบ้านอีกเลย



* They say that time is a healer
เขาบอกไว้ "เวลาเยียวยาใจ"
and now my wounds are not the same
ตอนนี้แผลของฉันไม่เหมือนก่อน
I rang the bell with my heart in my mouth
ฉันกดกริ่งประตูด้วยใจอันสั่นคลอน
I had to hear what he'd say
ฉันได้ยินเสียงที่พ่อพูด
He sat me down to talk to me
พ่อนั่งข้างฉัน เพื่อจะคุยกัน
He looked me straight in the eyes, he said:
ตาพ่อมองตรงที่ฉัน และพูดไป



** You're no son, you're no son of mine (×2)
แกไม่ใช่ลูกชายของฉันแล้ว
You walked out, you left us behind
ไสหัวไป แกทิ้งพ่อแม่ไว้
and you're no son, no son of mine
แกไม่ใช่ลูกชายของฉันแล้ว
Oh, his words how they hurt me, I'll never forget it
Oh คำของพ่อจะทำฉันเจ็บยังไง ไม่เคยลืม
And as the time, it went by, I lived to regret it
และ ณ ตอนนั้น ผ่านไปแล้ว อยู่กับความเสียใจ



*** You're no son, you're no son of mine
แกไม่ใช่ลูกชายของฉันแล้ว
But where should I go, and what should I do
แต่ฉันจะไปไหน และควรทำอย่างไร
You're no son, you're no son of mine
แกไม่ใช่ลูกชายของฉันแล้ว
but I came here for help, oh I came here for you
ฉันมานี่เพื่อร้องขอ oh ความช่วยเหลือจากคุณ



- Well the years they passed so slowly
หลายปีผ่านไปอย่างช้าเหลือหลาย
I thought about him everyday
ฉันคิดถึงเรื่องพ่ออยู่ทุกวัน
What would I do, if we passed on the street
หากเราเดินผ่านถนนพลัน จะทำไง
Would I keep running away
ฉันจะวิ่งหนีออกไปไหม
In and out of hiding places
ที่ช่อนตัว เปลื่ยนไปเปลื่ยนมา
Soon I'd have to face the facts
ไม่นานฉันเจอหน้าความจริง
We'd have to sit down and talk it over
พ่อแม่ลูกต่างนั่งลงคุยปรึกษากัน
And that would mean going back (*,**,***)
และนั่นหมายความย้อนมาว่า  (*,**,***)
*-----*

หลังจากที่เราได้ฟังเพลงนี้จนจบแล้ว ก็ได้เกิดคำถามข้อหนึ่ง คืิอ...
"เราจะแก้ปัญหาบ้านแตกสาแหรกขาดนี้ได้อย่างไร เพื่อให้เด็กคนๆ นั้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม"
ช่างคำถามที่น่าคิดจริงๆ

---

Thank You For Enjoy The Blog ^_^






Create Date : 13 มกราคม 2561
Last Update : 13 มกราคม 2561 22:55:55 น.
Counter : 2022 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MrTreeT-28
Location :
นครราชสีมา  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



"The Mr.Tree T-28's blog"
By Design for the Best"
A Fan-art Lover
Since April 29, 2017
Renovated on June 28, 2017
(All blogs are entertainment and education purpose only)
Enjoy The Blog ^_^