ค่าจ้างพนักงานของบริษัทแข่งขันได้จริงหรือเปล่า

มีคำถามเกิดขึ้นในช่วงนี้มากว่า หลังจากที่เราปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำกันแล้ว พนักงานที่ได้รับผลกระทบตามมาก็ต้องได้รับการปรับด้วย ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในระดับ ปวช. ปวส. หรือแม้กระทั่งปริญญาตรีในบางสาขาวิชาชีพ ก็เพื่อหนีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ออกไป ทื้งนี้ก็เพื่อให้เกิดแรงจูงใจที่ดีในการทำงาน รวมทั้งเกิดความเป็นธรรมมากขึ้นด้วย แต่เคยถามตัวเองหรือไม่ว่า พอปรับแล้ว อัตราที่เราปรับให้กับพนักงานนั้น แข่งขันได้จริงหรือไม่ และโครงสร้างเงินเดือนของเราจะต้องปรับอย่างไรบ้าง

โดยปกติแล้วการบริหารค่าจ้างเงินเดือนให้ตอบโจทย์ในเรื่องของการดึงดูดและรักษาพนักงานอย่างได้ผลนั้น เราจำเป็นที่จะต้องมีข้อมูลว่าตลาดที่แข่งขันในการจ้างคนกับเรานั้น จ่ายกันเท่าไหร่ และจ่ายกันอย่างไร

คำถามก็คือ ณ ปัจจุบันนี้ บริษัทของท่าน จ่ายเงินเดือนค่าจ้างให้กับพนักงานนั้น เรามีข้อมูลอ้างอิงหรือไม่ ถ้าไม่มีข้อมูลอะไรมาอ้างอิง คำถามถัดมาก็คือ แล้วเราทราบได้อย่างไรว่า อัตราที่เราจ่ายอยู่นั้น แข่งขันได้จริงๆ โดยเฉพาะในปีนี้ที่มีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ด้วย ยิ่งทำให้อัตราค่าจ้างในตลาดเกิดการปรับตัวสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้น สิ่งที่สำคัญมากๆ ในการบริหารค่าจ้างเงินเดือนปีนี้ ก็คือ ข้อมูลเรื่องค่าจ้างเงินเดือนว่า แต่ละบริษัทจ่ายกันอย่างไร มีการปรับตัว ปรับค่าจ้างกันอย่างไร อัตราเท่าไหร่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ เราจะหาได้จาก รายงานผลการสำรวจค่าจ้างเงินเดือนและสวัสดิการ

รายงานสำรวจค่าจ้างฯ นั้น โดยปกติก็จะมีหลายบริษัทที่ทำรายงานนี้ขาย ซึ่งแต่ละแห่งเองก็มีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันออกไป มีบริษัทที่เข้าร่วมในธุรกิจที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการที่จะเลือกเข้าหรือ ซื้อผลการสำรวจค่าจ้างนั้น คงต้องพิจารณาให้ดีก่อน โดยปกติสิ่งที่ต้องพิจารณาก็มีดังนี้ครับ

• ตำแหน่งตัวแทนที่เขาใช้ในการสำรวจค่าจ้างนั้น เป็นตำแหน่งที่บริษัทเรามีหรือเปล่า ถ้ามี ก็ต้องมีจำนวนพอสมควรที่เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนที่ดีของแต่ละระดับงานในบริษัทด้วย ก็เพื่อให้เราสามารถใช้ข้อมูลได้อย่างเต็มที่นั่นเอง ถ้าซื้อมาแล้วมีตำแหน่งงานที่ตรงกับบริษัทของเราน้อยมาก ก็จะไม่มีประโยชน์

• บริษัทที่เข้าร่วมการสำรวจ ก็ต้องพิจารณาว่า มีบริษัทต่างๆที่เข้าร่วมการสำรวจในจำนวนที่มากพอที่จะเป็นตัวแทนที่ดีของตลาดได้ อีกทั้งบริษัทที่เข้าร่วม ก็ต้องมีบริษัทที่เป็นคู่แข่งในการจ้างคนกับบริษัทเราด้วย เพื่อที่เราจะได้ทราบว่า บริษัทที่ใช้คนแบบเดียวกับเรานั้นเขาจ่ายค่าจ้างกันอย่างไร และเท่าไหร่ เพื่อจะได้เปรียบเทียบ และเอาข้อมูลมากำหนดโครงสร้างเงินเดือนที่สามารถแข่งขันได้นั่นเองครับ

• ข้อมูลทางสถิติต่างๆ สิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือ ข้อมูลในเชิงสถิติต่างๆ ว่ามีข้อมูลที่เราสามารถนำไปใช้ได้จริงๆ สักแค่ไหน และข้อมูลนั้นมีแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ และมีวิธีการคำนวณค่าทางสถิติที่เป็นสากล และนำไปใช้ได้จริง

• ข้อมูลการจ่ายค่าจ้างอื่นๆ และข้อมูลสวัสดิการ ซึ่งในส่วนนี้เกือบทุกแห่งที่ทำเรื่องของการสำรวจค่าจ้างนั้นมีข้อมูลเหล่านี้ให้อยู่แล้ว ข้อมูลเหล่านี้สำคัญมากนะครับ เพราะจะทำให้เราทราบว่า รูปแบบการจ่ายค่าจ้างของกลุ่มธุรกิจต่างๆ นั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้างที่นอกเหนือจากเงินเดือนปกติ ซึ่งจะเป็นข้อมูลให้เราสามารถออกแบบรูปแบบการจ่ายค่าจ้างของเราได้อย่างทัดเทียมกับบริษัทคู่แข่งเรานั่นเองครับ

จากหลักเกณฑ์ในการเลือกรายงานผลการสำรวจค่าจ้างดังกล่าว ก็น่าจะพอช่วยให้ท่านที่เป็น HR ที่ดูแลงานทางด้านการบริหารค่าจ้างเงินเดือนนำไปใช้ในการเลือกที่จะเข้าร่วมในการสำรวจค่าจ้างกับบริษัทไหนดี

ย้ำอีกครั้งนะครับว่า ปีนี้เป็นปีที่สำคัญมากสำหรับหลายๆ บริษัทที่จะต้องหาข้อมูลทางด้านค่าจ้างมาใช้อ้างอิงในการปรับอัตราค่าจ้างขององค์กรเรา ไม่ว่าจะเป็นอัตราแรกจ้างตามวุฒิการศึกษา อัตราโครงสร้างเงินเดือนที่เหมาะสม รวมทั้งรูปแบบค่าจ้างอื่นๆ ที่เกิดขึ้นว่ามีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้นำข้อมูลเหล่านี้มากำหนดโครงสร้างเงินเดือนของบริษัทให้สามารถแข่งขันได้นั่นเองครับ

หมายเหตุสุดท้าย ผมขออนุญาตประชาสัมพันธ์เรื่องของรายงานการสำรวจค่าจ้างของทางบริษัท การจัดการธุรกิจ จำกัด (BMC) ซึ่งปีนี้ทางเราจะพยายามสร้างฐานข้อมูลที่ใช้อ้างอิงได้ในการบริหารค่าจ้างเงินเดือน เพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมกับเราได้ข้อมูลที่ถูกต้อง และตรงตามความเป็นจริง หากสนใจก็ลองอ่านรายละเอียดได้จากเอกสารที่แนบมาในบทความนี้ครับ

Survey 2012

Create Date : 24 เมษายน 2555		0 comments
Last Update : 24 เมษายน 2555 6:42:02 น.
Counter : 1415 Pageviews.
Share Tweet