กรกฏาคม 2560

 
 
 
 
 
 
3
4
5
6
8
9
11
12
13
15
16
17
19
20
24
25
26
28
29
30
31
 
 
All Blog
(แปลเพลงที่ใช่ by design) 9 เพลงทองของแบรตต์สุดแสบ "อันเนื่องมาจาก Despicable Me"















    เมื่อบล็อกที่แล้ว ผมได้เล่าถึงแอนิเมชั่นน้ำดี The Secret Life Of Pets กันไปแล้ว วันนี้ จะมาเล่าถึงผลงานชุด “มิสเตอร์แสบร้ายเกินพิกัด” ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ค่าย Illumination และเป็นที่รู้จักทั่วโลก มาดูกันว่า เรื่องราวที่ผ่านมาของแอนิแมชั่นชุดดังปังเวอร์นี้ เป็นอย่างไรบ้าง


      เปิดตัวค่าย Illumination ด้วยภาคแรก (2553) เล่าเรื่อง “กรู” วายร้ายจอมเก๋าพร้อมสมุนตัวเหลือง “มินเนี่ยน (เวลาต่อมา กลายเป็นมาสคอตประจำค่าย Illumination เหมือนกับดิสนีย์ที่มีมิกกี้ เมาส์)” ต้องรักษาความเป็นวายร้ายไม่ให้ตกยุค โดยมีคู่แข่งคนสำคัญ “เวกเตอร์” วายร้ายรุ่นใหม่จอมกวน ในขณะเดียวกัน เด็กกำพร้าทั้งสามคน “มาร์โก้” “อีดิท” “แอกเนส” ก็เข้ามาในชีวิตของกรู ทำให้ชีวิตวายร้ายของเขาเริ่มสั่นคลอนเสียแล้ว เขาจะทำยังไงต่อไป
      ภาคสอง (2556) กรูเจอกับสายลับสาวจากแอนตี้ลีกวายร้าย “ลูซี่ (ที่ทำให้ผมนึกถึงพลอยชมพูทันใด)” ในการยั้งภัยวายร้ายในตำนาน “เอล มาโซ่” ที่แกล้งตายแล้วทำธุรกิจร้านอาหารบังหน้าเอาไว้ *อนึ่ง ภาคนี้ได้รับการเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมและเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (คือ Happy – Pharrell Williams) ประจำปี 2556 (จัดปี 2557) แต่แพ้ Frozen ทั้ง 2 สาขารางวัล*
      ภาคแยก (2558) “Minions” เล่าเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวตัวเหลืองที่ต้องรับใช้เจ้านายวายร้ายให้มีความสุข แต่ก็นกทุกครั้ง จนกระทั่งผู้กล้าทั้ง 3 “เควิน-บ๊อบ-สตวร์ท” ออกเดินทางหาเจ้านายคนใหม่ จนไปเจอกับวายร้ายสวยแซ่บเวอร์ “สการ์เล็ต โอเวอร์คิล” ความสนุกสนานและกวนประสาทจึงบังเกิดขื้น *เป็นแอนิเมชั่นพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯเรื่องที่ 3 ใน 5 เรื่อง คือ Toy Story 3, Frozen, Minions, Zootopia และ Finding Dory และเป็นแอนิเมชั่นทำเงินตลอดกาลอันดับ 1 ที่ค่ายปราสาทเทพนิยายไม่ได้ผลิต*
      และภาคสาม (2560) ทั้งกรูและลูซี่จะต้องไปยั้งภัยยึดครองโลกจากแผนร้ายของ “บัลธาซาร์ แบรตต์” อดีตดาราเด็กจากรายการยอดฮิตยุค 80’s “Evil Bratt แบรตต์สุดแสบ” ที่ยังติดภาพลักษณ์จอมโฉดสุดแสบ (อันเนื่องมาจากรายการนี้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2528 พอถึงฤดูกาลที่ 3 ปี 2530 แบรตต์แตกเนื้อหนุ่ม ความน่ารักลดลง ในที่สุดรายการถูกยกเลิก เขาตกยุค พูดง่ายๆก็คือดับสนิทแหละครับ) แต่ก็นกจนได้ แล้วทั้งคู่ก็โดนต้นสังกัดไล่ออก ในขณะเดียวกันกรูต้องพบกับน้องชายฝาแฝด “ดรู” ที่ต่างกันคนละขั้ว เขาจะทำยังไงต่อไป *ภาพสวยขึ้น(ฉากที่แอกเนสหายูนิคอร์นที่ป่าแห่งหนึ่ง), ตัวละครใหม่ก็โดนใจ และ "ความเป็นแม่ของลูซี่" คือสิ่งที่น่าสนใจในภาคนี้*
-----  
     ภาพรวมของแอนิเมชั่นชุดนี้คือ แหวกแนวด้วยการดำเนินเรื่องที่มีเน้นความหรรษาเป็นหลัก (โดยเฉพาะ Minions ไม่มีฉากเรียกน้ำตาแม้ฉากเดียว) แทรกฉากประทับใจบ้างเป็นช่วงๆ, การออกแบบตัวละครที่โดนใจคนทั้งโลก (โดยเฉพาะเจ้ามินเนี่ยน), และตัวร้ายที่แต่ละภาคมีมิติในเรื่องภูมิหลังที่แตกต่างกันแต่โดดเด่น (คือ กวนประสาทคิดแย่งซีนรุ่นเก๋า, แกล้งตายแล้วสร้างภาพให้ตัวเองดูดี, ไม่รู้จักพอ และ อยากเอาคืนสิ่งที่เสียไปในอดีต ตามลำดับ)
      ว่าด้วยฉบับพากย์ไทย ถึอว่าเด็ดมาก ไม่ว่าจะเป็น อิทธิพล มามิเกตุ (กรู), นิรมล กิจภิญโญชัย (ลูซี่), และนักพากย์อีกคับคั่ง รวมไปถึงเสียงวายร้ายที่คอหนังจดจำไม่เคยลืม ได้แก่ กริน อักษรดี (เวกเตอร์), เอกชัย พงศ์สมัย (เอล มาโซ่), ชิดชนก แย้มมา (สการ์เล็ต โอเวอร์คิล) และล่าสุดกับ นิมิตร ลักษมีพงศ์ (แบรตต์สุดแสบ) โดยผู้ที่กำกับเสียงพากย์ไทยแอนิเมชั่นชุดนี้มาโดยตลอดก็คือ สรรเสริญ โภคสมบัติ (นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ให้เสียงมินเนี่ยนบ๊อบ ในแอนิเมชั่นพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เรารู้ๆกันว่าเรื่องอะไร) ยกเว้นภาค 3 ซึ่ง โกสินทร์ ชัชวาลนนท์ กำกับเสียงพากย์แทน ส่วนบทภาษาไทยเป็นฝีมือของ ศิริกมล เชฎฐ์อุดมลาภ เธอแปลตั้งแต่ภาคแรกและบทแปลแต่ละภาคนี่ทั้งเฟี้ยวฟ้าวและโดนใจสุดๆ (ทุกวันนี้ มุก ป๋าเบิร์ดซ่อมไม่ได้, ซัตเตอร์กดติดวิญญาณหลอน, สนุกสุดติ่งถือว่าผิด และล่าสุดนี่นี้ แดนซ์สู้ฟัด ยังอยู่ในใจอยู่เลย)
------ 
เข้าสู่บทเพลงกัน

     วันนี้จะมานำเสนอรวมเพลงยุค 80’s ที่คุณได้ยินในมิสเตอร์แสบฯ 3 ซึ่งใครที่เป็นคอเพลงยุค 80’s ถูกใจแน่นอน ผมคิดว่าบทเพลงทำให้บ่งบอกภาพลักษณ์ของตัวละครได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของ 
“9 เพลงทองของแบรตต์สุดแสบ”
“อนึ่ง ชื่อเพลงมีการเรียงลำดับตามตัวอักษร และผมแปลเพลงทั้ง 9 เพลงระหว่างวันที่ 12-30 มิถุนายน 2560 ผมแปลเพลงเหล่านี้ด้วยใจขอรับ”
เริ่มที่เพลงแรกกันเลย (ข้อมูลบางส่วนมาจากวิกิพีเดียอังกฤษครับ)
------

99 Luftballons บทเพลงต้านสงครามของวงร็อกจากเยอรมนี “Nena” เมื่อปี 2526  เป็นเพลงภาษาเยอรมัน ติดอันดับเพลง Billboard Hot 100 เป็นอันดับ 2 และยังมีฉบับภาษาอังกฤษอีกด้วยในปีต่อมา (แต่ฉบับที่คอเพลงคุ้นเคยเป็นฉบับภาษาเยอรมัน)
เบื้องหลังเพลงนี้มีอยู่ว่า มือกีตาร์วงนี้สังเกตลูกโป่งหลายลูกลอยฟ้า แต่เปลี่ยนรูปร่าง โดยเขาเชื่อว่าลูกโป่งเหล่านี้ลอยผ่านกำแพงเบอร์ลิน เนื้อหาเพลงนี้ว่าด้วยลูกโป่งสีแดง 99 หลุดมือจากยานufo จนทำให้เกิดสงครามทั่วโลก สู้กันไปมา….ไม่มีใครชนะ พอได้ทำเป็นฉบับภาษาอังกฤษ ก็มีการเปลิ่ยนเนื้อหาเล็กน้อย  คือ ตัวประกันปล่อยลูกโป่งทั้ง 99 ลูก จนไปชนเครื่องบินรบ สร้างความปั่นป่วนจนเป็นสงครามนิวเคลียร์


99 Red Balloons (99 Luftballons) – Nena 
*แปลจากฉบับอังกฤษครับ*

- You and I in a little toy shop
เธอฉันอยู่ในร้านของเล่นเล็กๆ
Buy a bag of balloons with the money we've got
ซื้อลูกโป่งมาหนึ่งถุงด้วยเงินที่เรามีอยู่
Set them free at the break of dawn
'til one by one they were gone
ปล่อยเป็นไทไปในตอนเช้าตรู่ ทีละลูกจนหมดหายไป
Back at base bugs in the software
ณ ที่ฐานทัพ สัญญาณรบกวน
Flash the message: "something's out there!"
ข้อความเด้ง "มีอะไรข้างนอก"
Floating in the summer sky ninety-nine red balloons go by
ลอยบนฟ้าฤดูร้อน ลูกโป่งแดง 99 ลูกลอยผ่านไป

- Ninety-nine red balloons floating in the summer sky
ลูกโป่งแดง 99 ลูก ลอยท้องฟ้าฤดูร้อน
Panic bells, it's red alert
กระดิ่งสั่น รับมือโจมดี
There's something here from somewhere else
มีบางอย่างอยู่นี่จากสักแห่ง
The war machine springs to life opens up one eager eye
อาวุธสงครามเริ่มใช้งานรบ เพื่อลืมตาอันแสนขันแข็ง
Focusing it on the sky where ninety-nine red balloons go by
เพ่งเล็งที่ท้องฟ้า ที่ซึ่งโป่งแดง 99 ลูก ล่องลอยไป

- Ninety-nine decision street
99 ถนนตัดสินใจ
Ninety-nine ministers meet
99 รมต. ประชุมกัน
To worry, worry, super scurry
ให้วิตกกังวลลนลานสุดขีด
Call the troops out in a hurry
เรียกกองรบออกมาโดยเร็วรีบ
This is what we've waited for
นี่คือสิ่งที่เรารอ
This is it, boys, this is war
ใช่แล้วเด็กน้อย คือสงคราม
The president is on the line
ประธานาธิบดี เสี่ยงภัย
As ninety-nine red balloons go by
เพราะโป่งแดง 99 ลูก ลอยไป

- Ninety-nine knights of the air
99 นักรบบนฟ้า
Ride super high-tech jet fighters
ขับเครื่องบินรบเจ็ตทันสมัย
Everyone's a super hero
ทุกคนเป็นยอดวีรบุรษ
Everyone's a captain kirk
ทุกคนได้เป็น กับตันเคิร์ก
With orders to identify to clarify and classify
ด้วยคำสั่ง เพื่อบ่งชี้เฉพาะ เพื่อเข้าใจ และเพื่อจัดจำแนก
Scramble in the summer sky
ท้องฟ้ายามฤดูร้อนสุดวุ่นวาย
Ninety-nine red balloons go by
โป่งแดง 99 ลูก ลอยไป

- As ninety-nine red balloons go by
เพราะโป่งแดง 99 ลูก ลอยไป

- Ninety-nine dreams I have had
99 ฝันที่ฉันมี
In every one a red balloon
อยู่ในลูกโป่งสีแดงทุกลูก
It's all over and I'm standing pretty
มันจบลงแล้ว และฉันยังยืนอยู่นิ่งๆ
In this dust that was a city
ในละอองฝุ่นที่ในเมือง
If I could find a souvenir
หากฉันเจอของฝากสักหนึ่งชิ้น
Just to prove the world was here
ขอเพียงพิสูจน์ โลกอยู่ที่นี่
And here is a red balloon
และนี่ ลูกโป่งแดงลูกหนึ่ง
I think of you, and let it go
คิดถึงเธอนะ ปล่อยไปเสียเถิด


(ต้นฉบับขอรับ)
--


“Bad” เพลงดังระดับตำนานของราชาเพลงพอปในตำนาน Michael Jackson เมื่อปี 2530 ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆเลยครับ การันตีง่ายๆแค่ติดอันดับหนึ่งชาร์ต Billboard Hot 100 ก็เกินพอครับ


Bad - Michael Jackson

- Your butt is mine gonna tell you right
นายเจอดีแน่ จะบอกนายไว้ก่อน
Just show your face in broad daylight
เผยหน้านายตอนกลางวันแสกๆ
I'm telling you on how I feel
จะบอกนาย ฉันรู้สึกยังไง
Gonna hurt your mind don't shoot to kill
จะทำใจนายจิ๊ด อย่ายิงฉันตาย
Come on, come on, Lay it on me, all right...
มาเลย มาเลย บอกกันมาเลยดีมั้ย

- I'm giving you on count of three
ฉันให้นายนับหนึ่งสองและสาม
To show your stuff or let it be...
จะให้ปล่อยของหรือปล่อยตามเลย
I'm telling you just watch your mouth
จะบอกนายไว้ ระวังปากหน่อย
I know your game what you're about
ฉันรู้นะนาย หมายความอะไร
* Well (But) they say the sky's the limit
ใช่ (แต่) เขาพูดไว้ว่าฟ้ากว้างใหญ่
And to me that's really true
สำหรับฉันหรือ นั่นน่ะจริง
But my friend you have seen nothing
เพื่อนเอ๋ย นายมองไม่เห็นอะไร
Just wait 'til I through...
แค่รอจนฉันผ่านไป

** Because I'm bad, I'm bad - come on
(Bad bad - really, really bad)
ก็เพราะฉันเลว ฉันเลว - เอาน่า (เลว เลว - เลวจริงอะไรจริง)
You know I'm bad, I'm bad - you know it
(Bad bad - really, really bad)
นายรู้ฉันเลว ฉันเลว - นายรู้นะ (เลว เลว - เลวจริงอะไรจริง)
You know I'm bad, I'm bad - come on, you know
(Bad bad - really, really bad)
นายรู้ฉันเลว ฉันเลว - เอาน่า (เลว เลว -เลวจริงอะไรจริง)
And the whole world has to answer right now
แล้วโลกทั้งใบต้องตอบมาทันที
Just to tell you once again, (Who's bad..).
แค่นายบอกมาอีกสิ "ใครเลว"

- The word is out you're doin' wrong
เอ่ยคำออกไป นายน่ะทำผิด
Gonna lock you up before too long,
จะกักขังนายไว้ ก่อนสายเกินไป
Your lyin' eyes gonna tell you right
สายตาหลอกลวง จะบอกนายเอาไว้
So listen up don't make a fight,
จงฟังให้ดี อย่าใช้กำลัง
Your talk is cheap You're not a man
พูดไปไร้ผล นายน่ะไม่เจ๋ง
You're throwin' stones to hide your hands (*,**)
นายน่ะก่อปัญหา แต่ไม่ยอมรับ (*,**)

-We can change the world tomorrow
พรุ่งนี้ พวกเราจะเปลี่ยนโลก
This could be a better place
ทำแบบนี้คงน่าอยู่ขึ้น
If you don't like what I'm sayin'
ถ้าหากนายยี้ที่ฉันพูด
Then won't you slap my face..
นายไม่ตบหน้าฉันล่ะ (*,*,*,*)
--


Into The Groove เพลงฮิตของราชินีเพลงพอป Madonna เมื่อปี 2528 ณ ตอนนั้น เธอกำลังดังกับเพลงฮิต Like A  Virgin โดยเพลงนี้เธอแต่งร่วมกับแฟนหนุ่มในเวลานั้น สตีเฟน เบรย์ ตอนแรกแต่งให้ Mark Kamins (โปรดิวเชอร์เพลงแจ้งเกิดของเธอ Everybody) ต่อมาใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Desperately Seeking Susan ที่เธอแสดงนำอยู่ด้วย เพลงนี้จังหวะโดนใจมาก เป็นเพราะเสียงเบสและดรัมแมชชีนครัช
เพลงนี้ไม่ติด100อันดับของ Billboard Hot 100 แต่ติดอันดับหนึ่งของ ฺBillboard Dance Club Songs แทน


Into The Groove - Madonna 
*แปลจากฉบับ Album*

- And you can dance for inspiration
และเธอมาเต้นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
Come on, I'm waiting
มาสิ ฉันรออยู่

** Get into the groove, Boy, you've got to prove your love to me, yeah
มาสนุกสนาน หนุ่มเอ๋ยมาพิสูจน์ รักของเธอให้ฉัน เย
Get up on your feet, yeah, step to the beat, Boy, what will it be?
จงลุกขื้นมาสิ ก้าวจังหวะฝีเท้า จะเป็นอะไร นาย

- Music can be such a revelation
ดนตรีนี่นี้คือการเปิดเผยใจกาย
Dancing around, you feel the sweet sensation
เต้นรำวนไป เธอเข้าถึงสัมผัสแสนหวาน
We might be lovers if the rhythms right
เราอาจเป็นคู่รัก หากจังหวะถูกใจ
I hope this feeling never ends tonight
หวังไว้ความรู้สึก คืนนี้ ไม่สิ้นสุด

* Only when I'm dancing can I feel this free
เมื่อฉันเต้นอย่างเดียว ฉันรู้สึกเป็นเสรี
At night, I lock the doors, where no one else can see
ยามราตรี ฉันล็อกประตู ไม่มีใครไหนเห็นฉัน
I'm tired of dancing here all by myself
ฉันเบื่อกับการเต้นคนเดียวที่นี่ตรงนี้
Tonight, I want to dance with someone else (**)
คืนนี้ฉันอยากจะเต้นกับใครสักคน (**)

- Gonna get to know you in a special way
ฉันต้องทำความรู้จักเธอในแบบพิเศษแล้ว
This doesn't happen to me every day
แบบนี้น่ะไม่เกิดขึ้นกับฉันทุกวัน
Don't try to hide it, love wears no disguise
อย่ามาซุกซ่อนหนี รักไม่มีแอบแฝง
I see the fire burning in your eyes (*,**)
ฉันเห็นไฟลุกในดวงตาของเธอ (*,**)

*** Live out your fantasy here with me
หลีกความเพ้อ มาอยู่กับฉันตรงนี้
Just let the music set you free
ให้ดนตรีปล่อยเธอเป็นเสรี
Touch my body, and move in time
แตะตัวฉันและเคลื่อนไหวทันที
Now I now you're mine (you've got to) (*,**,***)
ณ ตอนนี้ฉันครองเธอ (ตัวเธอน่ะ) (*,**,***)

- Now I know you're mine, now I know you're mine
รู้นะ ฉันครองเธอ รู้นะ ฉันครองเธอ
Now I know you're mine, now I know you're mine
รู้นะ ฉันครองเธอ รู้นะ ฉันครองเธอ
You've got to (*,*,...)
ตัวเธอน่ะ (*,*,...)
----


Jump เพลงร็อกชั้นครูของวง Van Halen วางแผงเมื่อปี 2526 และติดอันดับหนึ่งใน Billbord Hot 100 ในปีต่อมา เพลงนี้ได้แรงบันดาลใจจากข่าวการกระโดดตึกฆ่าตัวตายทางทีวี แต่เพลงนี้กล่าวถึงแรงจูงใจให้รักใครสักคนครับ เสียงซินธ์อินโทรเพลงนี้ขลังจริงๆ


Jump - Van Halen

- I get up, and nothing gets me down
ฉันตื่นนอน ไร้สิ่งใดทำใจช้ำ
You got it tough. I've seen the toughest around
เธอลำบากนะ ฉันเห็นความลำบากที่สุด
And I know, baby, just how you feel
และฉันรู้ ที่รัก รู้สึกยังไง
You've got to roll with the punches to get to what's real
เธอต้องแก้ปัญหาจนกระจ่างเพื่อรู้อะไรจริง

* Well can't you see me standing here?
แล้วเธอเห็นฉันยืนอยู่ที่นี่ไหม
I've got my back against the record machine
ฉันพิงหลังที่เครื่องเล่นแผ่นเสียง
I ain't the worst that you've seen
เธอเข้าใจฉันไม่แย่สุด
Oh can't you see what I mean? (*)
ไม่เข้าใจหมายความว่าไง

** Might as well jump (Jump!)
ไหนๆ ก็ โดด (โดด!)
Might as well jump
ไหนๆ ก็ โดด
Go ahead, jump (Jump!)
กระโดดเลย (โดด!)
Go ahead, jump
กระโดดเลยสิ

- Hey you! Who said that?
นี่เธอ ใครพูดล่ะ
Baby how you been?
ที่รักอยู่ไหนมา
You say you don't know, you won't know until we begin
เธอบอกว่าไม่รู้ ไม่อยากรู้จนกว่าเราเริ่มต้น (*,**)

Might as well jump. Jump!
ไหนๆก็ กระโดด
Go ahead, jump
กระโดดเลยสิ
Might as well jump. Jump!
ไหนๆก็ กระโดด
Go ahead, jump
กระโดดเลยสิ
Jump!
โดด!
-----


Money For Nothing เพลงร็อกชั้นครูของวงร็อกเมืองผู้ดี Dire Straits เมื่อปี 2528 โดย Mark Knopfler จักรสำคัญของวง แต่งร่วมกับ Sting มือเบสวง The Police (แถมยังเป็นเจ้าของเสียงท่อนแรกของเพลง นั่นคือท่อน I Want My MTV)
เนื้อหาของเพลงสืบเนื่องมาจากความโด่งดังของ MTV ที่มีอิทธิพลต่อวงการเพลงยุค 80’s โดยพนักงานร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าพูดถึงนักดนตรีในจอแก้ว ความว่า “ได้เงินและสาวๆมาฟรีๆ แค่เล่นดนตรีออกทีวีเท่านั้น เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ทำงานประจำ” แถมยังเห็นหนุ่มผมยาว (เนื้อเพลงใช้คำว่า Faggot ซึ่งแปลว่า กะเทย) ร้องเพลง และแม่สาวดาวยั่วมาเร้าอารมณ์ใจชายในเอ็มวีเพลงอีกด้วย ในขณะเดียวกัน คนงานอย่างเราต้องทำงานอยู่ร่ำไป และยังคิดว่า "ถ้าได้เล่นดนตรีก็คงจะดีไม่น้อย"
ติดอันดับหนึ่งชาร์ต Billboard Hot 100 อีกแล้วครับท่าน


Dire Straits – Money For Nothing

I want my MTV 
ฉันอยากได้ MTV

- Now look at them yo-yo's that's the way you do it. You play the guitar on the MTV. 
ดูพวกเขาตอนนี้สิ ดูเข้าท่าดีเชียวล่ะ พวกนายเล่นกีตาร์ออกช่องเอ็มทีวี 
That ain't workin' that's the way you do it. Money for nothin' and your chicks for free. 
ใช่การงานไม่ ดูเข้าท่าดีเชียวล่ะ ได้เงินมาฟรีๆ แถมสาวๆควงนาย 

- Now that ain't workin' that's the way you do it. Lemme tell ya them guys ain't dumb 
นี่ใช่การงานไม่ ดูเข้าท่าดีเชียวล่ะ บอกเลยพวกเขาไม่ได้เฟอะฟะ 
Maybe get a blister on your little finger. Maybe get a blister on your thumb. 
อาจจะได้แผลพุพองบนนิ้วก้อยของนาย ไม่วายอาจได้แผลพุพองบนนิ้วโป้งนาย

* We gotta install microwave ovens custom kitchen deliveries 
พวกเราต้องติดตั้งไมโครเวฟมากมาย กับเครื่องครัวที่สั่งทำเฉพาะ 
We gotta move these refrigerators we gotta move these color T.V.'s. 
พวกเราต้องย้ายตู้เย็นเหล่านี้หลายตู้ พวกเราต้องย้ายทีวีสีเหล่านี้

- The little faggot with the earring and the makeup. Yeah buddy that's his own hair 
กะเทยน้อยคนหนึ่ง สวมต่างหูแถมแต่งหน้าทาปาก ใช่แล้วเพื่อน นั่นทรงผมเขา 
-That little faggot got his own jet airplane. That little faggot, he's a millionaire. (*,*)
กะเทยน้อยคนนั้นมีเครื่องบินเจ็ทเขาเอง กะเทยน้อยคนนั้นเป็นเศรษฐีเงินล้าน (*,*) 

- I shoulda learned to play the guitar. I shoulda learned to play them drums. 
ฉันควรจะฝึกเล่นกีตาร์แล้วมั้ง ฉันควรจะฝึกหวดตีกลองชุด
Look at that mama she got it stickin' in the camera. Man we could have some fun 
ดูแม่สาวนั้นสิ นางเพ่งเล็งติดหนืบกับกล้องวิดีโอ พวกหนุ่มๆเราคงมันส์
And he's up there, what's that? Hawaiian noises?. You bangin' on the bongos like a chimpanzee
หนุ่มข้างบนนั่น 'ไรน่ะ เสียงฮาวายหรือ นายตีกลองบองโกราวกับเป็นลิงชิมแปนซี 
Oh that ain't workin' that's the way you do it. Get your money for nothin' get your chicks for free. (*) 
นั่นใช่การงานไม่ ดูเข้าท่าดีเชียวล่ะ ได้เงินมาฟรีๆ แถมสาวๆควงนาย (*)

- Listen here, now that ain't workin' that's the way you do it. You play the guitar on the MTV.
ฟังทางนี้ นี่ใช่การงานไม่ ดูเข้าท่าดีเชียวล่ะ พวกนายเล่นกีตาร์ออกช่องเอ็มทีวี 
That ain't workin', that's the way you do it, money for nothin', and your chicks for free
ใช่การงานไม่ ดูเข้าท่าดีเชียวล่ะ ได้เงินมาฟรีๆ แถมสาวๆควงนาย 

- Money for nothin' (I want my, I want my), and chicks for free (I want my MTV)
ได้เงินมาฟรีๆ (ฉันอยากได้ ฉันอยากได้) แถมสาวควงฟรี (ฉันอยากได้ MTV)
----


Physical เพลงฮิตปี 2524 ของนักร้องชาวอังกฤษ Olivia Newton-John เนื้อหาของเพลงนี้ง่ายๆครับ “อ่อยหนุ่ม” (คล้ายๆเพลง กระแซะเข้ามาซิ ของแม่ผึ้ง) ติดอันดับหนึ่งชาร์ต Billboard Hot 100 อีกแล้วครับพี่น้อง


Physical -  Olivia Newton-John

- I'm saying all the things that I know you'll like
ขอบอก สิ่งต่างๆที่ฉันรู้ว่าเธอชอบ
Making good conversation
ทำให้คุยกันได้ดี
I gotta handle you just right
ฉันกำลังดูแลเธออย่างดี
You know what I mean
รู้นะหมายความไง
I took you to an intimate restaurant
ฉันพาเธอไปยังภัตตาคารที่คุ้นเคย
Then to a suggestive movie
จากนั้นไปดูหนังที่น่าสนใจ
There's nothing left to talk about unless it's horizontally
คงไม่มีอะไรเหลือเมื่อคุยกัน หากเราไม่ชิดติดกัน

* Let's get physical, physical
มาใช้กำลังกาย กำลังกาย
I wanna get physical
ฉันอยากจะใช้กำลังกาย
Let's get into physical
มาใช้กำลังกาย ออก-เข้า
Let me hear your body talk, your body talk
ให้ฉันฟังภาษากายเธอ ภาษากายเธอ
Let me hear your body talk (*)
ให้ฉันฟังภาษากายเธอ (*)

- I've been patient, I've been good
ฉันเป็นคนป่วยที่ทำตัวดี
Tried to keep my hands on the table
พยายามควบคุมตัวของฉันเอง
It's gettin' hard this holdin' back
ระงับอารมณ์น่ะทำได้ยาก
If you know what I mean
หากรู้หมายความอะไร
I'm sure you'll understand my point of view
แน่ใจว่า เธอเข้าใจความคิดเห็นของฉัน
We know each other mentally
เราสองรู้จิตใจกันและกัน
You gotta know that you're bringin' out the animal in me (*,*,*)
เธอต้องรู้นะว่า เธอกำลังเผย ความเป็นสัตว์ในตัวฉัน (*,*,*)

- Let's get animal, animal
มาคว้าความเป็นสัตว์ ความเป็นสัตว์
I wanna get animal
ฉันอยากจะมีความเป็นสัตว์
Let's get into animal
มารับความเป็นสัตว์สิ
Let me hear your body talk
ให้ฉันฟังภาษากายเธอ
Let me hear your body talk
ให้ฉันฟังภาษากายเธอ

(ความเป็นสัตว์ในบทแปลเพลงนี้ หมายถึง สัญชาติญาณอ่อยเหยื่อของสัตว์ครับ)
-------


Sussudio ยอนเพลงดังของ Phil Collins เมื่อปี 2528 เนื้อหาก็ง่ายๆ “ตกหลุมรักสาวนามชุสชุดิโอ” ติดอันดับหนึ่งชาร์ต Billboard Hot 100 อีกแล้วครับพี่น้อง
ชื่อเพลงนี้ได้มาจากการด้นสดของเขา ในขณะที่เล่นดรัมแมชชีนอยู่ เขาก็หลุดคำๆนั้นไป จากนั้นเขาก็พยายามหาคำที่เหมาะสมกับทำนอง แต่ก็ทำไม่ได้ จึงใช้คำนี้แทน คือ Sussudio


Sussudio - Phil Collins 

- There's this girl that's been on my mind all the time, Sussudio oh oh
มีแม่สาวที่อยู่ในใจฉันทุกเวลา "ชุสชุดิโอ"
Now she don't even know my name, but I think she likes me just the same. Sussudio oh oh
ตอนนี้เธอไม่รู้แม้แต่ชื่อฉัน แต่ฉันคิดว่าเธอชอบฉันเหมือนกัน "ชุสชุดิโอ"

- Oh if she called me I'd be there. I'd come running anywhere
ถ้าหากเธอเรียกฉัน จะอยู่ตรงนี้ ฉันจะวิ่งตามหาทุกแห่งหนใด

* She's all I need, all my life. I feel so good if I just say the word. Sussudio,
เธอคือสิ่งที่ฉันต้องการทั้งชีวิต ฉันรู้สึกดีแค่เพียงได้เอ่ยคำ ชุสชุดิโอ
just say the word Oh Sussudio
แค่เพียงได้เอ่ยคำ ชุสชุดิโอ 

- Now I know that I'm too young. My love has just begun. Sussudio oh oh
ตอนนี้ฉันรู้ว่าเด็กเกินไป แต่รักฉันเพิ่งจะเริ่มต้น ชุสชุดิโอ
Ooh give me a chance, give me a sign. I'll show her anytime. Sussudio oh oh 
ให้โอกาสและส่งสัญญาณฉันที ฉันจะแสดงให้เธอทุกเวลา ชุสชุดิโอ

-Ah, I've just got to have her, have her now. I've got to get closer but I don't know how
ฉันเพิ่งมีเธอ ณ ตอนนี้ ฉันต้องอยู่ใกล้เธอแต่ไม่รู้ว่าทำฉันใด
She makes me nervous and makes me scared, but I feel so good if I just say the word Sussudio
เธอทำฉันวิตกและหมกหวาดกลัว แต่ฉันรู้สึกดีหากฉันเอ่ยคำนี้ ชุสชุดิโอ
just say the word Oh Sussudio, oh
แค่เพียงได้เอ่ยคำ ชุสชุดิโอ (*)
--------



Take My Breath Away เพลงเอกสุดโรแมนติกจากหนังดังปี 2529 “Top Gun ฟ้าเหนือฟ้า” ของวง Berlin เพราะเกินคำบรรยายครับ ติดที่หนึ่งบิลบอร์ด100 อีกแล้ว


Take My Breath Away – Berlin

- Watching every motion in my foolish lover's game
เธอมองทุกการเคลื่อนไหวในเกมรักเซ่อๆ ของฉัน
On this endless ocean, finally lovers know no shame
ณ มหาสมุทรไพศาล นักรักรู้ไร้ยางอาย

* Turning and returning to some secret place inside
ฉันกลับมาแล้วไปยังข้างในของที่ลับสักแห่ง
Watching in slow motion as you turn around and say
ฉันมองมาช้าๆเมื่อเธอหันมาและเอ่ยถ้อยคำ

** Take my breath away (My love) (×2)
เอาลมปราณฉันไป เอาลมปราณฉันไป (รักของฉัน)

- Watching I keep waiting still anticipating love
เธอมองฉันที่ยังรอคอยรักเงียบๆที่คาดหวัง
Never hesitating to become the fated ones
ไม่ลังเลที่จะเป็นคนที่โชคชะตาขีดไว้
Turning and returning to some secret place to find
ฉันกลับมาแล้วพลันไปยังที่ลับสักแห่งค้นหา
Watching in slow motion as you turn to me and say my love (**)
ฉันมองมาช้าๆเมื่อเธอหันมาแล้วพร่ำ ความรักฉัน (**)

- Through the hourglass I saw you
มองนาฬิกาทราย เห็นเธอ
In time you slipped away
คราเธอจากไปเงียบๆ
When the mirror crashed I called you
ฉันเรียกเธอเมื่อกระจกแตกร้าว
And turned to hear you say
หันมาได้ยินเธอพูด
If only for today I am unafraid (**)
ถ้าวันนี้มีครั้งเดียว ฉันไม่กลัวหวาดหวัน (**)
- Watching every motion in this foolish lover's game
มองทุกการเคลื่อนไหวในเกมรักที่โง่เขลาเกมนี้
Haunted by the notion somewhere there's a love in flames (*,**,**)
โดนความรู้สึกหลอกหลอน ณ สักที่มีเปลวแห่งรัก (*,**,**)
---------


และเพลงสุดท้ายที่จะมานำเสนอคือ Take On Me ของวงดนตรีจากนอร์เวย์ A-ha เป็นเพลงแจ้งเกิดในบ้านตนเองเมื่อปี 2527 ปีต่อมาทางวงได้ทำเพลงนี้มาใหม่ และติดอันดับเพลง Billboard Hot 100 เป็นอันดับหนี่งครับ นอกจากนี้ MV เพลงนี้ก็เป็นที่จดจำของคอเพลงเป็นอย่างดี (ฉบับแรกสุด เราเห็นพวกเขาร้องเพลงบนฉากหลังสีน้ำเงินเท่านั้น และดนตรีหนักแน่นมาก ก่อนปรับโทนจนเป็นฉบับที่คุ้นเคยจนถึงวันนี้) ใจความของเพลงนี้คือ "วอนเธอให้รับเอาความรักของฉันไปที ก่อนที่ฉันจะจากไป"


Take On Me - A-ha

- We’re talking away I don’t know what I’m to say
เราสองคุยยาวไป ฉันไม่รู้พูดสิ่งอะไร
I’ll say it anyway
ว่าแล้วฉันจะพูดไป
Today’s another day to find you shying away
ว่าวันนี้เป็นอีกวันที่ตามหาเธอที่หลบตา
I’ll be coming for your love, OK?
จะมาหาเพื่อรักของเธอ ดีมั้ย

* Take on me (take on me)
เก็บฉันไว้ (เก็บใจไว้)
Take me on (take on me)
เก็บฉันไว้ (เตือนใจไว้)
I'll be gone in a day (or two)
ก่อนจากไกล ในหนึ่งวัน (สองวัน)

- So needless to say of odds and ends
ไม่จำเป็นต้องพูด เรื่องเพียงเล็กน้อย
But that's me stumbling away
แต่ตัวฉันนั้นสิ โคลงเคลง
Slowly learning that life is ok
เรียนรู้ช้าๆไว้ ชีวิตยังไหว
Say after me it's no better to be safe than sorry (*)
พูดตามฉันสิ ไม่มีอะไรปลอดภัยไปกว่าเสียใจ (*)

- Oh the things that you say
สิ่งที่เธอพูดออกไป
Is it live or just to play my worries away
คือความเป็นอยู่หรือแกล้งให้ความกังวลฉันหาย
You're all the things I've got to remember
เธอคือทุกอย่างที่ฉันต้องจดจำไว้
You're shying away
เธอกำลังหนีไป
I'll be coming for you anyway (*)
ถึงยังไงฉันก็จะมาหาเธอ (*)

(แถมฉบับแรกให้ครับ)

--- That's all for Evil Bratt's best hit ---
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับเพลงเอกทั้ง 9 เพลงของ แบรตต์สุดแสบ แต่ละเพลงนี่เป็นตำนาน (7 ใน 9 เพลง ติดอันดับหนึ่ง Billboard Hot 100) และเข้ากับแบรตต์จริงๆ และเป็นที่แน่ชัดว่า "บทเพลง" ช่วยบ่งบอกความเป็นตัวละครให้เด่นชัดยิ่งขึ้น หวังว่าคอเพลงคงถูกใจไปเต็มๆ
      "มิสเตอร์แสบร้ายเกินพิกัด 3" เป็นหนังโรงเรื่องแรกในชีวิตที่ผมดูถึง 2 รอบ (เป็นพากย์ไทย) ประทับใจทุกรอบ และทำให้ผมยิ่งหลงรัก กรู ลูซี่ น้องแว่นมาร์โก้ น้องหมวกชมพูอีดิท น้องเปี๊ยกแอกแนส และที่ขาดไม่ได้ "เจ้ามินเนี่ยน" มากกว่าเดิม
"ผมนี่อยากดูอีกรอบเลยครับ ^_^"

(รอบแรก 15/6/2560 - วันแรกที่เข้าโรง)

(รอบ2 27/6/2560 - รอบเดียวไม่เคยพอจริงๆ)

Thank you for visiting and reading my blog ^_^
See Ya...

ปล.

โทษทีเค้าเป็นแบด...บอย....



Create Date : 02 กรกฎาคม 2560
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2560 22:41:24 น.
Counter : 5300 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MrTreeT-28
Location :
นครราชสีมา  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



"The Mr.Tree T-28's blog"
By Design for the Best"
A Fan-art Lover
Since April 29, 2017
Renovated on June 28, 2017
(All blogs are entertainment and education purpose only)
Enjoy The Blog ^_^