Bloggang.com : สายหมอกและก้อนเมฆ - วัดพิชยญาติการาม วรวิหาร (๑)

วัดพิชยญาติการาม วรวิหาร (๑)

สวัสดีวันคริสต์มาส และวันพระค่ะ แรกเลยตั้งใจจะทำรูปและอัพบล็อกวัดราชประดิษฐ์ วัดประจำรัชกาลที่ ๔ ต่อเนื่องจากวัดราชโอรส วัดประจำรัชกาลที่ ๓ เลย มานั่งดูโฟลเดอร์รูป ยังเหลือวัดที่ไปถ่ายรูปมาตั้งแต่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ วันนั้นถ่ายมา ๓ วัด ในละแวกเดียวกัน คือ วัดอนงคาราม วัดประยุรวงศาวาส อัพบล็อกไปแล้ว ยังเหลืออีก ๑ วัดคือ วัดพิชยญาติการาม ขอเป็นวัดนี้ก่อนนะคะ จะได้เก็บรูปขึ้น External Harddisk

วัดพิชยญาติการามวรวิหาร หรือ วัดพิชัยญาติ ตั้งอยู่เชิงสะพานพุทธ บริเวณที่เดิมเรียกว่าวงเวียนเล็ก ในแขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ริมคลองบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) หรือ สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย ครั้งมีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาศรีพิพัฒน์ราชโกษา ได้ปฏิสังขรณ์วัดร้างขึ้นใหม่ประมาณ พ.ศ. ๒๓๗๒ - ๒๓๗๕ ในรัชกาลที่ ๓ เนื่องจากสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อยขณะนั้นเป็นจางวางพระคลังสินค้า มีเรือสำเภาค้าขายกับจีน จึงได้นำอับเฉาเรือ กระเบื้องสี และหินมาจากจีน สถาปัตยกรรมวัดนี้มีลักษณะแบบไทยผสมจีน ซึ่งเป็นแบบพระราชนิยมในสมัยนั้น

หลังการปรับปรุงก่อสร้างแล้วเสร็จ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติได้น้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โดยได้พระราชทานนามวัดนี้ในครั้งนั้นว่า “ วัดพระยาญาติการาม ”

ครั้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงได้พระราชทานนามวัดใหม่ จากแต่เดิมชื่อวัด “วัดพระยาญาติการาม” เป็น “วัดพิชยญาติการาม วรวิหาร” ซึ่งนิยมเรียกกันติดปากมาจนถึงปัจจุบันว่า วัดพิชัยญาติ

อ่านเพิ่มเติมเว็บของวัด คลิกเลยค่ะ

๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นอีกหนึ่งวันฟ้าหม่นเลยล่ะค่ะ

สมเด็จพระบรมมหาพิชัยญาติ ผู้บูรณะปฏิสังขรณ์

พระอุโบสถตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างพระปรางค์ใหญ่ ๓ ยอด ถ้าหากสังเกตให้ดีจะพบว่า

หน้าบันของพระอุโบสถ์อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าหน้ามุกของพระปรางค์องค์ใหญ่สอดคล้องรับกันอย่างหน้าอัศจรรย์ใจ

ที่นี่เป็นสถานปฏิบัติธรรม ที่มีพุทธศาสนิกชนมาถือศีลแทบจะทุกเสาร์-อาทิตย์ และวันสำคัญทางศาสนา

หลังคาพระอุโบสถ มีลักษณะเหมือนเก๋งจีน ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันเป็นลายปูนปั้นรูปมังกรประดับกระเบื้องสี

ด้านหน้าพระอุโบสถมีการประดับเสาแบบจีน มีลวดลายมังกรและลายต้นกัลปพฤกษ์แสดงถึงสิ่งที่เป็นสิริมงคล

รอบฐานของพระอุโบสถรอบนอก ซึ่งมีหินแกรนิตรายรอบทั้ง ๔ ด้าน จะเห็นภาพประกอบแกะสลักพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊ก

รวมทั้งสิ้น ๒๒ ภาพ เรื่องราวไม่ได้ต่อเนื่องกัน ยกมาเป็นตอนๆ เฉพาะที่สำคัญ เช่น ตอน ขงเบ้งดีดพิณลวงสุมาอี้

ตอน เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยสู้รบกับลิโป้, ตอน จูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊า, ตอน กวนอูปลอยโจโฉ และตอน ม้าเฉียวแตกทัพโจโฉ เป็นต้น

ป้ายข้อความบอกว่า...เตียงบรรทม สมเด็จพระยาบรมวงศ์พิชัยญาติ

เพดาน งามมากค่ะ

กบพ่นน้ำ จิตรกรรมบนเสาพระอุโบสถ เรื่องราวการเดินเรือค้าขายกับเมืองจีน

เสาด้านนอกเป็นรูปมังกรพันรอบเสา

ตู้พระธรรมลายรดน้ำ

ตู้ประดับมุกลวดลายจีน

ภายในพระอุโบสถ ฝาผนัง และเสาภายใน เขียนลายดอกไม้ ต้นไม้สวรรค์ เช่น นารีผล และกัลปพฤกษ์

หลังพระประธานเขียนเป็นรูปซุ้มเรือนแก้ว

จิตรกรรมฝาผนัง เป็นลายดอกไม้ พื้นลายสีน้ำเงิน ลายดอกไม้ใบไม้ผูกเป็นลายในกรอบสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ต่อเนื่องสลับกันไป

เรียกว่า ลายแผงหรือลายก้านแย่ง ส่วนตรงกลางมีลายดอกพุดตานอยู่ตรงกลาง เรียกว่า ลายประจำยามก้านแย่งดอกพุดตาน

พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปสุโขทัย อัญเชิญมาจากวัดพระวิหารหลวง เมืองพิษณุโลก มีพระนามว่า "พระสิทธารถ" เป็นพระโบราณรุ่นเดียวกับพระพุทธชินราชและพระพุทธชินสีห์ รัชกาลที่ ๔ ได้เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานพระกฐินที่วัดนี้ครั้งหนึ่ง ทอดพระเนตรเห็นองค์พระงดงาม จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานนำฉัตรพื้นขาว ๕ ชั้นมาถวายเป็นพุทธบูชา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๐

สมเด็จพระสิทธารถพุทธเจ้า หรือ สมเด็จหลวงพ่อสมปรารถนา หน้าตักกว้าง ๓ ศอก ๑ คืบ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่และมีความงดงามมาก

ที่เรียกกันว่า สมเด็จหลวงพ่อสมปรารถนา เนื่องด้วยความเชื่อของพุทธศาสนิกชนที่เชื่อกันว่า ถ้ามากราบขอพรอันใดกับหลวงพ่อ

ท่านจะประทานพรให้สำเร็จสมปรารถนาทุกคนไป

นอกจากสมเด็จพระสิทธารถพุทธเจ้า อันเป็นพระประธานแล้ว ในพระอุโบสถ หน้าองค์พระสมเด็จพระสิทธารถพุทธเจ้า ยังมีองค์พระพุทธรูปปางสมาธิประดิษฐานอยู่อีกองค์หนึ่ง หน้าตักกว้าง ๑ ศอก สูง ๑ ศอก ๑ คืบเศษ สร้างโดย พระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ประดิษฐานไว้เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๕ มีชื่อเรียกว่า “พระวรวินายก หรือ หลวงพ่อดำ“

มีเรื่องราวเล่าขานต่อๆ กันมาเกี่ยวกับพุทธานุภาพของหลวงพ่อดำ ที่คอยปกปักชาวชุมชนย่านคลองสาน ว่ากันว่าตั้งแต่มีพระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐานอยู่ ยังไม่เคยมีผู้ใดจมน้ำตายหน้าวัด แม้เรือจะล่มหรือพลัดตกน้ำก็ตาม เหตุที่เป็นเช่นนี้ ชาวบ้านต่างเชื่อกันว่าเป็นเพราะเมตตาธรรมหรือความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อดำนั่นเอง