ดองบล็อกข้ามอาทิตย์อีกครั้งค่ะ ... วันนี้ชวนทำขนมง่าย ๆ ทำบิสกิตทานกับชาร้อน ๆ รับหนาวกัน ... ช่วงนี้มันเทศ หรือ Sweet Potato เป็นผลิตผลสำคัญของฤดูกาลนี้ จับมาทำขนมซิ .. Sweet Potato Biscuits
บิสกิต กับ สโคน ต่างกันอย่างไร เคยสงสัยมั้ยคะ ... เราคนหนึ่งที่อยากรู้ ลอง ๆ อ่านที่เขาถกกัน คิดว่าพอได้คำตอบประมาณว่า ขนมทั้งคู่นี้แทบไม่ต่างกันเลย มีวิธีการทำ และส่วนผสม เหมือน ๆ กัน ... บิสกิต เป็นชื่อที่คนอเมริกันเรียกขนมนี้ ในขณะที่คนอังกฤษ จะเรียกเป็นสโคน .... บิสกิต ใน sense ของคนอเมริกัน จะนิยมทานเป็นขนมปังเคียงกับของคาว พวกซุป เนื้อย่าง หรือเกรวี่ ... ในขณะที่สโคน จะนิยมทานเป็นของว่าง หรือขนมหวาน กับชา กาแฟ (ใน sense ของทั้งคนอเมริกัน และอังกฤษ) ... สโคนกับบิสกิต จะต่างกันนิด ๆ ในเรื่องของความหวาน ... สโคนจะออกหวานกว่าบิสกิตนิด ๆ บางครั้งก็มักจะใส่พวกถั่ว หรือผลไม้แห้งลงผสมด้วย ในขณะที่บิสกิต จะนิยมใส่พวกเนย เบคอน ชีสผสม .... สโคนบางสูตรอาจมีไข่ เป็นส่วนผสม .. ขณะที่บิสกิตสูตรส่วนใหญ่แทบจะไม่มีไข่ผสม - มีบ้าง แต่ก็น้อยมาก เค้าว่าอย่างนั้นนะคะ (BTW ถิ่นกำเนิดของสโคนอยู่ที่ Scotland)
ถ้ายังไงลองอ่านความเห็นของผู้รู้ ที่เขาแชร์กัน เพิ่มเติมที่เว็บนี้นะคะ ได้ความรู้เยอะทีเดียว
https://answers.yahoo.com/question/index?qid=20130323192354AAiHxp0
Sweet Potato Biscuits
Adapted from Fall Baking Taste of the South /Special Collectors Issue
ส่วนผสม
1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ½ ถ้วย*
2. Baking Powder 1 ช้อนโต๊ะ + 3/4 ช้อนชา
3. เกลือ ¾ ช้อนชา
4. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
5. เนยสดจืดเย็นจากตู้เย็น ½ ถ้วย (หรือ 1 แท่ง)
6. มันเทศสุก-บดละเอียด (ต้มทั้งเปลือก) ¾ ถ้วย ตวงแพ็ค
7. Butter Milk หรือ Whole Milk (เย็น) ½ ถ้วย
8. เนยสดจืดละลาย 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับทาหน้าขนมก่อนอบ)
ต้นสูตรเขาใช้ แป้ง Self Rising ... ถ้ามีก็ลองใช้นะคะ สะดวกดี (เคยลอง) แล้วตัดส่วนของ Baking Powder กับเกลือ ในส่วนผสมข้อ 2 และ 3 ออก ... เราลองใช้แป้งเค้กด้วย แต่พบว่าเนื้อขนมจะออกไปทางนิ่มหน่อย เราชอบเนื้อสัมผัสของแป้งอเนกประสงค์มากกว่าค่ะ
วิธีทำ
1. อุ่นเตาอบไว้ที่ 425 F หรือ 220 C เตรียมถาดอบปูกระดาษรองอบ หรือ Silpat ไว้ (เตรียมไว้ 2 ถาดเลยค่ะ)
2. คนผสมแป้ง Baking Powder เกลือ และน้ำตาลทรายให้เข้ากัน ด้วยตะกร้อมือ
3. ตัดเนยเย็น (จากตู้เย็น) เป็นชิ้นเล็ก ๆ ลงในส่วนผสมแป้ง เสร็จแล้วใช้ Pastry Cutter หรือ ส้อม ตัดเนยให้เข้ากับเนื้อแป้ง จนได้เม็ดครัมบ์หยาบ ๆ
4. ทำหลุมตรงกลาง ใส่มันเทศบดและนมลงผสม ใช้พายไม้คนส่วนผสมให้เข้ากัน จนได้เนื้อแป้งเปียก เริ่มจับตัวเป็นก้อนโดว์หยาบ ๆ
5. เทก้อนแป้งเปียกลงบนพื้นที่โรยแป้งบาง ๆ ... รวบเป็นก้อนโดว์ ใช้มือคลึงเป็นแผ่นสีเหลี่ยมผืนผ้ายาว ๆ ... เสร็จแล้วก็พับทบสาม แบบพับซองจดหมาย
6. ใช้ไม้พินโรลบนแผ่นโดว์ที่พับ (ตามทางยาว) ... เบา ๆ มือ จนได้ความหนาประมาณเกือบ ½ นิ้ว
*** ตามที่ทำ สโคน หรือบิสกิต มาหลาย ๆ ครั้ง เราพบว่า การรีดโดว์ด้วยไม้พิน หรือใช้มือแผ่เนื้อโดว์ (ไม่ใช้ไม้พิน) ไม่มีผลทำให้เนื้อสโคนต่างกันมากมาย ... ถ้ารีดเบา ๆ มือ และเนื้อโดว์คงความเย็นตลอดนะคะ
7. ใช้ที่ตัดคุกกี้ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 นิ้ว ตัด (กดลงตรง ๆ พยายามไม่ขยับที่ตัดค่ะ) ... ใช้ Bread Scraper ช้อนชิ้นบิสกิต ใส่ถาดอบ (รองด้วยกระดาษรองอบแล้ว)
8. ทาเนยละลายบนหน้าบิสกิต (ทาเฉพาะด้านบน ไม่ทาส่วนข้างค่ะ) นำถาดบิสกิต เข้าแช่ในช่องฟรีซ ประมาณ 10 นาที (เราเคยอ่านสูตรหนึ่ง เขาบอกว่าวิธีนี้จะช่วยให้ก้อนบิสกิต ฟูขึ้นตรง ไม่ล้มง่ายเวลาอบค่ะ)
9. หลังส่งเข้าช่องฟรีซ 10 นาที ก็ส่งเข้าเตาอบ ใช้เวลาอบประมาณ 12-13 นาที
ในภาพจะเห็นขนมเป็น 2 เฉด เพราะ ทำ 2 ครั้งค่ะ ครั้งที่สองลองใช้แป้งเค้ก เนื้อสโคนจะออกขาว ๆ หน่อย .... ส่วนตัวเราชอบแป้งอเนกประสงค์มากกว่า ได้ผิวสัมผัสร่วนกว่า ไม่นิ่มจนเกินไป .... บิสกิตสูตรนี้จะไม่ถึงกับร่วนมากนะคะ เพราะผสมเนื้อมันเทศน่ะเนาะ แต่อร่อยค่ะ
สูตรนี้ ถ้าต้องการเสิร์ฟเป็นของว่าง ทานกับชาหรือกาแฟ คงต้องทานกับพวกแยมผลไม้ หรือน้ำผึ้ง เพราะตัวขนมจะไม่หวานมากค่ะ ... ตามสูตรเขาบอกให้เสิร์ฟบิสกิตอุ่น ๆ กับน้ำผึ้ง ... เราลองดู พบว่าเข้ากันอย่างที่เขาว่าจริง ๆ ค่ะ .... จะทานเป็นของคาวกับพวกซุป ก็อร่อย อิ่ม ๆ ท้อง ^^
*
*
*
ครั้งนี้ลองทำสังขยาชาไทย มาปาดเป็นหน้าขนมบ้าง ... พบว่าเข้ากันมาก ๆ สูตรก็ง่าย ๆ นะคะ เราประยุกต์มาจากสังขยาใบเตย ของคุณหน่อง Wee-Nong อีกที
ส่วนผสม
1. กะทิส่วนที่หนึ่ง 110 กรัม
2. กะทิส่วนที่สอง 150 กรัม
3. ชาไทย (เส้น) 3 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาลทราย 60 กรัม
5. แป้งข้าวโพด (Corn Starch) 2 ช้อนโต๊ะ
6. เกลือ ¼ ช้อนชา
7. ไข่ 2 ฟอง (ตีให้แตกฟองดี)
8. เนยสดจืดละลาย 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. นำกะทิส่วนที่หนึ่ง ใส่หม้อซอสขนาดเล็ก ผสมกับชาไทยเส้น นำไปต้มไฟกลาง จนเริ่มเดือด ปิดไฟเตา พักให้ใบชาซึมออกกลิ่นและรสมากขึ้น เสร็จแล้วนำไปกรองด้วยกระชอนตาถี่ เอาส่วนใบชาทิ้ง
2. นำน้ำกะทิใบชาไปผสมกับกะทิส่วนที่สองและส่วนผสมทั้งหมดที่เหลือ คนให้เข้ากันดี นำไปกรองด้วยกระชอนตาถี่เอากากไข่ออกอีกครั้ง
3. เอาส่วนผสมทั้งหมดใส่หม้อซอสขนาดกลาง (หม้อแบบก้นหนา ๆ จะดีค่ะ) นำไปตั้งไฟกลาง (ไปหาอ่อน) คนส่วนผสมตลอดเวลาด้วยตะกร้อมือ จนได้เนื้อสังขยาข้นเนียน ... ระยะเวลาคงแล้วแต่ความร้อนที่ใช้ด้วยนะคะ แต่ก็ไม่นานมากค่ะ
สรุปบิสกิตของเรามาในรูปของว่าง ของหวานไปนะคะ :D
-----------------------------------------------------------------
ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่แวะมา มีเวลาดี ๆ กันค่ะ
เป็นอีกเมนูที่พี่ฉวีทำออกมาได้น่าทานมากๆครับ
แบบนี้หาทานตามร้านไม่ได้แน่ๆครับ
ต้องทำเองเท่านั้นเลย