Group Blog
 
All blogs
 
วัดโมลีโลกยาราม ราชวรวิหาร







สวัสดีวันจันทร์ค่ะ ช่วงนี้ใกล้ปิดเทอมแล้ว... หมอกสอบวันนี้วันสุดท้ายแล้วปิดเทอมเลย ส่วนเมฆก็สอบเสร็จวันศุกร์นี้แล้วปิดเทอมเหมือนกันค่ะ เราคงจะเหมือนแม่อีกหลายคนที่พอลูกปิดเทอมไม่ได้ไปโรงเรียน เหมือนจะว่าง...แต่รู้สึกว่ายิ่งยุ่งค่ะ ไม่รู้อะไรเยอะัแยะไปหมด ออกตัวก่อนว่า ช่วงนี้อาจจะมีผลุบๆ โผล่ๆ บ้าง หรือแวะทักทายได้ไม่ครบบ้าง ตามแต่เวลาเอื้ออำนวย...แต่จะพยายามมาอัพบล็อกเรื่อยๆ ค่ะ...











วัดโมลีโลกยาราม ราชวรวิหาร...ไม่ได้อยู่ในแผนการเดินทางทริปนี้ค่ะ ตอนมามัสยิดเราเดินฝั่งซ้าย คือฝั่งมัสยิด

ขากลับเลยอยากเดินฝั่งขวาบ้าง เลยเจอวัดโดยบังเอิญ...วัดนี้...ไม่ได้ทำการบ้านมาก่อนค่ะ






อ่านจากชื่อ...เห็นว่าเป็นวัดหลวง เลยขอแวะซักหน่อย






อีกมุมหนึ่งของคลองบางกอกใหญ่...










วัดโมลีโลกยาราม ราชวรวิหาร

วัดโมลีโลกยารามเป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยอยุธยา แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างเมื่อใด ใครเป็นผู้สร้างในสมัยนั้นเรียกว่า วัดท้ายตลาด เพราะอยู่ต่อจากตลาดเมืองธนบุรี แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี ได้ทรงรวมอุปจารวัดแจ้ง (วัดอรุณราชวราราม) และวัดท้ายตลาดเข้าไปในพระราชวัง ซึ่งเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์มาจำพรรษาตลอดรัชกาล


ต่อมาสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงย้ายเมืองหลวงมาตั้งที่ฝั่งกรุงเทพฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้นิมนต์พระสงฆ์ มาจำพรรษาทั้งที่วัดแจ้งและวัดท้ายตลาด ทรงตั้งพระมหาศรี วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) เป็นพระเทพโมลี และภายหลังได้สถาปนา เป็นพระพุทธโฆษาจารย์ มาเป็นเจ้าอาวาสวัดท้ายตลาด
























เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ครั้งเป็นสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ได้โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และสร้าง พระอุโบสถ และพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดพุทไธศวรรย์" ในสมัยนั้นการศึกษาวิชาการต่างๆ นั้นต้องไปศึกษาตามวัด จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระโอรสไปศึกษาอักษรสมัยเบื้องต้นในสำนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ขุน) ซึ่งเป็นพระราชาคณะแห่งวัดนี้ ขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์เป็นพระพุทธโฆษาจารย์ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของเจ้านายในสมัยนั้นมาก และยังเป็นพระราชกรรมวาจาจารย์ ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อเสด็จออกผนวช


ต่อมา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดใหม่ทั้งพระอาราม ทรงพระราชทานนามใหม่ ว่า "วัดโมลีโลกสุธาราม" ภายหลังได้เรียกกันว่า "วัดโมลีโลกยาราม" ในรัชสมัยนี้ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถึงแก่มรณภาพ เมื่อ พ.ศ.๒๓๘๖ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้หล่อรูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ขุน) ประดิษฐานไว้ในหอที่วัดโมลีโลกยาราม เพื่อสักการะบูชาเวลาเสด็จพระ ราชดำเนินมาพระราชทานผ้าพระกฐิน จึงสืบเนื่องเป็นประเพณีมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน












เสียดายค่ะ...ไม่น่าเชื่อว่าเป็นวัดหลวง...

















ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้ทรงปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ ทรงสร้างกุฏิตึกเจ้าอาวาส หอสวดมนต์ และหอกลาง ต่อมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงปฏิสังขรณ์หอพระไตรปิฎกซึ่งเป็นโบราณสถานของวัด ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดผ้าพระกฐินในปีพุทธศักราช ๒๔๑๘


ต่อมาเมื่อสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี เสด็จออกไปประทับกับพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชโอรสพระองค์น้อยที่พระราชวังเดิมฝั่งธนบุรี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้รื้อพระตำหนักแดง* ที่เคยประทับในพระบรมมหาราชวังไปสร้างถวายที่พระราชวังเดิมทั้งหมู่ ครั้นสมเด็จ พระศรีสุริเยนทราบรมราชินีเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระตำหนักแดงไปสร้างถวายเป็น กุฏิเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม


ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงจัดลำดับพระอารามหลวงให้วัดโมลีโลกยารามเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร และได้เสด็จพระราชดำเนินทอดถวายผ้าพระกฐินในปีพุทธศักราช ๒๔๕๘


วัดโมลีโลกยารามเป็นพระอารามหลวงที่มีความสำคัญมากในประวัติศาสตร์กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นวัดเก่าแก่สมควรที่จะได้รับการดูแลรักษาบูรณปฏิสังขรณ์ให้คงอยู่คู่พระราชวังเดิมแห่งกรุงธนบุรี เป็นการอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่สืบไป


ปัจจุบันวัดโมลีโลกยาราม มีจำนวนพระภิกษุสามเณรที่เข้าจำพรรษาทั้งสิ้น ๑๒๖ รูป เป็นพระภิกษุ ๖๙ รูป สามเณร ๕๗ รูป มีโรงเรียนพระปริยัติธรรมเปิดสอนแผนกบาลีตั้งแต่ชั้นประโยค ๑-๒ ถึงเปรียญธรรม ๙ ประโยค และนักธรรมชั้นตรีถึงชั้นเอกพระภิกษุ สามเณรทุกรูป ต่างได้ปฏิบัติศาสนกิจและศึกษาเล่าเรียน และบอกสอนพระธรรมวินัยตามความสามารถ














พระอุโบสถ ลักษณะทรงไทยยุคต้นรัตนโกสินทร์ ขนาดกว้าง ๙.๕๐ เมตร ยาว ๒๕ เมตร หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ ช่อฟ้าใบระกาไม้สักลงรักปิด กระจกภายในผนังและเพดานเขียนภาพทรงข้าวบิณฑ์ ประตูและหน้าต่างแกะสลักลายกนกลงรักปิดทองงดงาม หน้าบันมีตราไอยราพรตรัชกาลที่ ๔ ตามหลักฐานน่าจะสร้างในรัชกาลที่ ๑ ที่โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จ ฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร (รัชกาลที่๒) รับเป็นธุระสร้างขึ้น และได้รับการ
ปฏิสังขรณ์ใหม่ในรัชกาลที่ ๔ จึงมีตราประจำรัชกาลประดิษฐานที่หน้าบัน



















พระวิหาร ลักษณะทรงไทยผสมจีน ขนาดกว้าง ๘.๗๕ เมตร ยาว ๑๙.๗๕ เมตร หลังคามุงกระเบื้องเคลือบดินเผา ช่อฟ้าใบระกาปั้นด้วยปูน ด้านในกั้นเป็น ๒ ห้อง ด้านหลังเป็นห้องเล็กมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ และพระอัครสาวกประทับผินพระพักตร์ไปทางพระอุโบสถผนังและเพดานเขียนลวดลายงดงาม ด้านหน้าเป็นห้องใหญ่ตรงกลางมีแท่นชุกชีประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ประมาณ ๒๐ องค์ ผนังฉาบปูน ประตูและหน้าต่างทุกช่อง เขียนลายรดน้ำงดงามแต่ชำรุด เพดานเขียนลวดลายเป็นกลุ่มดาว สร้างเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน เพียงเล่าสืบกันมาว่า สมัยกรุงธนบุรีโปรดให้ใช้เป็น ฉางเกลือ จนมีผู้เรียกว่า "พระวิหารฉางเกลือ" มาจนถึงทุกวันนี้















วันที่เราไป...ปิดหมด ไม่เห็นภายในทั้งพระอุโบสถ และวิหาร















หอสมเด็จ หอนี้แบ่งเป็น ๒ ชั้น คือชั้นฐานและชั้นตัวหอ ชั้นฐาน กว้าง ๖.๒๐ เมตร ยาว ๒๑.๕๐ เมตร เป็นฐานรับหอสมเด็จและ พระเจดีย์ มีบันได้ขึ้นลง ๒ ทางแบ่งเป็นช่อง ๆ แต่ละช่องมีรูปปั้นทหารแบกฐานไว้แต่ชำรุด ชั้นตัวหอ ประกอบด้วยหอสมเด็จและองค์พระเจดีย์ทรงลังกาประจำอยู่มุมละ ๑ องค์ นัยว่าเป็นเจดีย์ที่บรรจุพระเมาฬีของรัชกาลที่ ๓ และรัชกาลที่ ๔ ด้านหน้าเป็นอุโมงค์บรรจุรอยพระพุทธบาทจำลอง เฉพาะตัวหอสมเด็จ กว้าง ๔.๐๐ เมตร ยาว ๘.๖๐ เป็นตึกทรงไทย ภายในประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระพุทธ โฆษาจารย์ (ขุน) หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ ประตูและหน้าต่างเขียนภาพลายรดน้ำงดงาม นับเป็นสิ่งที่หาชมได้ยากยิ่ง





































หอพระไตรปิฎก เรียกทั่วไปว่า หอไตร เป็นอาคารไม้ ทรงไทยพื้นสูง ขนาดกว้าง ๗.๕๐ เมตร ยาว ๑๑.๕๐ เมตร หลังคามุงกระเบื้อง เคลือบใช้ปูนปั้นรูปเจดีย์แทนช่อฟ้า ประตู หน้าต่าง และผนังด้านในเขียนภาพลายรดน้ำสวยงาม คงสร้างในรัชกาลที่ ๓ และปฏิสังขรณ์ในรัชกาลที่ ๕ แต่พระรัตนมุนี เจ้าอาวาสรูปที่ ๑๑ ให้ก่ออิฐเสริมชั้นล่างทำเป็นห้อง จึงเสียรูปทรงเดิมไป ขณะนี้ชำรุดทรุดโทรมมากทั้งตัวอาคารและลายรดน้ำ


ศาลาการเปรียญ สร้างด้วยไม้ล้วน ยาว ๑๕ วา กว้าง ๕ วา หลังคามุขลด ๒ ชั้น มุงกระเบื้องไทย นอกจากปูชนียวัตถุและถาวรวัตถุแล้ว สิ่งสำคัญที่เป็นสังหาริมทรัพย์วัตถุซึ่งได้รับพระราชทานไว้สำหรับวัดคือ

๑. พระไตรปิฏกฉบับพิมพ์ในรัชกาลที่ ๕ พร้อมตู้บรรจุ จำนวน ๑ จบ
๒. พระไตรปิฏกสยามรัฐ ซึ่งเป็นฉบับพิมพ์ในรัชกาลปัจจุบัน จำนวน ๑ จบ
๓. พระบรมรูปหล่อพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องยศจอมพลทหารบก
๔. ธรรมาสน์ลายทอง ซึ่งเป็นเครื่องสังเค็ด* ในคราวงานถวายพระราชทานเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
๕. คัมภีร์ภิกขุปาฏิโมกข์พร้อมทั้งตู้และธรรมาสน์สำหรับนั่งสวด ซึ่งเป็นเครื่องสังเค็ดในงานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์











































แผนที่การเดินทาง...









หมายเหตุ

อย่างที่บอกไว้ค่ะ...เราไปวัดนี้ แบบไม่ได้เตรียมตัวหาข้อมูลมาก่อน ถ่ายรูปกลับมาแล้ว มาค้นข้อมูลเพิ่มเติม...ถึงได้รู้ว่า...วัดโมลีโลกยาราม วัดหลวงแห่งนี้ มีความสำคัญมากมาย... ถ้าใส่รูปไม่ตรงกับหัวข้อเรื่อง ขออภัยด้วยค่ะ






กลับจริงๆ แล้วค่ะ เดินผ่านสะพานอนุทินสวัสดิ์เหมือนเดิมแต่คนละฝั่ง






เดินฝั่งนี้ เลยเห็นป้ายคลองบางกอกใหญ่ด้วย






อีกมุมของคลองบางกอกใหญ่ หรือคลองบางหลวง







ไม่รู้ยังใช้การได้มั้ย เห็นจอดอยู่เลยถ่ายมา...






ขอบคุณข้อมูล : //www.watmoli.org/



ขอบคุณเฮดบล็อก และบีจี คุณญามี่


ทริปนี้เราเดินทางแบบนี้ค่ะ...วัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร --> โบสถ์ซางตาครู้ส --> ชุมชนกุฎีจีน -->

มัสยิดบางหลวง --> มัสยิดต้นสน ---> วัดโมลีโลกยาราม ราชวรวิหาร


ทริปนี้...อัพหมดแล้วค่ะ


บล็อกหน้า...คั่นบล็อกวัดก่อนเนาะ...พระปฐมราชานุสรณ์ค่ะ






Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 17 กรกฎาคม 2555 20:07:46 น. 35 comments
Counter : 11851 Pageviews.

 
แวะเที่ยววัดวัดโมลีโลกยารามด้วยคนครับ .....

วัดนี้อย่างอื่นบูรณะจนดูใหม่หมด ยกเว้นอย่างเดียวคือรูปปั้นที่ยังดูเก่าอยู่ แต่ผมชอบเก่าๆ แบบนี้นะครับ ดูโบราณ น่าสนใจดี ถ้าทาสีใหม่คงจะไม่น่าสนใจเท่านี้ .....



โดย: NET-MANIA วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:22:35 น.  

 
ชอบวัดไทยๆเนอะ สวยดีอ่ะ


โดย: nompiaw.kongnoo วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:29:10 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่หนู ที่นี่ก็ร้อนมากมายค่ะ ..

.. ผู้คนป่วยกันระนาว..

ไว้จะมาเม้นต์ใหม่นะคะ..


โดย: poongie วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:04:06 น.  

 
เราเคยไปเดินเที่ยวครั้งหนึ่ง
เราเดินออกมาจากวัดอรุณ
แล้วเรียกแท๊กซี่บอกไปวัดโมฬี
แท๊กซี่ก็หยุดคิดนิดหนึ่ง
แล้วก็ชี้ไปซ้ายมือข้างหน้าบอกนี่ไงวัดโมฬี
เพล้ง...หน้าแตก เลยขอโทษพี่แท๊กซี่
แล้วก็เดินเข้าไปเที่ยว


โดย: hellojaae (hellojaae ) วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:16:34 น.  

 
อืมม์..หลายๆ อันก็ดูปล่อยปละละเลย ไม่สมเป็นวัดหลวงจริงๆ ด้วยค่ะ

แหะๆ พี่หนูเป็นเหมือนหนูเลยอ้ะ ตอนหนูไปไหว้พระเก้าวัด พอไหว้เสร็จ จะมาทำรีิวิว ถึงได้รู้ว่า อ้าว อันนี้ก็ไม่ได้ถ่ายรูป อันนั้นไม่ได้ไปดู

ขนมใส่ไส้นี่ ถ้าเจอเจ้าอร่อยๆ กินเพลินจริงๆ นะคะพี่ หนูเองชอบทั้งแป้งทั้งไส้ค่ะ หย่อยๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:25:22 น.  

 
พี่หนูพาเที่ยววัดบ่อยเหมือนกันนะเนี่ย ขอบคุณมากค่ะ


โดย: ดวงลดา วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:43:42 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่หนู ไม่ใชไมเกรนแล้วค่ะอาการออกทางตามาก ไปตรวจมาแล้ว ก็ไม่ได้ผิดปกติจากเดิมเท่าไหร่ นอกจากเจอต้อลมนิดหน่อย วันนี้วันหยุดค่ะ แต่มานั่งทำงานออฟฟิศอยู่ พรุ่งนี้จะไปเชียงใหม่ ต่อด้วยเขมรค่ะ ไม่รู้ว่าอาการจะดีขึ้นหรือแย่ลง

เด๊ยวว่าจะอัพบล็อกวัดที่แม่สอดด้วย ตอนนี้ขอตัวกลับบ้านก่อนค่ะ ฟ้าร้อง สงสัยฝนจะตกแน่นอน


โดย: Maew-Tua-Lek วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:59:16 น.  

 
สวัสดียามบ่ายครับ

ผมคนหนึ่งละ ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองคิดผิด ตอนลาออกจากงาน

ถ้ายังเป็นมนุษย์เงินเดือน ป่านนี้คงไม่มี "ปลายแป้นพิมพ์" ให้เพื่อนๆอ่านกันแน่นอน 555

2 ตายาย มาชวนป้าหนูไปเที่ยวกะเรา..


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:02:18 น.  

 
โฉบไปโฉบมาจริงๆด้วยครับ ตะกี้ไปบล็อกต่างประเทศ เสร็จแล้วเข้าบล็อกไปเขียนเรื่องสั้นหน้าหนึ่ง แล้วก็ไปฮอทเมลล์ ดูว่าใครส่งภาพโป๊มามั่ง อิ อิ

คุณทำอย่างนี้ ถ้าคุณกินเงินเดือนผมอยู่นะ ผมไล่คุณออก

โชคดี..ที่เราเป็นนายหัวเอง 5555


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:26:17 น.  

 
วัดสวยมากค่ะ



โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:44:47 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่หนู ตามมาเที่ยววัดนะคะ
วัดนี้ประวัติศาสตร์ยาวนานจริงๆ
ของคู่บ้านคู่เมือง เราต้องช่วยกันรักษานะคะ


โดย: diamondsky วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:02:07 น.  

 
โห วัดนี้เลยครับ คุณยายเราเคยบวชชี
เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2478 น่ากลับไป
เยี่ยมวัดนะเนี่ย คุณยายท่านเรียกว่า
วัดท้ายตลาดครับ จำได้แค่นี้เอง

ขอบคุณที่นำมาให้ดู ต้องไปบ้างแล้ว



โดย: nulaw.m วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:18:07 น.  

 


คุณลูกปิดเทอมก็ได้เที่ยวเยอะขึ้นซิคะ พี่หนู..



ร้านเค้กที่หัวหินอุ๊ไปกินร้านบ้านใกล้วังค่ะพี่หนู ชอบมากสุดๆก็เค้กมะพร้าวอ่อน กะที่เป็นชอคโกแลตลาวาอ่ะค่ะ

อู้ย พูดแล้วก็อยาก


โดย: อาราเล่ กะ กั๊ตจัง วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:38:18 น.  

 
เขาน่าจะบูรณะเพิ่มเติมนะครับ บูรณะเฉพาะของที่บูรณะได้ แต่อย่างพวกรูปปั้นไม่สามารถบูรณะได้ก็ปล่อยไป

ในรูปมีคนทิ้งขวดพลาสติกลงพื้นด้วย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:52:21 น.  

 
มุมมองคลองบางกอกใหญ่สวยดีนะคะ

คิดถึงพี่เช่นกันค่ะ^^



โดย: sierra whiskey charlie วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:52:58 น.  

 
สวัสดียามเย็นอีกรอบค่ะ..

แหม ขนาดไม่ได้ทำการบ้านมาก่อน ข้อมูลเพียบ.. เลย..

ปุ๋งน่ะ เวลาเที่ยวก็ทำการบ้านบ้าง ไม่ทำบ้าง ส่วนมากจะทำเรื่องวิธีไป วิธีมา..มากกว่า.. ส่วนรายละเอียดมาหาเอาทีหลังทุกที

ที่สนุกกว่าคือ ... ขุมทรัพย์ที่เราไปเก็บมา กับข้อมูลที่เรามาหาที่หลัง.. มันจะสอดคล้องและครอบคลุมมั้ย.. จะดีใจมาก ๆ ถ้ามีรูปของตัวเอง ประกอบคำอธิบายที่หามาได้ทีหลังได้ครบ.. (แสดงว่า... ตาแหลมคม..คิคิ.. สามารถมองเห็นจุดเด่น ๆ หลัก ๆ .. ของที่ที่ไปได้.. ) ตื่นเต้นไปอีกแบบค่ะ

แต่ตอนไปจริง ตื่นเต้นกว่า ว่าจะไปถึง ไปถูก ไปทัน.. รึเปล่า..

เดี๋ยวอัพเรื่องสนุก ๆ ให้อ่าน.. ให้ชม..

จืดชืดมาหลายบล็อคแล้ว (เข้ากับอารมณ์คนอัพ..ณ ตอนนั้น.. )

ไปทะเลค่ะ วางแผนแล้ว เดือนหน้าแน่นอน.. งานนี้มีหักหลังคุณน้องชาย.. คิคิ..



โดย: poongie วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:02:19 น.  

 
ทักทายยามดึก และเที่ยวชมวัดโมลีฯด้วยครับ
ภาพสวยครับ


โดย: wicsir วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:17:19 น.  

 






โดย: นู๋หญิงจ๋า วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:29:10 น.  

 
เที่ยวท่องล่องโขง สามพันโบก.. ปี 54 ของก๊วนเดิม..

ที่นี่..นะคะ





โดย: poongie วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:06:59 น.  

 
ได้ทั้งเที่ยว ได้ทั้งความรู้ จัดไป 1 อีแปะ


โดย: tiensongsang วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:40:52 น.  

 
พาเที่ยวซะเพลินจุใจเลยนะคะ
อิอิ
แวะมาเยี่ยมเช่นกันค่ะ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:56:11 น.  

 
แว๊บๆๆๆๆ มาทักทายสวัสดียามค่ำคืนครับพี่ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาอัพบล๊อกเลย
มาอัพที่ก้อแบบด่วนๆอ่ะครับ อิอิ แต่วัดที่พี่มารีวิวให้ดูนี่ สวยงามและเก่าแก่มากเลยครับ
ประวัติความเป็นมาก้อน่าสนใจมากๆด้วย ข้อมูลแน่นจริงๆ อิอิ
อยากหาเวลาเที่ยววัดที่กรุงเทพเยอะๆแบบนี้มั่งจัง แต่ยังหาโอกาสไม่ได้สักที
ได้แต่แอบมาชมภาพสวยๆ ของพี่แล้วทำตาปริบๆ อยากไปทุกที
อิอิ ขอบคุณภาพสวยๆและข้อมูลดีๆครับพี่ มีความสุขกับครอบครัวในทุกๆวันครับผม


โดย: ZeeBlue-Melody วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:23:45:58 น.  

 
ขอบคุณที่มาคุยด้วยหลายบล็อกเลยค่ะ

ทานยาแล้วหลับไปนานเลย
ตื่นมาอั๊พบล็อก

นอนหลับฝันดีนะคะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ



โดย: nart (sirivinit ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:0:25:18 น.  

 

ยังไม่กลับกรุงเทพคะพี่หนู
พรุ่งนี้ยังได้หยุดต่ออีกวัน ลารอบนี้มาหลายวัน
ลาซะให้คนแถวนู่นคิดถึงเล่น อิอิ

วัดในสมัยนั้นจะมีรูปปูนปั้นน่ะค่ะ
เกิดจากการค้าขายของไทยที่นำของไปขาย
ขากลับเมืองไทยเรือเบาจึงต้องนำปูนปั้นใส่เรือมายังเมืองไทย
เพื่อเป็นการถ่วงเรือ (ข้อมูลจากบ้านย่านาถคะ)

นอนหลับฝันดีคะพี่หนู


โดย: aenew วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:1:25:44 น.  

 
หวัดดียามเช้าค่ะพี่หนู ตามมาเที่ยวต่อค่ะ
ตอนนี้ ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่มาพร้อมกับงานเข้าค่ะ แต่สู้ค่ะ


โดย: kwan_3023 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:02:23 น.  

 
มาเที่ยวชมวัดเก่าด้วยคนครับ



โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:43:13 น.  

 
ตามมาชม วัด ครับ


โดย: Kavanich96 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:21:46 น.  

 
เมื่อสมัยที่ยังเรียนอยู่ จำได้ว่า ครูให้ท่องอักษรสูงว่า " งูใหญ่นอนอยู่ ณ ริมวัดโมลีโลก" จนตอนนี้ลูกสาวก็ได้ท่องอย่างนี้เหมือนกันค่ะ

เพิ่งได้เห็นวัดนี้จริงๆก็จากที่นี่ นี่เอง

เสียดายรูปปั้นต่างๆจังเลยนะคะ

เด็กๆปิดเทอมวันที่3ค่ะ คิดว่า จะพาเด็กๆไปบ้านคุณยายที่ นนทบุรี ปิดเทอมยาว อาจได้อยู่ยาวค่ะพี่หนู

พาเด็กๆไปเที่ยวไหนรึป่าวคะ


โดย: mie_family วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:29:59 น.  

 
จริงๆ แล้ว วัดในกรุงเทพฯ ที่ถูกทอดทิ้งให้ร้างยังมีอีกมากมายค่ะ
คงเป็นเพราะว่าอาจจะเป็นวัดในสมัยรัชกาลโน้น รัชกาลนี้
พอหมดสมัยแล้ว ก็ไม่มีการบูรณะ ไม่มีการเอาใจใส่
จึงทำให้ทางวัดต้องบูรณะตัวเองอย่างแกนๆ
เห็นไหมคะ กุฏิบางหลัง พังไปแล้ว ไม่มีการดูแลเลย
เอาสังกะสีมาปิดๆ ไว้อย่างนั้นเอง

มิหนำซ้ำ ตามประวัติบอกว่า พระวิหาร นำไปเป็น "ฉางเกลือ" อีก
เชื่อเขาเลย



โดย: addsiripun วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:30:12 น.  

 
จริงๆ แล้ว วัดในกรุงเทพฯ ที่ถูกทอดทิ้งให้ร้างยังมีอีกมากมายค่ะ
คงเป็นเพราะว่าอาจจะเป็นวัดในสมัยรัชกาลโน้น รัชกาลนี้
พอหมดสมัยแล้ว ก็ไม่มีการบูรณะ ไม่มีการเอาใจใส่
จึงทำให้ทางวัดต้องบูรณะตัวเองอย่างแกนๆ
เห็นไหมคะ กุฏิบางหลัง พังไปแล้ว ไม่มีการดูแลเลย
เอาสังกะสีมาปิดๆ ไว้อย่างนั้นเอง

มิหนำซ้ำ ตามประวัติบอกว่า พระวิหาร นำไปเป็น "ฉางเกลือ" อีก
เชื่อเขาเลย



โดย: addsiripun วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:30:12 น.  

 
หนีงานมาเมนท์ซะหน่อยก่อน อิอิ


โดย: nompiaw.kongnoo วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:12:53:05 น.  

 
ดูแต่รูป แล้วเลื่อนลง ปรือๆๆ อิอิ
นิสัยเสียอย่างแรง
สวสัดีคร้า ปูหายไปหลายวัน
เลยหอบบล็อกใหม่มาฝากค่ะ
ปิด จบ ซะที ดองนานเกิดอาการลืมๆๆๆ

ช่วงนี้ลุ้นลูกสอบติวเข้มกันค่ะ
เสียวมากๆๆ เพราะเจ้าลูกชายไร้สมาธิ
บวก เป็น ลบ ได้ไง งงจริงๆ



โดย: แม่ปู (ฮัลโลตอบหน่อย ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:14:26 น.  

 
เคยมาอ่านแล้วจริงๆ สี่ปีแล้วอ่ะเนอะ
ลืมไปเลย มาดูนี่อีก คราวนี้ต้องหา
เวลาไปเสียทีแล้ว เวลาชักจะร่อยหรอ อิอิ

คุณแม่พี่น่าจะอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ก่อน
เปลี่ยนแปลงการปกครองจนถึงปี 2478
ขอบคุณที่ส่งลิ้งค์ให้นะคะ พี่จะต้องเก็บ
ข้อมูลไปตามรอยเสียหน่อย



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 8 พฤษภาคม 2558 เวลา:18:57:57 น.  

 
วัดกับชาวบ้านอยู่คู่กันแต่มาถึงวันนี้วัดกลับไล่ยึดพื้นที่คืนทำให้คนเก่าคนแก่หายหมดเดกเล็กที่เติบโตมากับวัดต้องห่างหายผมคนนึงที่ต้องศูนย์เสียบ้านให้วัด😭


โดย: ปิยวุฒ ช้างแจ้ง (จิ้นโมลี) IP: 182.232.129.56 วันที่: 12 กรกฎาคม 2563 เวลา:12:55:02 น.  

 
วัดกับชาวบ้านอยู่คู่กันแต่มาถึงวันนี้วัดกลับไล่ยึดพื้นที่คืนทำให้คนเก่าคนแก่หายหมดเดกเล็กที่เติบโตมากับวัดต้องห่างหายผมคนนึงที่ต้องศูนย์เสียบ้านให้วัด😭


โดย: ปิยวุฒ ช้างแจ้ง (จิ้นโมลี) IP: 182.232.129.56 วันที่: 12 กรกฎาคม 2563 เวลา:12:55:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายหมอกและก้อนเมฆ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




เป็นคุณแม่ของ 1 ลูกสาว และ 1 ลูกชายค่ะ

เป็นแม่บ้านฟูลทาม อาชีพ ขสมก.
(แปลว่า...ขอสามีกิน อ่านเจอที่ไหนไม่รู้ ชอบค่ะ เลยยืมมาใช้หน่อย)

เมื่อไหร่ที่พอจะจัดสรรเวลาได้...
จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเสมอค่ะ...

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย พบเจออะไรดี ๆ ที่พอจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่มากก็น้อย เลยเอามาแบ่งปันกัน

ลิขสิทธิ์...เป็นของบุคคลที่อยู่ในภาพ
ขอบคุณค่ะ

Friends' blogs
[Add สายหมอกและก้อนเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.