วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ตอนจบ
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร
วัดโพธิ์ หรือนามทางราชการว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๑ แห่งราชวงศ์จักรี
วันจันทร์...มาเที่ยววัดต่อค่ะ อ่านดูบล็อกเมื่อจันทร์ที่แล้ว แทบจะพูดเหมือนเดิมเลยค่ะ แอดมิทรอบสองนี้ ๖ วันเลย ขอบคุณทุกคอมเมนท์ ทุกกำลังใจ...เราเคยคอมเมนท์ที่บล็อกเพื่อนๆ ว่าเป็นหนึ่งกำลังใจให้ พอวันที่ตัวเองได้รับบ้าง เออก็รู้สึก...ดีเนาะ จากนี้ไปถึงปลายปี ปลายฤดูฝนเข้าหน้าหนาว ฉีดวัคซีนตอนนี้คงไม่ทันแล้ว ปีหน้าฉีดแน่นอนค่ะ หรือต่อให้ฉีดวัคซีนก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็นอีก หรือใครที่เคยเป็นแ้ล้ว ก็อาจจะเป็นซ้ำในสายพันธุ์เดิมได้ พยายามดูแลให้ร่างกายแข็งแรงเข้าไว้ค่ะ
วันนี้ ภาพเยอะมากนะคะ อยากให้จบในตอนเลย อาทิตย์หน้าจะได้ไปวัดใหม่
พระมณฑป (หอไตรจตุรมุข)
รัชกาลที่ ๓ โปรดฯ ให้สถาปนาเป็นสถาปัตยกรรมจตุรมุข เครื่องยอดทรงมงกุฎ ประดับกระเบื้องเคลือบ เครื่องถ้วยหลากสี ลวดลายงามวิจิตร ภายในมีตู้เก็บพระไตรปิฎก มีศาลารายล้อมพระมณฑปสามด้าน ผนังภายในศาลารายมีภาพจิตรกรรมเรื่อง กำเนิดรามเกียรติ์ ประเพณีรามัญกวนข้าวทิพย์เป็นต้น ผนังภายนอกมีศิลาจารึกโคลงสุภาษิตเรียกว่า โคลงโลกนิติ ที่ซุ้มประตูทางเข้ามณฑป ทั้งสองข้างมีรูปยักษ์วัดโพธิ์ (ตัวจริง) ที่มีตำนานเล่าว่าไปรบกับยักษ์วัดแจ้ง
อ่านเพิ่มเติมที่เว็บของวัด คลิกเลยค่ะ
มีพิพิธภัณฑ์พระพุทธรูป, พิพิธภัณฑ์พระไตรปิฎกใบลานและสมุดไทย, พิพิธภัณฑ์เครื่องถ้วยและเครื่องแก้วเจียระไน วันที่เราไปไม่เปิดค่ะ
คนนี้ก็ยังวุ่นวายกับใบบัวค่ะ เห็นที่ไหนก็จะลองทุกครั้ง ทำไมไม่เปียกน้ำ...
เจอแล้วแผนผังวัดโพธิ์ อยู่ที่นี่เอง พอมองออกไหมคะ
ลายดอกไม้ย้่อยระย้าเป็นอุบะงามมากค่ะ
เดินกลับแล้วค่ะ เก็บภาพระหว่างทางไปเรื่อย...พระระเบียงคด
พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล
อีกภาพ แบบขยายค่ะ
พระมหาสถูป หรือพระปรางค์
ประดิษฐานอยู่มุมลานพระอุโบสถชั้นนอกทั้ง ๔ ด้าน ๔ องค์พระปรางค์แบบนี้มีชื่อเรียกเฉพาะว่า พระอัคฆีย์เจดีย์ บุด้วยหินอ่อน มีเทวรูปท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ หล่อด้วยดีบุกลงรักปิดทองประดับกระจกประจำทั้งสี่ทิศขององค์พระปรางค์
ลั่นถัน
คือ ตุ๊กตาหินยืนท้าวเอวถืออาวุธ แต่งกายแบบงิ้ว เป็นขุนนางฝ่ายบู๊ เป็นนักรบ มือถืออาวุธ หน้าตาดุเหมือนจ้องมอง มีเสื้อเกราะรัดตัวอย่างทะมัดทะแมง บางรูปก็เป็นทหารยืนประจำการอยู่ เป็นนักรบระดับขุนพล
พระระเบียงคด
ตุ๊กตาจีนขุนนางฝ่ายพลเรือนหรือฝ่ายบุ๋น
สวนหย่อม หรือเขามอ
ตุ๊กตาจีนแต่งกายแบบฝรั่ง เป็นรูปมาร์โคโปโล มีอยู่ ๔ คู่ค่ะ
พระเจดีย์หมู่ห้าฐานเดียว
ประดิษฐานอยู่ตรงมุมพระวิหารคดทั้งสี่ด้าน ประกอบด้วยพระเจดีย์ใหญ่ ตรงกลางล้อมรอบด้วยพระเจดีย์เล็กสี่องค์ รวมห้าองค์อยู่บนฐานเดียวกัน เป็นสถาปัตยกรรมเจดีย์ย่อไม้สิบสองและเจดีย์แบบไม้สิบสองเพิ่มมุม (มุมเจดีย์มีย่อสามมุมสี่ด้านโดยรอบ นับได้สิบสองเรียกย่อไม้สิบสอง ถ้ามากกว่าสิบสองก็เรียกว่าเจดีย์แบบไม้สิบสองเพิ่มมุม) ประดับกระเบื้องเครื่องถ้วยตัดประดิษฐ์ ลวดลายดอกไม้งามวิจิตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุทุกองค์ พระเจดีย์หมู่ห้าฐานเดียวนี้ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๑
ลั่นถัน เมื่อเทียบกับคน ไม่แปลกใจที่ใครๆ จะเข้าใจว่าเป็นยักษ์วัดโพธิ์
โรงเรียนสมาคมแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) เปิดสอนการแพทย์แผนโบราณ และการนวดแผนโบราณจนถึงปัจจุบัน
ได้ทำการสอนอยู่ที่ศาลารายด้านทิศตะวันออก ๒ หลัง
ลั่นถัน อีกคู่ ประตูด้านนี้ไม่เปิด
ตุ๊กตาจีน ที่เขามอ หรือสวนหย่อม
มาถึงวัดโพธิ์ตั้งแต่ ๙ โมงเช้า เดินตลอด ตอนนี้ ๑๑ โมงกว่า วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ พักเหนื่อย...
อีกมุมของพระเจดีย์หมู่ห้าฐานเดียว
พระเจดีย์ราย
แมววัด
เขาฤาษีดัดตน
คือสวนสุขภาพแห่งหนึ่ง อยู่ใกล้กับพระวิหารทิศใต้ เป็นพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ ๑ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมการแพทย์แผนโบราณ และศิลปวิทยาการครั้งกรุงศรีอยุธยาไว้ ทรงพระราชดำริเอาท่าดัดตนอันเป็นการพักผ่อนอิริยาบถ แก้ปวดเมื่อยตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ประยุกต์รวมกับคติไทยที่ยกย่องฤาษีเป็นครู ผู้ประสิทธิ์ประสาทศิลปวิทยาการต่างๆ เป็นรูปปั้นฤาษีดัดตนท่าต่างๆ สมัยแรกสร้างนั้นปั้นด้วยดิน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๓ หล่อเป็นเนื้อชินอยู่จนถึงปัจจุบัน เดิมมีทั้งหมด ๘๐ ท่า แต่ปัจจุบันคงเหลืออยู่ ๒๔ ท่า
เขามอมีทั้งหมด ๒๔ ลูก เช่น เขาประดู่ เขาสะเดา เขาอโศก เขาสมอ เขาฤาษีดัดตน เขาศิวลึงค์ เป็นต้น
รูปปั้นฤาษีดัดตน
เป็นท่าตรงตามหลักโยคะของโยคีอินเดีย เป็นการออกกำลังกายที่ใช้ศิลปะ เพื่อการมีสุขภาพที่แข็งแรง นอกจากนั้นยังมีโคลงสี่สุภาพ ซึ่งจารึกไว้ในแผ่นศิลาประดับอยู่ตามศาลาราย ปัจจุบันได้รวบรวมไว้ที่ศาลาราย เช่น ศาลาเปลื้องเครื่อง (โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ) เป็นต้น โคลงภาพฤาษีดัดตน เป็นตำรากายภาพบำบัดของแพทย์ไทย แผนโบราณอันเป็นพระราชประสงค์ ขององค์บุรพมหากษัตริย์ที่ทรงพระราชดำริ ให้วัดนี้เป็นแหล่งรวมวิชาการ
ไม่ทราบชื่อค่ะ
พระพุทธชินราช หรือพระโปรดปัญจวัคคีีย์
ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารทิศใต้ เป็นพระพุทธรูปนั่งหน้าตักกว้าง ๕ ศอก ๑ คืบ ๑ นิ้ว อัญเชิญมาจากสุโขทัย พร้อมกับพระพุทธชินสีห์ มีพระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ นั่งฟัง โดยมีพระธรรมจักรอันเป็นสัญลักษณ์แห่งการปฐมเทศนาอยู่ข้างหน้า
อ่านเพิ่มเติม ตำนานพระพุทธรูปสำคัญของวัด คลิกเลยค่ะ
พระพุทธชินราช วโรวาทธรรมจักร อัครปฐมเทศนา นราศภบพิตร
ตอนทำรูปเพิ่งนึกออกว่า ไม่ได้เดินไปวิหารพระพุทธรูปสำคัญอีกองค์ ปกติเรามาจะแวะมาไหว้ทุกครั้ง เพราะเป็นพระประจำวันเกิด
อย่างที่บอกค่ะมาวัดโพธิ์บ่อย ครั้งนี้มาไหว้พระกับเอฟ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖
พระพุทธปาลิไลย ภิรัติไตรวิเวก เอกจาริกสมาจาร วิมุตติญาณบพิตร
สูง ๘ ศอกคืบ ๕ นิ้ว พระประธานในพระวิหารทิศเหนือมุขหน้า
พระพุทธปาลิไลย พระองค์นี้ ปรากฏในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนฯ ว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงสถาปนาวัดพระเชตุพนฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๒ ได้ทรงสร้างขึ้นใหม่ เป็นพระพุทธรูปหล่อปิดทองสูง ๘ ศอกคืบ ๕ นิ้ว ประทับห้อยพระบาท ทรงบรรจุพระบรมธาตุแล้วเชิญประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหารทิศเหนือมุขหน้า ถวายพระนามว่า พระป่าเลไลย และโปรดฯ ให้หล่อรูปช้างถวายคนทีน้ำ และรูปวานรถวายรวงผึ้ง ดังปรากฏอยู่ทุกวันนี้
ต่อมาถึงรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ได้โปรดฯ ให้ลงรักปิดทองใหม่ในคราวเดียวกันกับพระพุทธรูปอื่นๆ ทั่วทั้งพระอาราม
ครั้งถึงรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถวายสร้อยพระนามว่า พระพุทธปาลิไลย ภิรัติไตรวิเวก เอกจาริกสมาจาร วิมุตติญาณบพิตร และโปรดฯ ให้จารึกพระนามลงในแผ่นศิลาประดับฝาผนังไว้ดังปรากฏอยู่ถึงปัจจุบัน
อ่านเพิ่มเติม ตำนานพระพุทธรูปสำคัญของวัด คลิกเลยค่ะ
๑๑.๒๖ น. วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ กลับทางเดิมค่ะ ฝากรถไว้ตรงปากคลองตลาด เที่ยงต้องไปรับหมอกค่ะ
แพรเซี่ยงไฮ้
เทียนหยดไทย
ภาพสุดท้ายค่ะ
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์ ท่าเตียน) เลขที่ ๒ ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพ ๑๐๒๐๐
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ น.
ชาวต่างชาติซื้อบัตรเข้าชมคนละ ๑๐๐ บาท สำหรับนักท่องเที่ยวต้องแต่งกายสุภาพ
สำหรับศูนย์การศึกษาต่างๆ ที่ต้องการจะนำนักศึกษามาทัศนะศึกษา ณ วัดโพธิ์ กรุณาทำหนังสือแจ้งทางวัด เพื่อจะได้รับความสะดวกในเรื่องสถานที่ ข้อมูล และพระวิทยากรที่จะนำทัศนศึกษา หรือ
สอบถามข้อมูลได้ที่
โทร.๐-๒๒๒๖-๐๓๓๕, ๒๒๕-๙๕๙๕, ๒๒๑-๙๔๔๙ โทรสาร ๐-๒๒๒๖-๐๓๗๐, ๒๒๒-๙๗๗๙
การเดินทาง
รถประจำทางธรรมดา สาย ๑, ๓, ๖, ๙, ๑๒, ๒๕, ๓๒, ๔๔, ๔๗, ๔๘, ๕๑, ๘๒, ๑๐๓
รถประจำทางปรับอากาศ ปอ.๑, ปอ.๖, ปอ.๗ ,ปอ.๘, ปอ.๑๒, ปอ.๔๔
เรือด่วนเจ้าพระยา สามารถขึ้นฝั่งที่ท่าเรือท่าช้าง ท่าเรือท่าเตียน หรือท่าเรือปากคลองตลาด แล้วเดินเข้าประตูทางถนนท้ายวังได้
Create Date : 21 ตุลาคม 2556 |
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2557 21:12:41 น. |
|
47 comments
|
Counter : 9829 Pageviews. |
|
|
|