ถึงช่วงเวลาในการทำการสำรวจค่าจ้างเงินเดือนอีกครั้งแล้ว

เรื่องของการบริหารค่าจ้างเงินเดือนและสวัสดิการนั้น เป็นอีกเรื่องที่มีความสำคัญมากในกระบวนการบริหารทรัพยากรบุคคล เรียกได้ว่าเป็นด่านแรกที่ผู้สมัครงานจะเลือกหรือไม่เลือกองค์กรเรา ก็ดูจากเรื่องของค่าตอบแทนและสวัสดิการเป็นหลักก่อนเลย จากนั้นค่อยพิจารณาถึงชื่อเสียง และความมั่นคงขององค์กรตามมา ดังนั้นถ้าอัตราค่าตอบแทน และสวัสดิการขององค์กรของเราไม่ดึงดูดใจ และไม่สามารถแข่งขันได้กับบริษัทอื่นๆ ที่อยู่ในธุรกิจเดียวกับเรา เราก็มีแนวโน้มที่จะหาคนเก่งยากขึ้น และยังไม่สามารถรักษาคนเก่งให้อยู่ทำงานกับบริษัทได้อีกด้วย

ดังนั้นจึงเกิดเครื่องมือในการบริหารค่าจ้างเครื่องมือหนึ่งที่มีชื่อว่า “การสำรวจค่าจ้างและสวัสดิการ” ขึ้นในตลาดบ้านเรา และในปัจจุบันองค์กรเอกชนก็เริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องของข้อมูลเงินเดือนและสวัสดิกการของตลาด จำนวนมากขึ้นทุกปี ผิดจากสมัยก่อนที่ยังคงเชื่อมั่นว่าเรื่องของเงินเดือนเป็นเรื่องลับ ไม่ควรเปิดเผย จนกระทั่งบริษัทเราต้องเสียคนเก่ง และคนดีไปให้กับคู่แข่ง แล้วค่อยมาเห็นความสำคัญของเรื่องการสำรวจค่าจ้างและสวัสดิการ

บริษัทของท่านผู้อ่านเองล่ะครับ สนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องข้อมูลค่าจ้างเงินเดือนและสวัสดิการมากน้อยเพียงใด เรื่องของค่าจ้างนั้น เราไม่สามารถหลับตากำหนดเงินเดือนให้กับพนักงานได้เลย เราต้องอาศัยข้อมูลของตลาดว่า โดยปกติทั่วไปแล้ว ตำแหน่งงานในลักษณะนี้ ตลาดจ่ายอยู่ประมาณเท่าไร เพื่อที่จะได้นำข้อมูลเหล่านั้นมากำหนดเป็นโครงสร้างเงินเดือนของบริษัทเรา ที่เป็นโครงสร้างเงินเดือนที่สามารถแข่งขันได้กับตลาดด้วย

ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่บริษัทที่ปรึกษามากมายหลายแห่ง เปิดตัวเรื่องของโครงการสำรวจค่าจ้างและสวัสดิการขึ้น เพื่อให้บริษัทที่สนใจข้อมูลเหล่านี้ได้เข้าร่วม และนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการบริหารค่าจ้างเงินเดือนและสวัสดิการของบริษัท สิ่งที่ควรจะพิจารณาให้ดีก่อนที่จะเข้าร่วมโครงการสำรวจค่าจ้างและสวัสดิการก็คือ

• ลักษณะของตำแหน่งงานตัวแทนที่แต่ละแห่งใช้นั้น มันเป็นตัวแทนของตำแหน่งงานในบริษัทเราได้หรือไม่ และมีจำนวนมากพอหรือไม่ที่จะนำมาอ้างอิงกับตำแหน่งงานของบริษัทเราเอง

• จำนวนบริษัทที่เข้าร่วม ต้องมีมากพอ น้อยไปก็ไม่ดี มากไปก็ไม่ดี ที่สำคัญก็คือ เป็นบริษัทที่แข่งขันกับเราในการว่าจ้างพนักงานในลักษณะเดียวกันหรือเปล่า ถ้ามีเยอะ เราก็จะได้เปรียบในการใช้ข้อมูลจากรายงานสำรวจค่าจ้างฉบับนั้น

• วิธีการเก็บข้อมูล เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากครับ การเก็บข้อมูลที่เรียกว่าเป็นวิธีการเก็บข้อมูลที่ดีที่สุดก็คือ การที่ผู้ทำการสำรวจเข้าพบผู้เข้าร่วมทีละบริษัท เพื่อทำการเปรียบเทียบลักษณะงาน ซึ่งจะทำให้การเปรียบเทียบงานออกมาแม่นยำมากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับการที่ให้แต่ละบริษัทไปเทียบงานกันเอง ซึ่งจะก่อให้เกิดการเบี่ยงเบนได้ เพราะบางบริษัทอ่านชื่อตำแหน่งแล้วก็เทียบเลย โดยไม่ได้ดูเนื้อหาหน้าที่และความรับผิดชอบของตำแหน่งงานเลยด้วยซ้ำไป ผลที่ออกมาก็คือ รายงานค่าจ้างเงินเดือนที่อยู่บนพื้นฐานของค่างานที่ไม่เท่ากัน แต่อย่างไรก็ดี การที่ท่านเข้าร่วมโครงการสำรวจค่าจ้างแบบ Public ก็คือ แบบเปิดให้องค์กรใดๆ เข้าร่วมก็ได้นั้น วิธีนี้จะทำให้ได้จำนวนบริษัทเข้าร่วมเยอะมาก แต่ก็จะเป็นข้อจำกัดให้บริษัทที่ทำการสำรวจไม่สามารถออกไปพบลูกค้าเพื่อเปรียบเทียบงานในทีละบริษัทได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องของเวลาเป็นตัวกำหนดไว้ ก็เลยต้องอาศัยวิธีการประชุมเพื่อชี้แจงรายละเอียดของตำแหน่งงานกัน ซึ่งก็เป็นวิธีการที่น่าจะพอช่วยให้เราเปรียบเทียบค่างานได้ชัดเจนมากขึ้น

• รายงานที่ออกมามีข้อมูลเชิงสถิติที่เราสามารถนำไปใช้ได้จริง ซึ่งรายงานสำรวจค่าจ้างฯ ในปัจจุบัน ก็มีค่าสถิติมาตรฐานอยู่แล้ว

เรื่องของการเข้าร่วมโครงการสำรวจค่าจ้างนั้น ก็ให้พิจารณาตามที่แนะนำไว้ อีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องยึดไว้ให้มั่นก็คือ บริษัทของเราบริหารค่าจ้างเงินเดือนบนพื้นฐานของอะไร ค่างาน หรืออาวุโสกันแน่ เพราะ มีผลต่อการเลือกรายงานสำรวจค่าจ้างนะครับ บางแห่งจัดทำขึ้นบนพื้นฐานของระบบอาวุโส เน้นเรื่องของอายุงาน และอายุตัวเป็นหลัก แต่ส่วนใหญ่ในตลาดบ้านเรา จะเน้นไปที่เรื่องของค่างาน ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่เป็นธรรมมากที่สุดในการเปรียบเทียบค่าจ้างระหว่างตำแหน่งงานต่างๆ มากกว่าการเปรียบเทียบไปที่อายุงานหรืออายุตัว

ปีนี้ก็ลองพิจารณาหาโครงการที่เหมาะสมกับท่านสัก 1-2 โครงการนะครับ เพื่อที่จะได้มีข้อมูลในการบริหารค่าจ้างเงินเดือนและสวัสดิการ เนื่องจากปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องของราคาสินค้าที่แพงขึ้นมาก แถมรัฐยังขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการอีกด้วย ก็เป็นที่น่าสนใจว่า แล้วภาคเอกชนจะขยับตัวอย่างไรกันบ้างในเรื่องของค่าจ้างและสวัสดิการ

Create Date : 22 มีนาคม 2554		0 comments
Last Update : 22 มีนาคม 2554 6:08:23 น.
Counter : 1204 Pageviews.
Share Tweet