ไม่ทราบว่าเคยได้ยินใครในบริษัทบ่นประโยคข้างต้นให้ได้ยินบ้างหรือเปล่าครับ ประโยคนี้มักจะเกิดขึ้นกับเหล่าบรรดาผู้จัดการที่ลูกน้องของตนเองจะต้องถูกส่งไปฝึกอบรมไม่ว่าในเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ก็มักจะบ่นอุบเลยว่า ไม่รู้จะอบรมอะไรกันนักหนา เสียเวลาทำงาน ท่านเองล่ะครับคิดอย่างไรกับประโยคนี้บ้าง
การที่พนักงานจะสามารถทำงานได้ดี หรือมีประสิทธิภาพประสิทธิผลมากขึ้นนั้น ความรู้และทักษะแบบเดิมๆ ไม่สามารถที่จะใช้ได้ไปตลอด สาเหตุก็เพราะความรู้ในด้านต่างๆ นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นเร็วมาก ดังนั้นการที่เราไม่พัฒนาตนเอง ไม่ได้แปลว่าความรู้เราจะเท่าเดิมนะครับ จริงๆ แล้วเรากำลังถอยหลังต่างหาก
องค์กรก็เช่นกัน การที่องค์กรจะไปสู่เป้าหมายที่สูงขึ้นทุกปีนั้น ถ้าพนักงานทุกคนยังคงทำงานเหมือนเดิม มีความรู้และทักษะแบบเดิมๆ ผมถามว่างานที่ยากขึ้นนั้นจะสำเร็จได้สักเท่าไรกัน
หัวหน้างานส่วนใหญ่มักจะมอบหมายงานที่ยากขึ้นให้กับพนักงานทุกปี และคาดหวังว่าพนักงานของตนเองจะต้องสร้างผลงานที่ดีขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ แต่กลับไม่เคยคิดที่จะพัฒนาพนักงานของตนเองสักเท่าไร เวลาที่ลูกน้องขอไปฝึกอบรม ก็มักจะมีข้ออ้างเสมอว่า เสียเวลาทำงาน งานตอนนี้เยอะมาก อย่าเพิ่งไปฝึกอบรมเลย ฯลฯ ถ้าทั้งปีงานเยอะตลอดเวลา สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ พนักงานก็จะไม่ได้มีโอกาสในการเพิ่มเติมความรู้และทักษะในการทำงานได้เลย แล้วแบบนี้พนักงานจะรับผิดชอบได้มากขึ้นได้อย่างไร จะแก้ปัญหาที่ยากขึ้นได้อย่างไร
ผมเคยได้ยินมาว่าหัวหน้างานบางคน เมื่อลูกน้องขอไปฝึกอบรมเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะของตนเอง โดยที่เป็นหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับงานโดยตรง และหลักสูตรนั้นจะต้องเรียน 2 วัน เชื่อหรือไม่ครับว่า หัวหน้าของพนักงานคนนี้อนุมัติให้ไปฝึกอบรมได้ แต่ให้ไปแค่วันเดียว โดยให้เหตุผลว่า เสียเวลาทำงาน แปลกดีนะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าคิดได้อย่างไร หลักสูตร 2 วันจบ แต่ให้ไปเรียนวันเดียว แล้วจะเอาความรู้ที่ไหนมาใช้ในการทำงานได้ แต่หัวหน้าก็ยังคงคาดหวังและมอบหมายงานที่ยากขึ้นให้ และพนักงานก็ยังคงทำไม่ได้ พอทำไม่ได้ก็ดุด่าว่ากล่าวว่า งานแค่นี้ทำไมถึงทำไม่ได้
พูดถึงเรื่องของการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะแล้วก็อดนึกถึงร้านกาแฟแห่งหนึ่งไม่ได้ ร้านกาแฟร้านนี้ชื่อว่า สตาร์บั๊ค ครับ ประมาณปี 2008 ร้านกาแฟนี้เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับคนชงกาแฟที่ชงไม่ได้มาตรฐาน CEO ตอนนั้นก็คือ โรเบิร์ต ชูส์ล ก็ปรึกษาทีมผู้บริหารว่าจะทำอย่างไรดีเพื่อพัฒนาวิธีการชงกาแฟให้ได้มาตรฐานในครั้งเดียว เพราะตอนนั้นก็มีเป็นพันสาขาแล้วทั่วอเมริกา คำตอบที่ได้ก็คือ ปิดร้านพร้อมกันทั้งประเทศ เพื่ออบรมพนักงานชงกาแฟใหม่ เชื่อมั้ยครับว่า CEO ตอบตกลง และให้ดำเนินการทันที สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การยอมเสียระยะสั้น เพื่อผลในระยะยาว การปิดร้านในครั้งนั้นทำให้รายได้ของร้านหายไป 6 ล้านเหรียญเลยทีเดียว แต่ผลที่ได้ก็คือ ศิลปะในการชงกาแฟที่ดีขึ้น มีมาตรฐานสูงขึ้น ซึ่งพิสูจน์ได้จากผลตอบรับจากลูกค้าของร้านนั่นเองครับ
การฝึกอบรมพนักงานนั้นคือการลงทุนครับ ถ้าเราไม่ลงทุนแล้วเราจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างไร