BlogGang.com : : ผู้ชายในสายลมหนาว : โลกคู่ขนาน : ดูวาฬบรูด้า

โลกคู่ขนาน : ดูวาฬบรูด้า

วิกฤติการณ์โรคระบาด Covid19 สร้างหายนะแก่ระบบเศรษฐกิจของโลก
ได้อย่างที่ไม่เคยมีสิ่งใดเคยทำมาก่อน มนุษย์ต่างหวาดระแวงคนรอบข้าง
การเดินทางไปมา การอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ แม้กระทั่งการเรียนก็ต้องหยุดลง
นอกจากการเกิดสงครามโลก ผมก็นึกอะไรที่ร้ายแรงกว่านี้ไม่ออกเสียแล้ว

ท่ามกลางหายนะของมนุษยชาติ อาชีพของคนจำนวนมากล้วนมีผลกระทบ
แต่นั่นก็มีโลกอีกใบหนึ่งซึ่งเราไม่เคยนึกถึง ยังคงเคลื่อนไหวอยู่รอบตัวเรา
นั่นก็คือวิถีแห่งธรรมชาติ ที่ไร้ผลกระทบจากสิ่งที่มนุษย์ปรุงแต่งขึ้น
มีแต่ความเรียบง่ายที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ คู่ขนานไปกับวุ่นวายของวิกฤติ

มีข่าวมากมายในโลกที่เกิดขึ้น ชายหาดที่เต่าทะเลเคยหายไปได้กลับมาวางไข่
แนวปะการังที่ฟื้นตัว กลุ่มของสัตว์ป่าออกมาเดินบนถนนที่มนุษย์เคยใช้สัญจร
แม้กระทั่งเจ้ายักษ์ใหญ่แห่งท้องทะเลอ่าวไทย ก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

กว่า 10 ปี แล้วที่มีรายงานข่าวการพบวาฬบรูด้าในอ่าวไทย
เริ่มจากบางตะบูน จากนั้นก็เข้ามาใกล้ในโค้งอ่าวไทยมากขึ้น
จนปัจจุบันข้ามเขตไปยังทะเลตะวันออก เกิดเป็นกลุ่มเล็กๆ ประชากรวาฬ
ที่อยู่อาศัยเป็นสัตว์ประจำถิ่น จนกลายเป็นหนึ่งในสัตว์สงวนเมื่อปี 2562

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะได้พบเห็นคือ ฤดูฝน
ที่แม่น้ำได้พัดพาสารอาหารจากแผ่นดินทางตอนเหนือออกสู่ทะเล
ทำให้เกิดปลาขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก เป็นแหล่งอาหารสำคัญของวาฬบรูด้า
แต่ด้วยลมพายุจึงทำให้เวลาที่ดีที่สุดในการชม คือช่วงปลายฝนต่อกับต้นหนาว

จุดที่มีการจัดทัวร์ชมวาฬบรูด้าหลักๆ จะมี 2 ที่ คือ
ร้านอาหารที่อยู่ในเขตรอยต่อบางขุนเทียน-สมุทรสาคร และบางตะบูน
แน่นอนว่าเราเลือกบางขุนเทียน เพราะการออกเรือในเวลาเช้านั่นหมายความว่า
หากเราต้องขับรถไปเอง ที่บางตะบูนเราจะต้องตื่นเช้ามาก หรือต้องไปค้าง

เรือจะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ แบบธรรมดาที่ราคาพันกลางๆ
และแบบติดแอร์ที่ราคาพันปลายๆ เราเลือกแบบติดแอร์
เพราะคิดว่าระหว่างที่มีการออกไปจนถึงจุดชมวาฬนั้นจะได้พักผ่อน
อ้อ อย่าลืมว่าทัวร์แบบนี้ไม่มีการการันตีว่าเราจะได้เจอวาฬหรือไม่

เวลานัดที่ร้านอาหารคือ 7.00 น เราต้องออกจากบ้านก่อนเวลานั้นหนึ่งชั่วโมง
เห็นชีวิตระหว่างทางที่คนจำนวนมากที่ต้องตื่นออกจากบ้านแต่เช้า
เพื่อเดินทางไปทำงานในเมือง เป็นสัจธรรมของชีวิตที่คนบางส่วนต้องเผชิญ
หากว่าบ้านใกล้ก็ถือว่าโชคดี เพราะเวลาในชีวิตมากกว่าครึ่งนั้นคือการทำงาน

ตรงเวลาเสมอสำหรับเรา ที่ลัดเลาะผ่านถนนเล็กๆ ไปยังจุดนัดหมาย
ยังมีเวลาพอที่จะแวะซื้อกาแฟติดมือ ทางร้านต้อนรับด้วยข้าวต้มร้อนๆ
ที่มีความหอมหวานของน้ำซุปของชาวเล กุ้งและหมึกสดๆ แต่เม็ดข้าวแข็งมาก
8.00 น ได้เวลาออกเรือ มีคนร่วมทริปยี่สิบกว่าคน ไม่เยอะมากนักในวันธรรมดา

แต่คุณควรรีบขึ้นนั่งก่อนหน้านั้น เพราะจะได้นั่งแบบหันหน้าออกไปทางหัวเรือ
ไกด์เริ่มบรรยายถึงชีวิตวาฬบรูด้า ก็จะน่ามหัศจรรย์ว่าพวกเค้าตั้งชื่อให้ทุกตัว
รู้ว่าใครเป็นลูกใคร ซึ่งเป็นการทำงานที่ช่วยเก็บข้อมูลของวาฬให้ทางราชการ
เพื่อประโยชน์ในการศึกษาและอนุรักษ์วาฬบรูด้าของประเทศต่อไป

ราวหนึ่งชั่วโมงในระยะที่ยังมองเห็นฝั่ง สัญญานอินเตอร์เนทของมือถึอยังถึง
เราก็ถูกตามให้ขึ้นไปบนดาดฟ้า และเห็นวาฬบรูด้าตัวแรก ไกด์เริ่มบอกชื่อ
แต่เราก็คงจำไม่ได้หรอก ตอนแรกเห็นแค่แผ่นหลัง ก็ถ่ายรูปกันระรัว
ผมใช้เลนส์ 70-200 มม แต่เป็นกล้องตัวคูณ 1.6 รวมแล้ว ระยะก็พอไหว

พอผ่านไปสักสามตัว คนก็เริ่มเลิกถ่ายถ้าเห็นแค่หลัง เพราะเริ่มซ้ำๆ แล้ว
รอจนกระทั่งได้ช่วงวาฬกินอาหารแบบ trap feeding อันเป็นเอกลักษณ์
ตื่นเต้นฮือฮากันมากด้วยวาฬจะยกตัวตรงขึ้นมาเหนือน้ำแล้วอ้าปากกว้าง
ลูกปลาจะกระโดดอยู่ในปาก รอสักพักมันก็จะหุบปากแล้วม้วนตัวลงไป

จากนั้นจะพ่นน้ำออกจากจากจมูก เพราะต้องกลั้นหายใจไปตอนอ้าปาก
แล้วก็เป็นการไล่น้ำออกจากกระพุ้งแก้ม ผ่านบาลีนให้เหลือแต่ลูกปลา
ก่อนที่จะกลืนพวกมันลงไปเป็นอาหาร ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะอิ่ม
กลายเป็นภาพซ้ำๆ อีกแล้ว คนก็เลิกถ่ายรูปอีกครั้ง รอกระทั่งมีช็อตใหม่ๆ

เช่น รอให้มีสองตัวทำ trap feeding ใกล้ๆ กัน จากนั้นก็ไม่มีคนถ่ายอีก
เพราะก็เห็นบ่อย จากนั้นรอจนเห็นเป็น 3 ตัวจนมากสุดคือ 4 ตัวในภาพเดียว
แต่ถ้าไม่เอาแบบอ้าปากละก็ เราสามารถเห็นได้ถึง 6 ตัว ในครั้งเดียวกัน
จากนั้นก็ดูธรรมดาไปสำหรับการถ่ายการอ้าปาก หันไปรอภาพในช่วงเวลาอื่น

ภาพวาฬอ้าปากในขณะที่เห็นเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่แล่นอยู่ไกลๆ
ภาพวาฬอ้าปากในมุมที่สามารถมองเห็นตึกสูงของกรุงเทพเป็นฉากหลัง
ภาพวาฬอ้าปากในขณะที่มีเรือชมวาฬลำอื่นลอยลำถ่ายรูปเป็นฉากหลัง
ภาพเดียวที่เราไม่ได้มาในทริปนี้ก็คือปลาวาฬกระโดด

นั่นอาจจะเป็นเพราะพื้นที่ตรงนี้ตื้นกว่าแถวบางตะบูนก็เป็นได้
ทำให้ไม่มีความลึกพอที่จะทำให้วาฬมุดใต้น้ำแล้วกระโดดขึ้นมา
ราว 15.00 น. ทุกคนก็เบื่อแล้วล่ะ เพราะเห็นวาฬไปเกือบสิบตัว
อ้าปากอีกเกือบห้าสิบครั้ง เรียกได้ว่าเป็นทริปที่ได้เห็นวาฬเยอะมาก

กลางวันเค้ามีอาหารเลี้ยงนะ เป็นข้าวกล่อง หมึกกุ้งสดมาก
แต่รสชาติผัดกะเพรานี่ไม่เผ็ดเลย ก็เลยลดความอร่อยเหลือแค่พอกินได้
ขากลับก็ผ่านถนนบางขุนเทียนชายทะเล เราเลือกร้านอาหารแห่งหนึ่ง
จากรีวิวใน pantip ว่าดีและถูก ก่อนจะกลับถึงบ้านก่อนตะวันตกดิน

สิ่งที่จะเตือนทุกท่านหากจะไปชมวาฬบรูด้าคือ เสื้อผ้าการแต่งกาย
บอกได้เลยว่าต้องจัดเต็ม รวมทั้งครีมกันแดด ปลอกแขน ผ้าปิดหน้า
ถ้าใครคิดไม่ออกก็นึกภาพชาวประมง อย่าห่วงถ่ายรูป
ไม่เช่นนั้นแล้วกลับมาได้สักสามวัน หน้าจะดำและลอกไปเป็นแผ่นในที่สุด

สิ่งที่ได้หลังจากเห็นวาฬบรูด้าที่ห่างไปจากกรุงเทพไม่กี่กิโลเมตรแบบนี้
ทำให้พบว่าทะเลไทยนั้นช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน น้ำเสียจำนวนมากในลำคลอง
ยังถูกเจือจางจนมีความสะอาดมากพอ ที่จะก่อเกิดเป็นห่วงโซ่อาหารได้
แต่สิ่งเดียวที่ไม่อาจชะล้างไป นั่นก็คือขยะพลาสติก

ที่จะล่องลอยวนเวียนฆ่าชีวิตสัตว์ทะเลไปมากมาย
แม้สุดท้ายก็จะแตกสลายเป็นไมโครพลาสติก
มันก็จะวนกลับเข้าสู่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กไปถึงปลาทะเลที่เรากินในที่สุด
การรณรงค์ให้ทุกคนลดการใช้ถุงพลาสติกแบบครั้งเดียวก็เพื่อสิ่งนี้

เพื่อจะให้สัตว์ทะเลที่หายากได้คงอยู่ ให้พวกเราจะได้ออกไปดูกันได้อีกนานๆ
หลายคนอาจสงสัยว่า นี่เป็นกิจกรรมที่รบกวนพวกเค้าหรือไม่ คงตอบได้ว่า
คนที่ทำอาชีพนี้ก็ต้องมีใจอนุรักษ์ในระดับหนึ่ง ที่จะพึงตะหนักว่า
มีกฏเกณฑ์ที่พวกเค้าต้องรักษาเพื่อให้อาชีพนี้คงอยู่ได้ต่อไป

Create Date : 05 ตุลาคม 2563

Last Update : 10 ตุลาคม 2563 17:18:54 น.

9 comments

Counter : 1342 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...

คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณทนายอ้วน, คุณtuk-tuk@korat, คุณSleepless Sea, คุณKavanich96, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณnewyorknurse

อืม
ตัวเองคงไม่ไปรบกวนปลา

ดูในclip อ่านเรื่องราว
ที่เพื่อนบล็อกเอามาฝากก็ชื่นใจ

โดย: คนผ่านทางมาเจอ

วันที่: 5 ตุลาคม 2563 เวลา:11:40:09 น.

เป็นอะไรที่So amazing มากมาย
ทะเลไทย..วันนี้

โดย: เริงฤดีนะ

วันที่: 5 ตุลาคม 2563 เวลา:11:48:07 น.

อยากไปดูมากๆครับ แต่ไม่ค่อยมีโชคเรื่องไปดูสัตว์ ฮ่าๆๆๆ ไปดูปลาวาฬ ปลาโลมา ที่ออสเตรเลีย ก็มันเห็นซักตัว ไกด์บอกว่าปกติมันมาเป็นฝูงเลยนะ ฮ่าๆๆๆ

โดย: ทนายอ้วน

วันที่: 5 ตุลาคม 2563 เวลา:14:56:37 น.

พลาสติก อันดับแรกต้องหยุดผลิตก่อนค่ะ
ไปตลาดทีเบรคคนขายแทบไม่ทัน ต่องเอาของออกจากถุงคืนถุงไป

-----

ปล.ไปปราสาทเมืองสิงห์ก็ไปค้างซิคะ เที่ยวสบาย ๆ แต่เมืองกาญกับ กทม.ก็ไม่ไกลกันเท่าไรนะคะ

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 5 ตุลาคม 2563 เวลา:15:22:19 น.

ที่จริงได้อ่านเรื่องดาวนายพรานด้วยนะคะ
เพราะเกี่ยวข้องกับ Artemis กับ Doe แต่ไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกับเพลงอย่างไร เลยละเจ้ากวางไปตัวนึง
เวลาดูท้องฟ้าก็ รู้จักแค่ ดาวนายพราน กะ ดาวลูกไก่ค่ะ

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 7 ตุลาคม 2563 เวลา:12:56:00 น.

สวัสดีครับ

ดีนะครับที่ทะเลไทยมีธรรมชาติสวยๆแบบนี้
ขอบคุณครับ

โดย: Sleepless Sea

วันที่: 7 ตุลาคม 2563 เวลา:17:07:41 น.

วันนี้มาโหมดเรียบร้อยครับ ชวนไปเที่ยววัดหลวงพ่อโสธรกันครับ

โดย: ทนายอ้วน

วันที่: 7 ตุลาคม 2563 เวลา:19:15:12 น.

ตอนที่ไปวดก็ยังไม่รู้ว่าองค์ไหนองค์จริงนะครับ กลับมาอ่านในเวบถึงได้รู้ นึกในใจดีนะเนี่ยะที่ถ่ายรูปมาทุกองค์ ฮ่าๆๆๆ

โดย: ทนายอ้วน

วันที่: 9 ตุลาคม 2563 เวลา:12:42:30 น.

ชาตินี้ อยากเห็นวาฬบรูด้าตัวเป็นๆ จังเลยแฮะ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกไปไหน จะได้เจอมั้ยนะ

โดย: fevestival (สมาชิกหมายเลข 6023213

) วันที่: 10 ตุลาคม 2563 เวลา:1:01:27 น.