วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร
__________________________
กิจกรรมดี ๆ (ฟรี) จากกรมการศาสนา
เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙
มีสองเส้นทาง คือทางบก - รถโดยสารปรับอากาศ ขสมก. และทางเรือ - เรือด่วนเจ้าพระยา
ทางบก ขึ้นรถที่สนามหลวง, ทางเรือ ไปท่าเรือตามเส้นทางที่แวะวัด และท่ามหาราช
จากแผนที่ วัดต่อไป เราจะไปวัดเทวราชกุญชรกันค่ะ
อย่างที่บอกไว้ในตอนแรก ๆ นะคะ ใครจะไปไม่ครบทั้ง ๙ วัด หรือจะเริ่มต้นวัดแรกที่วัดไหนก็ได้ค่ะ
เคยอัพบล็อกไปแล้วเมื่อ ตุลาคม ๒๕๕๗ (ไปเมื่อ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๗)
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=morkmek&month=22-10-2014&group=3&gblog=264
วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร
เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ ๙๐ ถนนศรีอยุธยา แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
วัดเทวราชกุญชร นามเดิมว่า สมอแครง เป็นวัดเก่าแก่โบราณ มีมาก่อนสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ ปฐมกษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ได้ทรงสถาปนาใหม่ ต่อมาเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี (ต้นสกุล มนตรีกุล) พระโอรสของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ จากนั้น กรมพระพิทักษ์เทเวศร (ต้นสกุล กุญชร ณ อยุธยา) พระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ากุญชร พระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์
วัดเทวราชกุญชร ตั้งเมื่อ พ.ศ. ๑๘๕๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๐ เดิมเป็นวัดราษฎร์ สร้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เหตุที่เรียกกันว่า วัดสมอแครง เล่ากันว่า เพราะมีต้นสมอร่องแร่งมาก แต่บางท่านสันนิษฐานว่า คำว่า สมอ เพี้ยนมาจาก คำว่า ถมอ (ถะมอ) เป็นภาษาเขมร แปลว่า หิน วัดนี้คงเรียกกันครั้งแรกว่า ถมอแครง แปลว่า หินแกร่งหรือหินแข็ง ต่อมา ในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระองค์ทรงรับเป็นพระอารามหลวงและพระราชทานนามว่า วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร พระองค์ทรงนำคำว่า เทวราช มานำหน้าพระนามของพระองค์เจ้ากุญชร ซึ่งเป็นพระนามเดิมของกรมพระพิทักษ์เทเวศรผู้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดนี้
ข้อมูลจาก //atimetraveller.com/story/4
พิพิธภัณฑ์สักทอง เคยอัพบล็อกไปแล้วเหมือนกันค่ะ
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=morkmek&month=12-11-2014&group=10&gblog=96
องค์อมรินทรเทวราช
อมรินทรเทวราช เป็นเทวดาองค์สำคัญ และถือว่าเป็นประมุขแห่งทวยเทพ และเป็นประธานเทวสภา มีอำนาจหน้าที่ปกครอง ควบคุม ธำรง รักษา และบำรุงสวรรคโลก และมนุษย์โลก เป็นผู้ดูแลทุกข์สุขของมนุษย์โลก ยามใดที่มีเรื่องเดือดร้อนขึ้นบนโลกมนุษย์ อาสนะของพระองค์ที่เคยอ่อนนุ่ม ก็จะแข็งกระด้าง
องค์อมรินทรเทวราช ทรงถือวชิราวุธเป็นอาวุธ และมีช้างเอราวัณเป็นพาหนะ ช้างพระอินทร์เป็นช้างจำแลงของเทพบุตรนามว่า เอราวัณ
เอราวัณเทพบุตร จะกลายร่างเป็นช้าง ก็ต่อเมื่อพระอินทร์ และเทพสหจรประสงค์จะเสด็จออกจากเทพวิมานสู่เทพอุทยานเท่านั้น
หมายความว่า จะปรากฏเป็นคชาชาติ ที่มีอานุภาพน่าอัศจรรย์ เพราะเดชแห่งบุญของท่านผู้มีบุญเท่านั้น มิเช่นนั้นแล้ว จะปรากฏแต่เพียงนาม
ส่วน เอราวัณ นั้นจะปรากฏเป็นเทพบุตร เหมือนเทพบุตรทั้งหลายในเทพนคร
สำหรับ พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ของ วัดเทวราชกุญชร เป็นประติมากรรมหล่อด้วยสัมฤทธิ์ ขนาดกว้าง ๑.๙๐ เมตร ยาว ๒.๒๔ เมตร สูง ๒.๕๐ ประดิษฐานอยู่บริเวณหน้า อาคารพิพิธภัณฑ์สักทอง ซึ่งมีประชาชนผู้มีจิตศรัทธาได้มากราบไหว้บูชาขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวทุกวัน
การอธิษฐานขอพร ให้เริ่มด้วยการตั้งนะโม ๓ จบ และตามด้วย "เอราวะณัสสะ นามะ เทวะราชะกุญชะรัสสะ อานุภาเวนะ สัพพะสิทธิ ภะวะตุ เมฯ" หมายถึง "ด้วยอานุภาพของพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ขอความสำเร็จทุกประการ จงมีแก่ข้าพเจ้าฯ"
//www.komchadluek.net/news/socail/31796
อาคารเอนกประสงค์เฉลิมพระเกียรติ มวก.
สวยนะคะ รอบที่แล้วมา ไม่เห็นอาคารนี้ หรือเราไม่ได้สังเกต...
ขึ้นมาด้านบนค่ะ
ลองเสิร์ชหาข้อมูลเพิ่มเติม .. ไม่เจอค่ะ
สองข้าง ซ้าย-ขวา ของพระพุทธจักรพรรดิ์ คือ ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ คือ
ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวธตรฐ ท้าววิรูปักษ์ ท้าววิรุฬหก
ตรงกลางนี้ ไม่รู้กำลังก่อสร้างอะไรค่ะ
กุฏิเทวราชกุญชร กุฏิของเจ้าอาวาส เป็นอาคารทรงปั้นหยาสองชั้น
อาคารเทวราชธรรมสถิต
อาคารเทวราชธรรมศาลา
มณฑปจตุรมุข กำลังบูรณะ
พระอุโบสถ มีขนาดใหญ่และสูง กว้าง ๑๗ เมตรยาว ๓๖ เมตร
กรมพระพิทักษ์เทเวศรทรงสร้าง
มีเขตพัทธสีมากว้าง ๒๖ เมตร ยาว ๔๓.๕๐ เมตร
มีกำแพงแก้วรอบพระอุโบสถ ที่มุมกำแพงแก้วมีเจดีย์อยู่ทั้ง ๔ มุม
ภายในกำแพงแก้วด้านทิศเหนือมีวิหารก่ออิฐถือปูน หลังคามุงกระเบื้องดินเผา
ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เป็นศาลารายก่ออิฐถือปูนหลังคามุงกระเบื้องดินเผา
ด้านหน้าพระอุโบสถ
พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปโลหะหล่อลงรักปิดทอง
ปางมารวิชัย ฝีมือช่างสมัยทวารวดี
ประดิษฐานบนฐานชุกชี หน้าตักกว้าง ๔.๓๕ เมตร สูงตั้งแต่ พระเพลาถึงยอดเปลวรัศมี ๕.๖๕ เมตร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทรสยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ รัชกาลที่ ๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
พระราชทานชื่อพระพุทธรูปว่า พระพุทธเทวราชปฏิมากร เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๖
ประวัติของพระพุทธรูปองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ ทรงทราบมาว่า กรุงศรีอยุธยาพบพระทององค์ใหญ่
จึงโปรดเกล้า ฯ ให้กรมหมื่นพระพิทักษ์เทเวศร ไปอัญเชิญลงมายังพระนคร ได้ทรงต่อแพ
เชิญพระพุทธรูปองค์ใหญ่ล่องลงมาครั้นถึงปากคลองเทเวศร์ แพเกิดดื้อ ฉุดเท่าไรก็ไม่มายังตำหนักแพ
จึงโปรดเกล้า ฯ ให้กรมหมื่นพิทักษ์เทเวศร เชิญพระพุทธรูปนี้ขึ้นที่วัดสมอแครง
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงวินิจฉัย ที่มาของ พระพุทธรูปนี้ไว้ว่า
...ต่อมา เมื่อถึงสมัยเมื่อสร้างวัดเบญจมบพิตร หม่อมฉันไปทอดกฐินวัดเทวราชกุญชร สังเกตเห็นพระพักตร์
พระพุทธรูปหล่อที่เป็นพระประธานในโบสถ์ เป็นลักษณะแบบพระสมัยทวารวดี แต่องค์พระเป็นพระแบบกรุงรัตนโกสินทร์
สืบตามได้ความว่า พระประธานองค์นั้น กรมพระพิทักษ์เทเวศรเชิญลงมาจากเมืองลพบุรีก็เข้าใจว่า
คงได้แต่เศียรมาหล่อองค์ที่ในกรุงเทพ ฯ หม่อมฉันจำขนาด ไปตรวจดูที่เมืองลพบุรี เมื่อภายหลังก็พบกับแหล่งเดิม
ว่าเป็นพระประธานอยู่ในพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ วัดอื่นหามีที่ตั้งพระพุทธรูปขนาดใหญ่เท่านั้นไม่...
สายสังวาลพระพุทธเทวราชปฏิมากร
เนื่องในมงคลวโรกาสที่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๕๗ พรรษา
พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.๙) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร รองเจ้าคณะภาค ๑๓
พร้อมด้วยคณะกรรมการบูรณปฏิสังขรณ์วัดเทวราชกุญชร ได้ดำเนินการจัดสร้างสายสังวาล
ประดับพระพุทธเทวราชปฏิมากร ขึ้น ๑ เส้น เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติ
โดยมอบให้สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้ออกแบบจัดสร้าง
มีรูปลักษณะเป็นดอกพิกุลวางซ้อนกัน ๕ ชั้น ประดับพลอยสังเคราะห์
ชั้นที่ ๑ ประดับพลอยสังเคราะห์ ๙ สี ได้แก่ สีขาวใส สีแดง สีเขียวใส สีเหลือง สีแดงแก่ก่ำ สีดำ สีหมอกมัว สีแดงสลัว และสีเหลืองอ่อน
ชั้นที่ ๒ ประดับพลอยสังเคราะห์ สีเขียว ๙ เม็ด
ชั้นที่ ๓ เป็นบัวรองฐาน ไม่มีพลอย
ชั้นที่ ๔ ประดับพลอยสังเคราะห์ สีแดง ๙ เม็ด
ชั้นที่ ๕ ประดับพลอยสังเคราะห์ สีขาว ๑ เม็ด
ตัวเรือนทำจากวัสดุทองแดงขึ้นรูป สลักดุนลาย ชุบทองไมครอน และนำมาวางซ้อนกัน ๕ ชั้น จำนวน ๔๓ ดวง
อีก ๑ ดวง มีพระนามาภิไธย ย่อ ม.ว.ก. อยู่ตรงกลาง
รวมทั้งหมด ๔๔ ดวง แต่ละดวงเชื่อมต่อด้วยตะขอทองเหลือง รวมความยาว ๖.๒๙ เมตร
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมสายสังวาล
ถวายพระพุทธเทวราชปฏิมากร พระราชทานเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.๙) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร รองเจ้าคณะภาค ๑๓
พร้อมด้วยคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชน ประกอบพิธีอัญเชิญสายสังวาลคล้องถวายพระพุทธเทวราชปฏิมากร เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒
การกราบนมัสการและถวายเครื่องสักการะแด่องค์พระพุทธเทวราชปฏิมากร พระประธานในพระอุโบสถ
ของวัดเทวราชกุญชร นับว่าแปลกกว่าวัดอื่นใด เนื่องจากพุทธศาสนิกชนนิยมถวาย ผ้าไตร แทนดอกไม้ธูปเทียน
ได้สร้างความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่การกราบขอพรพระศักดิ์สิทธิ์องค์นี้เป็นเท่าทวีคูณ
และนับเป็นวัดแรกในประเทศไทยที่นำผ้าไตรมาเป็นเครื่องสักการะที่ได้รับความ ศรัทธาสูงสุดมาจนทุกวันนี้
พระอุโบสถมีภาพจิตรกรรม ผนังด้านข้างทั้ง ๒ ด้าน
เหนือช่องหน้าต่างเขียนภาพเหตุการณ์ตอนเหล่าเทพยดามาชุมนุมกัน
ขณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ส่วนผนังตอนล่างด้านหน้า ระหว่างช่องประตู เป็นภาพทศชาติ เรื่อง สุวรรณสาม
ด้านข้างทั้ง ๒ ด้านเป็นภาพภิกษุกำลังปลงอสุภกรรมฐาน
และด้านหลังเป็นภาพกิจวัตรประจำวันของพระสงฆ์
จัดเก้าอี้เตรียมไว้ คงมีงานพิธีวันวิสาขบูชา
อีกมุมของอาคารเอนกประสงค์เฉลิมพระเกียรติ มวก.
พิพิธภัณฑ์สักทอง
อาคารเทวราชธรรมสถิต
ถัดจากกุฏิเจ้าอาวาส คือ เรือนเทวราชธรรมสภา
อาคารทรงตรีมุขสองชั้นที่ได้รับอิทธิพลจากทางตะวันตก ปัจจุบันใช้เป็นสำนักงานเลขานุการของวัด
ด้านขวามือ เป็นพิพิธภัณฑ์สักทอง
อีกมุมของอาคารเทวราชธรรมสภา
กุฏิเจ้าอาวาส อาคารเทวราชกุญชร
พิพิธภัณฑ์สักทอง
ได้เวลาพอสมควร เดินไปรอเรือที่ท่าน้ำกันค่ะ / ผ่านร้านนี้
เดินเข้ามาหน่อยนึง
จากท่าเรือ มองเห็นร้านที่เราเดินเข้าไป วิวดีเหมือนกันเนอะ ชอบค่ะ ร้านอาหารริมน้ำ
อีกร้าน ด้านซ้ายมือของท่าเรือ
ทำบุญเลี้ยงปลา ... อาหารปลาเป็นกระสอบเลยค่ะ
ฝั่งตรงข้าม พระสถูปเจดีย์วัดคฤหบดี
ระหว่างรอเรือ...
ท่าเรือวัดเทวราชกุญชร
สะพานพระราม ๘
เขตอภัยทาน
๑๓.๓๙ น. เรือมาแล้วค่ะ
ไปแล้วค่ะ
เรือรอบต่อไปมาส่งพุทธศาสนิกชนที่วัดเทวราชกุญชร
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี
สะพานกรุงธน หรือ สะพานซังฮี้
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี
วัดที่ ๙ ค่ะ วัดราชาธิวาส
ต่อตอนหน้าค่ะ
สวัสดียามเช้าครับพี่หนู
ชอบลายฉลุตรงหน้าจั่วของพิพิธภัณฑ์สักทองครับพี่
สวยงามมากจริงๆ
พระพุทธจักรพรรดิ์หลังๆมีการสร้างไว้ตามวัดมากขึ้นจริงๆครับ
ส่วนใหญ่คนกราบไหว้มักจะขอพรเกี่ยวกับเรื่องความร่ำรวยครับ
โหวต Photo blog ครับพี่
ปล. ที่ผมวาดเองเก็บไว้น่าจะถึงพันภาพนะครับ
ประมาณ 30 เผอร์เซ็นต์วาดแจกครับ 555
ที่เหลือส่วนใหญ่ผมจะเก็บใส่แฟ้ม
แต่ยังไม่เคยนับอย่างจริงจังเลยครับว่ามีอยู่กี่ภาพ