Group Blog
 
All blogs
 
มัสยิดบางหลวง หรือ มัสยิดกุฎีขาว




หลังจากได้ดูสกู๊ปข่าวชวนท่องเที่ยวย่านกะดีจีนทางทีวี ทำให้เรานึกอยากไปตามรอยบ้าง...และหนึ่งในย่านกะดีจีนที่ว่า... คือ มัสยิดบางหลวงค่ะ (ที่อื่นๆ ก็อัพบล็อกไปบ้างแล้วนะคะใครสนใจหาอ่านเพิ่มเติมได้ค่ะ)


สำหรับ "ย่านกะดีจีน" เป็นย่านประวัติศาสตร์ที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยชุมชนเล็กๆ 6 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนวัดกัลยาณ์ ชุมชนกุฎีจีน ชุมชนวัดประยุรวงศ์ ชุมชนบุปผาราม ชุมชนกุฎีขาว และชุมชนโรงคราม ซึ่งคงความหลากหลายทางมรดกวัฒนธรรมของ 3 ศาสนา 4 ความเชื่อ (พุทธเถรวาท พุทธมหายาน คริสต์ และมุสลิม) และอยู่ร่วมกันมาอย่างสันติสุขตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีจวบจนปัจจุบัน





วันนั้น...เราออกจากโบสถ์ซางตาครู้ส ชุมชุมกุฎีจีน แล้วตั้งใจมาต่อที่มัสยิดบางหลวงเลยค่ะ












สามารถมาทางเรือได้ค่ะ แต่วันนั้นเราไปทางบก...เดินผ่านตรอกเล็กๆ นี่ค่ะ แผนกต้อนรับ...

















"มัสยิดบางหลวง" มัสยิดก่ออิฐถือปูนแห่งเดียวในโลกที่เป็นทรงไทย

เมื่อถามถึงรูปลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของ "มัสยิด" ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของพี่น้องชาวมุสลิม ในภาพที่เคยผ่านตาหรือในความทรงจำของหลายๆ คน คงจะเป็นอาคารรูปโดมสีเขียว มีหอคอย มีสัญลักษณ์ดาวเดือน เด่นเป็นสง่า แต่ที่ "คลองบางกอกใหญ่" หรือในอีกชื่อว่า "คลองบางหลวง" นั้น กลับมีมัสยิดแห่งหนึ่งที่ดูจะแปลกไปจากมัสยิดอื่นทั่วๆ ไป เพราะเป็น มัสยิดทรงไทย ที่ผสมกลมกลืนศิลปะของ ไทย จีน และฝรั่ง มาผสานเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างงดงามและลงตัว

ณ วันนี้ ก็ยังไม่มีมัสยิดที่ไหนสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบนี้ มัสยิดบางหลวงจึงนับเป็นมัสยิดทรงไทยหนึ่งเดียวในโลกที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้

มัสยิดบางหลวงได้ผ่านยุคสมัย ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านฝน มากว่า 200 ปี และได้ร้อยเชื่อมเรื่องราวของผู้คนและกาลเวลาเข้าด้วยกัน โดยไม่มีสิ่งใดจะมาขีดคั่น แม้ปัจจุบันก็ยังดำรงอยู่เป็นศูนย์รวมของจิตวิญญาณแห่งสัปปุรุษ สะท้อนศรัทธาตั้งมั่นแห่งพระผู้เป็นเจ้า

และหากพูดถึงมัสยิดบางหลวง ก็ไม่อาจที่จะไม่พูดถึง ชุมชนคลองบางหลวง ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในชุมชนเก่าแก่ ที่ชาวไทยมุสลิมกลุ่มใหญ่มารวมตัวกันอยู่บริเวณปากคลองบางหลวง (ถนนอรุณอมรินทร์ตัดใหม่) โดยชุมชนมุสลิมที่นี่ได้ก่อร่างสร้างชุมชนมาพร้อมๆกับการตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ มีบรรพบุรุษของชาวชุมชนเป็นแขกจาม (ชาวมุสลิมจากอาณาจักรจัมปาในเขมร ที่เข้ามาเป็นกองอาสาจาม) และแขกแพ (ปลูกแพอยู่) ที่อพยพมาจากอยุธยาเมื่อคราวกรุงแตก

ครั้นเมื่อตั้งถิ่นฐานฝังรกรากเป็นชุมชน ก็ย่อมต้องมีสถานที่ประชุมทำศาสนกิจ นั่นก็คือมัสยิด ชาวมุสลิมถือว่ามัสยิดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่รวมจิตวิญญาณของมุสลิมกับพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นก่อนเข้ามัสยิดจึงต้องชำระทั้งจิตใจและร่างกายให้สะอาดบริสุทธิ์



















ด้านหน้าบันไดก่อนจะขึ้นไปยังมัสยิด จะสังเกตเห็นป้ายเล็ก ๆ บอกข้อห้ามไม่ให้ ชาย-หญิง ที่นุ่งกางเกงขาสั้น และหญิงที่มีประจำเดือนเข้าไปภายใน เพราะถือว่าเป็นเลือดที่ไม่สะอาด เมื่อหญิงนั้นพ้นการมีประจำเดือน 7 วันแล้วจึงเข้าไปได้ เพื่อให้สะอาดจริงๆ ซึ่งที่ต้องมีข้อกำหนดนี้ขึ้น คงไม่ใช่เพียงมัสยิดเท่านั้น แม้แต่วัด วิหาร พระธาตุ ที่ถือกันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คนที่เข้าไปก็ต้องให้ความเคารพและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เกียรติกับสถานที่












วันที่เราไปปิดค่ะ จริงๆ ขอเข้าไปถ่ายรูปด้านในได้...แต่เราไม่อยากรบกวน...มีกรรมการของชุมชนที่เค้าดูแลอยู่ค่ะ
















เอกลักษณ์ 3 ชาติ ผสานเป็นหนึ่งเดียว

มัสยิดบางหลวง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 (พ.ศ. 2328) โดยพ่อค้ามุสลิมชื่อโต๊ะหยี ได้รวบรวมสมัครพรรคพวก ทำการก่อสร้างมัสยิดขึ้นในหมู่บ้าน "เป็นทรงไทยก่ออิฐถือปูนทั้งหลัง" มีหน้าบันหน้า-หลังประดับด้วยปูนปั้นลายศิลปะ 3 ชาติคือ ที่กรอบหน้าบัน เป็นเครื่องลำยอง ประดับห้ามลายไว้บนยอด เป็นศิลปะไทย ส่วนในหน้าบัน เป็นปูนปั้นลายก้านแย่งใบฝรั่งเทศ เป็นศิลปะฝรั่ง และที่ส่วนดอกไม้ เป็นดอกเมาตาล เป็นศิลปะจีน

ลายศิลปะ 3 ชาตินี้ ได้นำมาประดับที่กรอบประตูและหน้าต่างทุกบานของมัสยิด ในส่วนตัวอาคารที่เป็นปูน ทาสีขาวทั้งหมด ส่วนที่เป็นไม้จึงสีเขียว จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าว่า "กุฎีขาว" (คำว่า กุฎี ถูกนำมาใช้เรียกศาสนสถานของมุสลิมมาแต่สมัยอยุธยา แต่เมื่อได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ.2490 ได้เปลี่ยนคำเรียกเป็นมัสยิด) ขณะเดียวกัน ท่านโต๊ะพิมเสน ได้ขอซื้อพระตำหนักวังหน้าเก่ามาทำเป็นศาลามัสยิดขึ้น 1 หลัง เป็นไม้ทั้งหลังและเป็นทรงไทยเช่นเดียวกัน

แม้ตัวอาคารจะเป็นทรงไทย ซึ่งนับว่าเป็น "มัสยิดก่ออิฐถือปูนแห่งเดียวในโลกที่เป็นทรงไทย" แต่ผู้สร้างก็ได้บรรจุหลักการสำคัญของศาสนาอิสลามไว้ คือ มี มิมบัร (แท่นแสดงธรรม คล้ายธรรมาศน์ของพระภิกษุ) มิหฺร็อบ (ที่ละหมาดของอิหม่าม) โครงสร้างภายในก็เป็น พื้นราบ สะอาด ปราศจากรูปเคารพ มีเสาค้ำยันพาไล จำนวน 30 ต้น เท่ากับบทบัญญัติในคัมภีร์อัลกุลอาร ที่มี 30 บท และห้องละหมาดมี 12 หน้าต่าง 1 ประตู รวม 13 ช่อง เท่ากับจำนวนรุกุ่น หรือกฎละหมาด 13 ข้อ

30 ปีถัดมา มิมบัรเก่าในมัสยิดชำรุดลง เจ้าสัวพุก พ่อค้าจีนมุสลิม (ต้นตระกูล พุกภิญโญ) ได้ทำการก่อสร้างมิมบัรและมิหรอบขึ้นใหม่ เป็นซุ้มทรงวิมาน ก่ออิฐถือปูนปิดทอง ผสมผสานด้วยลวดลายปูนปั้นของศิลปะ 3 ประกอบด้วย ฐานเสา เป็นปูนปั้นลวดลายไทย เกี่ยวกระหวัดด้วยกิ่งใบฝรั่งเทศและดอกเมาตาลของจีน ตลอดตัวเสาประดับกระจกสีลายไทย เป็นลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ลายรักร้อย และลายแก้วชิงดวง

ส่วนด้านบนเป็นทรงวิมาน 3 ยอด สอดแทรกด้วยลวดลาย ก้านใบฝรั่งเทศและดอกเมาตาลของจีน เต็มทั้ง 3 ยอด ตลอดทั้งซุ้มประดับด้วยกระจกหลากสี พร้อมกับได้แกะสลักแผ่นไม้เป็นอักษรอาหรับนูนลอย เป็นชื่อ อัลเลาะห์ นบีมูฮำหมัด บุคคลสำคัญของศาสนา บทอัลกุรอานที่สำคัญ ติดตั้งไว้ภายในซุ้ม



















มัสยิดบางหลวง หรือกุฎีขาว นับเป็นศาสนสถานที่กองการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวประเภท Unseen in Bangkok


สถานที่ตั้งของมัสยิด อยู่ซอยมัสยิดบางหลวง ถนนอรุณอมรินทร์ตัดใหม่ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ มีรถโดยสารสาย 19, 56, 57 ผ่าน โดยลงที่ป้าย สน. บุปผาราม แล้วเดินเข้าไปประมาณ 200 เมตร นอกจากนี้สามารถเดินทางไปได้ทางเรือ โดยขึ้นเรือหางยาวที่ท่าเรือราชินี ใกล้ปากคลองตลาด แล้วนั่งเรือข้ามฝั่งเข้าไปในคลองบางหลวง (คลองที่มีป้อมวิชัยประสิทธิ์ตั้งอยู่เป็นจุดสังเกต) มีท่าน้ำเล็กๆ อยู่ด้านซ้ายมือ ติดป้ายชื่อมัสยิดบางหลวง ชุมชนกุฎีขาว ติดต่อได้ที่ โทรศัพท์หมายเลข 0-2466-6159 หรือกองการท่องเที่ยว กทม. 0-2225-7612-4


ขอบคุณข้อมูลจาก //www.oknation.net/blog/print.php?id=72066






ตรงนี้ค่ะ คลองบางหลวง หรือคลองบางกอกใหญ่ เราถ่ายจากท่าเรือมัสยิดบางหลวง










มีโปสเตอร์แบบนี้ ติดอยู่เยอะแยะ เลยเข้าไปอ่านดูแบบผ่านๆ เป็นโครงการของน้องๆ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย






เข้าใจว่า น่าจะเป็นโครงงานสำรวจความเป็นไปได้ในการพัฒนาชุมชนนั้นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว










ตอนเดินกลับออกมาเดินผ่าน "กูโบร์" สอบถามจากคุณลุงคนนึงว่า ตรงนี้เรียกว่า กูโบร์ รึป่าว ถ่ายรูปได้มั้ย...

คุณลุง (ไม่ทราบว่าภาษาอิสลามเรียกว่าอะไร) ให้คำอธิบายเป็นอย่างดีค่ะ....






เรียบง่าย...ดีค่ะ เป็นที่สาธารณะอิสลามท่านใดจะมาฝังที่นี่ก็ได้ ไม่ต้องจอง...






กลับทางเดิมค่ะ...เดี๋ยวเราไปต่อกันที่มัสยิดต้นสน








ขอยกเอามัสยิดต้นสน ไปไว้ที่บล็อกหน้านะคะ

เพราะดูแล้วเนื้อหาเยอะเหมือนกัน ไม่อยากตัดตอนข้อความสำคัญออกไปค่ะ


ขอบคุณเฮดบล็อก และบีจีคุณญามี่ค่ะ





Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2554 17:16:44 น. 41 comments
Counter : 13237 Pageviews.

 
น ทีฆมายุง ลภเต ธเนน
คนไม่ได้อายุยืนเพราะทรัพย์

มีความสุขในการสั่งสมอริยทรัพย์ ตลอดไป..นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:01:13 น.  

 
เจิม ๆ ๆ ๆ ๆ


ก่อนไปไอ.. เอ๊ย.. ไปทำงาน


โดย: poongie วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:02:26 น.  

 
แป่ว.. หน้าแตก..


โดย: poongie วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:02:41 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่หนู
วันนี้ปูออกไปตะแร๊ดแต๋ะแต้ข้างนอกค่ะ
เพิ่งจะได้เข้ามาเล่นเน็ตนี่เระ
อย่าเปลี่ยนบล็อกนะเดวขอกลับมมาเยี่ยมใหม่


โดย: แม่ปู (ฮัลโลตอบหน่อย ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:11:27 น.  

 
เคยอยากเข้าไปถ่ายภาพในมัสยิดเหมือนกันครับพี่หนู
แต่พอถามอิหม่ามแล้ว
ก็คิดว่าไม่ถ่ายดีกว่าครับ แหะๆๆๆ

ความจริงสถาปัตยกรรมแบบมุสลิมสวยมากเลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:55:55 น.  

 
เคยเห็นแต่ป้ายบอก
แต่ยังไม่เคยไปเลยค่ะ
ขอบคุณนะคะที่เที่ยวมาเผื่อค่ะ
แหล่มจ้า


โดย: อุ้มสี วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:06:55 น.  

 
สวัสดีตอนบ่ายครับพี่หนู .....

แปลกมาเลยครับสำหรับมัสยิดทรงไทยแบบนี้ ไม่คุ้นตาเลย ..... ถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้ว่าเป็นมัสยิด เพราะสถาปัตยกรรมเหมือนโบสถ์ไทยสมัยรัชกาลที่ 3 เลยครับ .....



โดย: NET-MANIA วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:30:34 น.  

 



มาม่ายทันอะ...ช่วงนี้งานท่วมหูค่ะ
เดี๋ยวต้องไปแอบดูแล้ว
จริงๆ ศิลปกรรมแบบมัสยิดแท้ๆ
ก็น่าสนใจมากแถมไม่ค่อยไได้สัมผัสเท่าไหร่

พอมาเห็นแบบผสมแบบนี้ยิ่งน่าทึ่งมากๆ
ชอบภาพหน้าต่างม่านเขียวกับปูนปั้นนั่นจัง
ดีนะคะที่เค้าส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยว
ที่มีการเรียนรู้แบบนี้
ต้องยกนิ้วให้เลยค่ะ


โดย: mutcha_nu วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:57:48 น.  

 
แวะมาอีกทีครับพี่หนู .....

จากบล็อกผม ดาษดา แกลเลอรี่ พื้นที่ 800 ไร่นั่น หมายถึงรวมพื้นที่ทั้งหมดทั้งในส่วนของรีสอร์ท บึงน้ำ ร้านอาหาร ฯลฯ ด้วยครับ ถ้าเอาเฉพาะส่วน gallery ที่โชว์ดอกไม้ พื้นที่ก็ไม่ใหญ่มาก น่าจะประมาณ 2-3 ไร่เท่านั้นเอง ถ้าคนไปกันมากๆ ก็แน่นเหมือนกันครับ .....

ส่วนเรื่อง load รูปจากกล้องลงคอมพิวเตอร์ ของผมก็ถ่ายด้วยไฟล์ใหญ่สุด (large) เหมือนกัน ถ่ายมาครั้งละประมาณ 400-500 ภาพ ใช้เวลา load ลงคอมไม่นานนะครับ ประมาณ 3-5 นาทีก็หมดแล้ว แต่ของผมไม่ได้ต่อกล้องกับคอมโดยตรง ผมใช้ Card Reader ของ Kingston ราคา 690 บาท แบบในรูปที่ผมเอามาให้ดู น่าจะช่วยให้ load เร็วขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ หรือจะขึ้นอยู่กับช่องต่อ USB ของคอมด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ว่าเป็น USB2 หรือ USB3 อะไรแบบนี้แหละครับ ....

อันนี้ภาพ Card Reader ที่ผมใช้อยู่ครับ



โดย: NET-MANIA วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:02:18 น.  

 
มัสยิดนี้เก๋ดีอะค่ะ

น้องเหมียวทำท่าน่ารักมากมายเลยค่ะพี่หนู ยังกะแอ็คท่าให้ถ่ายแหนะ 555+

เมฆกะหมอกชอบกินหนังไก่เหรอคะ หนูนี่ไม่กินเลยค่ะพี่ 555+


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:05:26 น.  

 
เคยดูในทีวีด้วยละ

จากบล็อก ... คนใส่กางเกงเขียว เตี้ยสุด เชยสุดนั่นแหละค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:29:52 น.  

 
ดีค่า..
เมื่อวานฝนตก ทั้ง วันไปไหนไม่ได้ วัน นี้เลยเดินสายแทน ..
ออกแต่เช้า พร้อมเด็ก ๆ เข้ามาตอนเที่ยง ..
จากนั้น เห็นฝนลงเลย ปลูกหญ้า เพราะ โดนเหยีบตาย แห้งเหี่ยวมานาน ..เผื่อมีฝนหลงฤดูมา รดน้ำให้หน่อย อิอิ
.. ตอนนี้ เด็ก ใกล้สอบ แล้ว สิ้นเดือน ปิดเทอมแล้วค่ะ .. .. งานเข้าอีก หลายเดือนเลย..
เด็กปิดเทอม ชอบอยู่อย่างเดียว ไม่ต้องรีบตื่น แต่เช้า ฮี่ๆ ..
มารู้จัก วัดวา ในกทม. ก็ตอน เยี่ยม บ้านคุณหนู นี่ แหละ.. มัสยิส นี่ไม่เคยเข้าที่ไหนเลย ..เราเป็นพุทธ รู้สึกห่างไกล ..ก็อยากเที่ยว เหมือนกัน..



โดย: tifun วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:36:33 น.  

 

สวัสดีตอนเย็นคะพี่หนู
กำลัง งง กับสถาปัตยกรรมนี้คะ รูปทรงแปลกตา 3 in 1 จริงด้วยค่ะ
ไล่สายตามาตั้งแต่หน้าจั๋วและรูปทรงของเสาแทงโต
เป็นมัสยิคที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนค่ะ

และที่สำคัญสะดุดตากับพนักงานต้อนรับค่ะ ไปแอบถ่ายได้สวยคะพี่หนู


โดย: aenew วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:42:07 น.  

 
สวัสดีครับพี่หนู
มัสยิดแห่งนี้รู้สึกคุ้นตา คุ้นชื่อมาก อาจเป็นเพราะมัสยิดแห่งนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียง หรืออาจมีเพื่อนบล็อกหลายๆ คน เคยนำเสนอก็ได้เลยคุ้นชื่อมาก

แต่ละที่ก็มีกฎข้อห้ามของเขา ก็ได้แต่หวังว่าผู้คนจะปฏิบัติตามเพื่อควรเป็นระเบียบเรียบร้อย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:48:18 น.  

 
มัสยิดทรงไทย แจ่มจริงค่ะ


โดย: ดวงลดา วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:03:10 น.  

 
ชม และอ่านเรื่องราวของมัสยิสครับ


โดย: wicsir วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:09:21 น.  

 
สวัสดียามเย็นครับคุณหนู

กรุงเทพฯ ยังมีอะไรดีๆ ซุกซ่อนอยู่เยอะเลยนะครับ และต้องขอบคุณผู้เสียสละ นำเรื่องราวเหล่านั้นมาเผยแพร่ให้คน ตจว. อย่างผมได้รับรู้


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:09:33 น.  

 
อ่านบล็อกนี้ได้ความรู้ดีจังเลย

อัพตอนใหม่มาตามนู๋บ้างนะคะ


โดย: Somyachi วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:15:21 น.  

 


สมุดเก็บแสตมป์ทั้งแผ่น สูงกว่าแบบเก็บด้วยเมาท์
ประมาณ สองนิ้วเศษๆ



เก็บแผ่นภาพประทับตราประจำวัน แบบนี้ค่ะ



แบบนี้ ไว้เก็บแสตมป์โดยใช้ เมาท์ค่ะ

สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ เสด็จต่างประเทศ ทรงเหนื่อยมาก
แทบจะไม่มีเวลาส่วนพระองค์
หากมีพระประสงค์จะทรงวิ่ง ก็ทรงตื่นบรรทมแต่เช้า

อยากไปทอดพระเนตรหนังสือที่ทรงโปรด
บางครั้งก็ไม่มีเวลา
เมื่อทรงเห็นลดราคามาก ก็ทรงซื้อหลายเล่ม
จน จนท.รปล.ของ ตปท. เย้าพระองค์ท่านว่า
"ซื้อไปมากมาย อ่านให้จบเถอะ"
ป๊าดโธ่...ไม่รู้จักสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ของเราเสียแล้ว...


พระบรมสารีริกธาตุ เรียกเฉพาะของพระพุทธเจ้าค่ะ
พระธาตุ เป็นของพระสุปฏิปันโน พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

อินเดีย ศรีลังกา เป็นมิตรประเทศที่ดีของเรามาก
ในอินเดียเองเป็นต้นธาตุแห่งศาสนาพุทธ แต่ไม่ได้รุ่งเรือง
เหมือนปลายธาตุ เช่น ไทย ลาว เขมร

ชาวฮินดู เขาไม่ต้องการอยู่แล้วค่ะ
ร.๕ เสด็จฯ ตปท. ทรงได้รับมามากค่ะ
ท่านเซอร์คันนิ่งแฮม ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ควีนส์ E.II
ทราบว่าไทยคือเมืองพุทธ ก็อยากให้ไทยเป็นต้น

วัดสระเกศ วัดพระมหาธาตุ วัดพระศรีมหาธาตุ วัดมหาธาตุ
ล้วนเป็นพระบรมสารีริกธาตุค่ะ

อย่าลืมว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นแขกขาว ร่างสูงใหญ่
กระดูก ๒๐๖ ชิ้น ฟัน ๓๒ ซี่ เป็นไปได้อยู่แล้วค่ะน้องหนู

พระธาตุชเวดากองที่พม่าน่ะ คือเส้นพระเกศาของพระพุทธเจ้า
ที่นายพานิชสองคนของชาวพม่า ไปกราบพระพุทธเจ้าแล้วได้มาค่ะ


มัสยิดสวยมาก ใหญ่โตโอ่โถง และสะอาด...



โดย: nart (sirivinit ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:39:31 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่หนู ตามมาเที่ยวมัสยิดด้วยคนนะคะ
ว้าว เห็นแมวน่ารักจัง นอนเล่นอยู่ริมรั้ว อิอิอิอิ
เพิ่งทราบว่าเป็นมัสยิดทรงไทยแห่งเดียวในโลก
สุดยอดค่ะ มาอยู่ที่บ้านเรา
ปล. อาหารอิตาเลี่ยน หน้าตาประหลาดนิดนึงนะคะ
แต่อร่อยจริงๆ ค่ะ อิอิ


โดย: diamondsky วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:40:58 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่หนู
แวะมาทักทายก่อนจะไปหาหมอค่ะ แมวมีอาการไอนานๆ ครั้ง ยังโชคดีหน่อย แต่ปวดหัว กับไข้ต่ำๆ มีตอนบ่ายแก่ๆ มา 2-3 วันแล้ว ส่วนน้ำมูกมาปกติตอนกลางคืนและตอนเช้าต้องทานยาทุกวันค่ะ อาการแพ้ส่วนใหญ่เกิดจากฝุ่น และอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบกระทันหันค่ะ ไม่ได้แพ้ขนหนุ่มกะทิ แต่ว่าช่วงนี้ขนกะทิร่วง เพราะผลัดขน

การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐค่ะ


โดย: Maew-Tua-Lek วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:48:23 น.  

 


สุดยอดดนักเที่ยวจริงๆค่ะพี่หนู...

ไปได้ทุกตรอก ซอก ซอย นับถือๆๆ

คือถ้าเป็นอุ๊ก็คงไม่นึกอยากเที่ยวมัสยิดอ่ะค่ะ คือแบบว่าแอบกลัวเล็กน้อย อิอิ

วันนี้ทำงานบ้านหมดรึยังคะ..


โดย: อาราเล่ กะ กั๊ตจัง วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:53:29 น.  

 


ดี.เอาเม้นท์คุณแจ๊คมาฝากค่ะ



D e s s e r t > > > 142 < < < S e a s o n

ตอบ คุณ...สายหมอกและก้อนเมฆ / ขอบคุณมากมายที่เล็งเห็นในแง้มุมนั้น อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจในร่างอันซ๊กม๊กของผมนะครับ..!!!! เป็นโจร จะทำไงได้ละอะนา....!!!


โดย: แจ็ค สแปร์โรว์ IP: 125.25.122.151 16 กุมภาพันธ์ 2554 17:28:56 น.





โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:55:13 น.  

 
ตอนปั่นจักรยานก็ได้มีโอกาสแวะไปเที่ยวค่ะ ชอบการเที่ยวที่เข้าถึงชุมชนแบบนี้ค่ะ


โดย: never the last วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:18:10:05 น.  

 
เคยไปโกตาบารู ประเทศมาเลเซียไปชมมัสยิด เป็นรูปเก๋งจีนแบบวัดจีนเลยค่ะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:18:53:35 น.  

 
ทักทายสวัสดีกันยามค่ำคืนครับ
ไม่มีข้อมูลมาก่อนเลยครับ
ขอบคุณที่นํามาให้ชมกันด้วยครับ


โดย: ถปรร วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:05:59 น.  

 
ตามมาเดินเที่ยวชมมัสยิดด้วยคนนะคะ ^^


โดย: sierra whiskey charlie วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:07:59 น.  

 
สวัสดีพี่หนู...

วันนี้ตะลอนเข้าเมืองอีกแล้ว.. เบื่อรถติดเล็ก ๆ ตอนเลิกงาน..

ขาไปไม่เท่าไหร่ .. พอกลับถึงบ้าน........... เมารถที่ตัวเองขับ.. (เคยมีมั้ยเนี่ย..)

หาเหตุนอนเร็ว.. blog รอไปก่อนนะคะ.... ช่วงนี้.. สุขภาพไม่อำนวย..


โดย: poongie วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:14:48 น.  

 
สวัสดียามค่ำค่ะพี่หนู ...

มัสยิดบางหลวง ดูแล้วภูมิฐาน สงบ นะคะ

ได้อ่านคำบรรยายของพี่หนูไปด้วย ได้ความรู้เพิ่มดีค่ะ ชอบจัง ^^

ปิดเทอมปีนี้ตาตั้มว่างๆๆ ... เพราะปีนี้ไม่ได้ไปซ้อมดนตรี นุ้ยว่าจะไปลองให้เรียนที่คิงแมทดูน่ะค่ะ เพราะตาตั้มเค้าชอบคณิตศาสตร์ แต่ไม่รู้จะเป็นยังไง เพราะเป็นการเริ่มเรียนพิเศษวิชาการครั้งแรก เห็นเค้าบอกว่าให้ลองเรียนก่อนได้น่ะค่ะ

พรุ่งนี้วันพฤหัส ทำงานวันสุดท้ายของสัปดาห์แล้ว อิอิ ...


โดย: SonSmile วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:15:34 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่หนู ยังไงลองเริ่มจากโหมด P ดูก่อนก็ดีค่ะ กล้องจะหาค่า F กับ S ให้อัตโนมัต ฝึกปรับโฟกัสแบบ manual ไปก่อน พอเริ่มชินแล้วค่อยลองโหมด A S หรือ M ไปเลย เพื่อปรับค่า F กับ S เองให้สนุกไปเลยค่ะ


โดย: namfaseefoon วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:51:09 น.  

 
งานนี้ลุยเดี่ยวเหรอหนู

งั้นป้ากุ๊กมาเดินเป็นเพื่อนนะ




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:47:42 น.  

 
แวะมาชมภาพและอ่านความเป้นมาค่ะ
สบายดีนะคะ
ส่งเข้านอนเลยนะคะ อิอิ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:58:03 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

พี่นู๋คะ..ลูกสาวฝากคำ ขอบคุณ มาให้แน่ะค่ะ

พอดีลูกสาวต้องหาข้อมูล รูป และประวัติวัดของต่างๆ
เป็นวิชาศิลปะค่ะ พวกประติมากรรม จิตกรรม สถาปัตยกรรม ..ร้องให้แม่ช่วยหา

นกก็..นึกถึงบล๊อกพี่หนูก่อนเลย แล้วให้เค้าคัดเอง ว่าจะเลือกวัดไหน

ดีจัง มาบ้านเดียว ได้ข้อมูลครบเลย อิอิ



โดย: mie_family วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:26:28 น.  

 
แวะมาทักทายก่อนเข้านอนค่ะพี่
แถวนี้แดดร้อนมาหลายวันแล้วค่ะพี่..ไม่อยากให้ฝนตก(เพราะว่าเพิ่งเอารถไปอาบน้ำมา)...หลับยาวตลอดทั้งคืนนะพี่

ปล.เปลี่ยนนานแล้วค่ะ :)


โดย: หมูหยอง_w วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:50:03 น.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

มัสยิดบางหลวงผมเคยนั่งรถผ่านป้ายบอกบ่อย ๆ แต่ยังไม่เคยแวะเข้าไปเที่ยวชมเลยครับ

ว่าแต่ไปแถวนั้นแล้ว ได้แวะไปชม กุฏีเจริญพาสน์หรือป่าวหครับ? เวลาที่เค้าจัดงานมีการแสดงทรมานตัวเองแบบเอามีดแทงตัวด้วยนะครับ (เหมือนพวกม้าทรงในเทศกาลกินเจ) ผมจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ เคยไปดูครับ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:57:49 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่หนู








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:6:35:06 น.  

 
แวะมาเยี่ยมชม ครับ


โดย: Kavanich96 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:51:32 น.  

 
ขอบใจนะ แต่มิตามมาหาซะช้าเลย มัวแต่ติดภารกิจ 5555


โดย: nompiaw.kongnoo วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:17:28 น.  

 
พี่หนูของน้องงงงงงงงงงงงงงงงง เปิ้ลแวะมาหานะคะ หนีงานมาแปบ อิอิ

ปล. แมว 2 ตัวนั้น น่ารักกกก


โดย: APPLEAIR วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:11:47 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะพี่หนู
หายไปหลายวันเลยขวัญ
เปื่อยนิดหน่อยค่ะ
ขอบคุณพี่หนูนะคะที่แวะไปบ้านขวัญบ่อยๆ
ฝากความคิดถึงๆน้องสองคนเหมือนเดิมค่ะ


โดย: ในความอ่อนไหว วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:31:27 น.  

 
เที่ยวซะเยอะเลยนะ ไม่เกรงใจคนงานยุ่งมั่งเลย อิอิ


โดย: nompiaw.kongnoo วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:45:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายหมอกและก้อนเมฆ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 167 คน [?]




เป็นคุณแม่ของ 1 ลูกสาว และ 1 ลูกชายค่ะ

เป็นแม่บ้านฟูลทาม อาชีพ ขสมก.
(แปลว่า...ขอสามีกิน อ่านเจอที่ไหนไม่รู้ ชอบค่ะ เลยยืมมาใช้หน่อย)

เมื่อไหร่ที่พอจะจัดสรรเวลาได้...
จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเสมอค่ะ...

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย พบเจออะไรดี ๆ ที่พอจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่มากก็น้อย เลยเอามาแบ่งปันกัน

ลิขสิทธิ์...เป็นของบุคคลที่อยู่ในภาพ
ขอบคุณค่ะ

Friends' blogs
[Add สายหมอกและก้อนเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.