|
|
 |
| | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
| 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
| 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
| 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
| 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
 |
4 ธันวาคม 2568
|
|
|
|
|
|
ช่องเย็น : นกพญาไฟคอเทาปักษ์ใต้

นกตัวต่อไป นกพญาไฟคอเทา (Grey-chinned minivet) มักจะมากับเวฟนก มาเกาะต้นไม้ให้เราถ่ายภาพ แต่ว่าความรกของกิ่งก้านและความสูงนั่้น ก็ทำให้ถ่ายภาพยากเหมือนเดิม เหมือนนกพญาไฟอื่นๆ ตัวผู้จะมีสีแดง และตัวเมียจะมีสีเหลือง การจำแนกออกจากนกพญาไฟชนิดอื่น ดูที่ใต้คางจะมีสีเทา ถ้าไม่มีไกด์ก็คงแยกได้ยาก เพราะตรงสีเทาเห็นอยู่นิดเดียว ตัวนี้เป็นนกประจำถิ่นจึงมีสีฉูดฉาด ถ้าเป็นนกอพยพจะมีสีที่ซีดจางกว่า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pericrocotus solaris ตั้งชื่อโดย Blyth ในปี 1846 จากตัวอย่างที่ได้มาจากเมืองดาจีลิง มีถิ่นอาศัย ในแนวเทือกเขาหิมาลัย ตั้งแต่เนปาล ถูฏาน อัสสัม จีน พม่า อินโดไชนา ประเทศไทย พบไม่ต่ำไปกว่าคอคอดกระ จากนั้นข้ามไปที่มาเลเซีย เกาะสุมาตรา และบอร์เนียว นั้นหมายความว่าไม่พบนกชนิดนี้ในภาคใต้ของไทย ซึ่งการกระจายตัวแบบนี้เหมือนกับ นกปรอดหัวสีเขม่า น่าสนใจว่าทำไม แต่ในปัจจุบัน เรายังไม่มีคำตอบนี้ ก่อนหน้านี้มีคนสังเกตว่า มีนกหลายชนิดที่อาศัยตามแนวเขาที่ต่อเนื่องมา ตั้งแต่เทือกเขาหิมาลัย บางชนิดอาจจะสิ้นสุดที่ดอยอินทนนท์ บางชนิดก็ลงใต้มาถึง อช. แก่งกระจาน แต่ไม่ต่ำลงไปกว่าคอคอดกระ ซึ่งอธิบายได้ว่า นั่นอาจจะเป็นเพราะความสูง อุณหภูมิ ได้สร้างป่าที่มีการหมุนเวียนของฤดูกาล ที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย เฉกเช่นเดียวกับเทือกเขาหิมาลัย ที่มีความหนาวเย็น

แต่ในกรณีที่มีการกระจายตัว แล้วที่มาสิ้นสุดที่คอคอดกระ และข้ามไปพบอีกครั้งหลังเทือกเขาบรรทัด ที่เป็นรอยต่อของไทยและมาเลเซีย น่าจะต้องมีคำอธิบายอื่น เพราะภูมิอากาศภาคใต้ของไทยกับมาเลเซียนั้น ก็เป็นป่าฝนที่มีสีเขียวตลอดปีเหมือนกัน
หรืออีกคำอธิบายว่า ภาคใต้มีที่ราบคั่นกลางระหว่างเขาตะนาวศรี กับเขาหลวงนครศรีธรรมราช และเป็นที่ราบก่อนถึงเขาเทือกเขาบรรทัด นกภูเขาที่ไม่อาศัยในที่ราบต่ำ จึงไม่สามารถข้ามช่องว่างเหล่านี้ไปได้
แต่หากเป็นนกปรอดหัวสีเขม่า ที่อาศัยอยู่ตามสวนที่ราบ ฤดูกาลก็ไม่น่าจะมีผลต่อการหาอาหาร หรือการผสมพันธุ์ ทำไมจึงยังไม่พบในภาคใต้อยู่ดี มีการศึกษาไมโตคอนเครียของกลุ่มนกปรอดหลายชนิด ทั้งที่มีกระจายตัวทั่วประเทศ และชนิดที่ไม่พบภาคใต้ของไทย ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงในระดับพันธุกรรม ไม่ได้เกิดขึ้นที่คอคอดกระเพียงจุดเดียว แต่ความแตกต่างพันธุกรรมของนกปรอดบางชนิดนั้น อยู่เหนือขึ้นไปถึงแนวละติจูดที่ 14 องศาเหนือ แนวจังหวัดกำแพงเพชร
คำอธิบายนี้คือ เป็นไปได้ว่าในยุคไพลโตซีน ซึ่งโลกได้กลายเป็นน้ำแข็งและอบอุ่นขึ้นสลับกัน ได้เปลี่ยนแปลงสภาพของพื้นที่ ในแต่ละรอบของการเปลี่ยนแปลง โดยเส้นละติจูดที่ 14 องศาเหนือเป็นเขตจำกัดของทุกครั้ง ที่น้ำท่วมถึง
เพราะต่ำกว่าจุดนี้คือพื้นที่ราบภาคกลางใต้จังหวัดนครสวรรค์ลงมานี้ น่าสนใจว่าละติจูดนี้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเส้น Wallace line ที่ใช้แบ่งเขตภูมิศาสตร์ระหว่างสัตว์ที่มีอยู่ในทวีปเอเชีย และสัตว์ที่มีอยู่ในทวีปออสเตรเลียในปัจจุบัน

เรื่องนี้ยังสามารถอธิบายเรื่องนกปรอดหัวสีเขม่า ว่าทำไมถึงถูกตัดขาดจากภาคใต้ แล้วไปพบอีกครั้งที่เกาะในอินโดนีเซีย ที่สำคัญก็ยังอธิบายสิ่งที่เรายังค้างคาใจว่า ทำไมนกปรอดหัวสีเขม่า ที่สุมาตรา ชวา เวียดนามใต้ และ อุบลราชธานี จึงมีก้นสีเหลือง ในขณะที่นกปรอดหัวสีเขม่าทางเหนือ และตะวันตกของไทยไปถึงเพชรบูรณ์ รวมถึงจีนตอนใต้ ภาคเหนือของลาว และเวียดนาม จึงมีก้นสีแดงลองจินตนาการถึงแผนที่ประเทศไทย ที่ย้อนกลับไปในยุคไพลโตซีน อันเป็นยุคน้ำแข็งสุดท้าย ที่เริ่มต้นเมื่อสองล้านปีจนถึงเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน โลกมีทั้งยุคที่เป็นน้ำแข็ง ทำให้ทะเลในปัจจุบันถอยร่นลงไป อ่าวไทยกลายเป็นที่ราบ เกิดเป็นะพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อ จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อเนื่องถึงเกาะต่างๆ ในอินโดนีเซีย
ยุคนั้นนกปรอดหัวสีเขม่าน่าจะมีก้นสีแดงเหมือนกันหมด เชื่อว่าได้รับยีนเด่นมาจากนกปรอดก้นแดง ที่พบในอินเดียมาจนถึงพม่า
ต่อมาเข้าสู่ยุคโลกร้อนที่ทำให้น้ำแข็งละลาย จนทำให้น้ำท่วมสูงขึ้น มาจนถึงนครสวรรค์ เหลือพื้นที่เพียงพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล คือเทือกเขาทางตอนเหนือ เทือกเขาทางตะวันตกที่ยาวลงมาถึง เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเทือกเขาอันนัม ที่แบ่งประเทศลาวและเวียดนาม น้ำได้ท่วมภาคใต้ จนเทือกเขาหลวง เทือกเขาบรรทัด เทือกเขาแกนกลาง ของประเทศมาเลเซีย และเกาะบอร์เนียว กลายเป็นเกาะ เกาะสุมาตราที่มีเทือกเขายาวเป็นแนวทางใต้ กลายเป็นเกาะขนาดใหญ่
ทำให้นกปรอดหัวสีเขม่าที่เคยอยู่ร่วมกันบนแผ่นดินใหญ่ที่เรียกว่า sundaland ถูกตัดขาดออกจากกัน นกที่อยู่ตามเกาะทางใต้ในยุคน้ำท่วม กลายเป็นนกมีก้นสีเหลือง เหตุผลอาจเป็นเพราะพื้นที่ทางใต้ มีนกปรอดชนิดอื่นที่คล้ายกัน ทำให้พวกมันวิวัฒนาการ ให้สามารถแยกความแตกต่าง จากนกปรอดสายพันธุ์อื่น
ต่อมาเมื่อน้ำทะเลลดลง พื้นที่ต่ำกว่าแนวเส้นละติจูดที่ 14 องศาเหนือ ได้แก่ ภาคกลางของไทย ลาวตอนใต้ กัมพูชา กลับมาเป็นแผ่นดินอีกครั้ง นกจากเวียดนามใต้ที่สมัยนั้นกลายเป็นเกาะ และเปลี่ยนแปลงก้นเป็นสีเหลือง ได้แพร่กระจายกลับมา เช่นเดียวกับนกในอินโดนีเซียที่มีก้นสีเหลืองเช่นกัน ยกเว้นจังหวัดกาญจนบุรี ที่เราพบว่านกมีก้นทั้งสองสี ซึ่งเป็นจุดที่ประชากรนกจากภาคกลาง มาชนกับนกดั้งเดิมในภาคตะวันตก และนั่นก็อาจจะเป็นการใช้วิทยาศาตร์ด้านพันธุกรรม ในการนำมาอธิบายเรื่องนี้ที่นักปักษาวิทยาในอดีตสงสัยมานานก็ได้
| Create Date : 04 ธันวาคม 2568 |
|
2 comments |
| Last Update : 4 ธันวาคม 2568 13:28:41 น. |
| Counter : 84 Pageviews. |
 |
|
|
| | |
โดย: หอมกร 4 ธันวาคม 2568 9:21:44 น. |
|
|
|
| |
|
BlogGang Popular Award#21
|
 |
ผู้ชายในสายลมหนาว |
|
 |
|
|
|