ช่วงนี้ยังติดลมกับหนังสือ A World of Cake ... อาทิตย์ที่แล้วก็เลยลงมือทำ เค้ก Lamington - ลามิงตัน หลังจากสนใจในเค้กนี้มานานแล้วค่ะ แต่ก็ยังลังเล เพราะไม่แน่ใจว่าจะอร่อยมั้ย น้าน.. ยังไม่ลอง ตัดสินไปก่อนแล้ว อิอิ ...



ลามิงตันเป็นขนมยอดนิยมในออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ ทำด้วยเค้กสปอนจ์ ตัดให้เป็นรูปทรงเป็นสีเหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ๆ (cuboids - หนังสือบางเล่มระบุขนาดเป็น 4 x 4 เซ็นติเมตร) ชุบด้วยช็อคโกแลตไอซิ่ง ตามด้วยมะพร้าวอบแห้ง (desiccated coconut) บางครั้งก็มีแบ่งเลเยอร์ชั้นสอดใส้ด้วยวิปครีม หรือแยมสตรอเบอร์รี่ ... ปัจจุบันพบว่ามีการพัฒนาให้มีหลากลายรสขึ้น เช่น รสเลม่อน ราสพ์เบอร์รี่ นอกจากนี้ยังมีการใช้เค้กเนย หรือเค้กปอนด์ มาทำขนมนี้ด้วย ซึ่งสะดวกในการเอาลงจุ่มในช็อคโกแลตมากกว่าเค้กสปอนจ์ด้วยซ้ำ เพราะมีเค้กมีเนื้อแน่นมากกว่า แต่ยังไงเราก็นิยมนำสปอนจ์มาทำ เพราะเค้กเบากว่าเยอะนะคะ :)) ...









Lamington มีประวัติที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ อ่านจาก Wikipedia (และบางเว็บไซท์) บันทึกไว้ว่า เค้กลามิงตัน ได้รับการตั้งชื่อตามท่านลอร์ด ลามิงตัน - Lord Lamington (Charles Wallace Alexander Napier Cochrane-Baillie, 2nd Baron Lamington) ผู้ซึ่งเป็นผู้ว่าการรัฐควีนส์แลนด์ (Queensland) ช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1896 ถึง 1901



ตามตำนานเล่าว่า เค้กนี้เสิร์ฟครั้งแรกเมื่อท่านลอร์ดลามินตันไปพักร้อน ที่เมืองบริสเบน (Brisbane) ครั้งนั้น เชฟประจำบ้านพักผู้ว่าการควีนส์แลนด์ (Queensland's Government House) ชื่อ อาร์มัน กัลลัด (Arman Gallad) ซึ่งก็คงติดตามท่านผู้ว่าการไปที่บริสเบนด้วยน่ะนะคะ ได้รับแจ้งในเวลาอันสั้น ๆ ให้ทำอะไรมารับรองแขกที่มาเยี่ยมโดยไม่ได้นัดหมาย คุณกัลลัด หรือ แกลลัด (แล้วแต่จะออกเสียงนะคะ) ก็เลยตัดเอาเค้กสปอนจ์ฝรั่งเศส รสวนิลา ซึ่งอบไว้เมื่อวันก่อน จุ่มลงในช็อคโกแลตแล้วทิ้งให้เซ็ทตัวในมะพร้าว ก็คงเป็นมะพร้าวอบแห้งล่ะเนาะ ... เสร็จแล้วก็นำไปเสิร์ฟแขก ปรากฏว่าแขกชื่นชอบ ถามหาสูตรจากเลดี้ลามิงตัน (ภรรยาท่านลอร์ดลามิงตัน) กันใหญ่ ... ซึ่งต่อมาขนมนี้ก็ได้รับการตั้งชื่อเป็น ลามิงตัน เพื่อเป็นเกียรติแด่ท่านลอร์ดลามิงตันอีกที อันนี้อ่านมาจากเว็บ อื่น ๆ อีกทีค่ะ อิอิ









อีกตำนาน ... เล่าว่า เค้กนี้มีรูปทรงเหมือนหมวกฮอมเบิร์ก (Homburg Hats - คล้าย ๆ หมวกคาวบาวสมัยนี้) ซึ่งเป็นหมวกทรงโปรดของท่านลอร์ดลามิงตัน เล่าต่อไปว่า มีวันหนึ่ง พ่อครัว หรือ กุ๊ก ประจำตัวท่านลอร์ด ซึ่งสันนิษฐานนามว่า คุณกัลลัด เหมือนตำนานข้างบนนี่แหละ อิอิ … ทำเค้กสปอนจ์แท่งหนึ่งหล่นลงไปในถ้วยช็อคโกแลต (ละลาย) โดยไม่ตั้งใจ ท่านลอร์ดผู้ไม่นิยมใช้ของสิ้นเปลือง - wasteful พูดง่าย ๆ ก็คือประหยัด ฮ่ะฮ่ะ ก็เลยแนะนำพ่อครัวให้เอาลงคลุกในมะพร้าวอบแห้ง เพื่อมือจะได้ไม่เปื้อนเลอะด้วย ... จากนั้นก็คงจะชิมดูกัน แล้วพบว่าอร่อย ... ความผิดพลาดอันนี้ก็เลยทำให้เกิดเค้กยอดนิยมขึ้นมาดังนี้ ... อันนี้ไม่ได้พูดในวิกิพีเดีย อ่านเพิ่มมาจาก เว็บนี้อีกทีค่ะ historyqueensland@blogspot


------------------------------------------------------



ร่ายยาวมาแล้ว ก็มาลงมือทำเค้กกันนะคะ วันนี้เราใช้ Basic Sponge Cake จาก One Cake, One Hundred Desserts โดย Greg Case และ Keri Fisher ที่เคยใช้ทำ เค้กทีระมิสุ และเค้กส้ม มาแล้วน่ะค่ะ ... เรียกว่าเป็นเค้กฉุกเฉินของเราเลยค่ะ ช่วงไหนไม่มีเวลามาก ก็หยิบสูตรนี้ทันที เพราะวิธีทำง่าย ผสมทุกอย่างด้วย stand mixer เลย ..... และที่สำคัญ เป็นสปอนจ์ที่นุ่ม และไม่แห้ง มีรสชาติอร่อยโดยตัวเขาแล้ว เราคิดว่าเหมาะสำหรับเอามาทำลามิงตั้น ดีค่ะ


A. Sponge Cake


ส่วนผสม


1. แป้งอเนกประสงค์ จำนวน ¾ ถ้วย
2. ผงฟู 1 ช้อนชา
3. นม ¼ ถ้วย
4. เนยสดจืด 2 ช้อนโต๊ะ
5. วนิลาสกัด 1 ½ ช้อนชา
6. ไข่ทั้งฟองขนาด Large 3 ฟอง (อุณภูมิห้อง)
7. ไข่แดง 3 ฟอง (อุณภูมิห้อง)
8. น้ำตาล ¾ ถ้วย - ไม่ชอบหวานตักออกซัก 2 ช้อนโต๊ะจะกำลังพอดีค่ะ



วิธีทำ


1. อุ่นเตาอบไว้ที่ 350 F หรือ 180 C ทาเนยที่พิมพ์ให้ทั่วทั้งขอบและก้นพิมพ์ เสร็จแล้วก็โรยแป้งให้ทั่ว แล้วเคาะออกค่ะ วันนี้เราใช้ถาดขนาด 8” x 8” ถาดเดียวค่ะ


2. อุ่นนมและเนยบนเตาด้วยไฟอ่อน พอเนยละลายก็เอาลงจากเตา ใส่วนิลาผสม แล้วพักไว้ค่ะ


3. ใส่ไข่ทั้งหมด ทั้งไข่ขาวและไข่แดง รวมทั้งน้ำตาล ลงในโถตีขนาดใหญ่ เราใช้ StandMixer ตามหนังสือเลยค่ะ ใช้หัวตระกร้อ นะคะ ตีด้วยความเร็วสูงสุด 3 นาที จะได้ไข่ฟูขึ้นเป็น 3 เท่า สีไข่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองจาง แล้วจึงเปลี่ยนความเร็วตีเป็นปานกลาง ตีต่อไปอีก 3 นาที (ถ้าหากใช้เครื่อง ตีแบบมือถือให้คงสปีดความตีไว้ที่สูงนะคะ ไม่ต้องลด) จะได้แบทเทอร์ที่ ข้นขึ้นจำนวนเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว


4. ลดสปีดการตีเป็นต่ำสุด ประมาณที่สปีดหมายเลข 2 ก็ให้เริ่มโรยแป้งลงผสมกับแบทเทอร์จนหมด โดยตักแป้งโรยครั้งละ ¼ ถ้วย ทำต่อไปอีก 3 ครั้ง (¼, ¼, ¼) จนหมดแป้ง (ถ้วยใส่แป้งอย่าเพิ่งเอาไปล้างนะคะ เดี๋ยวใช้งานต่อ) เมื่อส่วนผสมเข้ากันดี เราจะได้แบทเทอร์เป็น ribbon stage ค่ะ ใช้พายยางกวาดเอาเศษแป้งข้างขอบอ่างลง รวมทั้งล้วงก้นอ่างดู บางทีอาจมีแป้งนอนก้น หรือเศษไข่แดง เสร็จแล้วก็กดเครื่องตีผสมซักครู่พอให้ แป้งเข้ากันดี ก็หยุดเครื่อง


5. เทแบทเทอร์ประมาณครึ่งหนึ่งลงในถ้วยแป้งเปล่าที่เราเพิ่งเทแป้งออก แล้วก็รินส่วนผสมนมเนยในข้อ 2 ลงผสม ตล่อมให้เข้ากันด้วยพายยาง แล้วเทกลับลงผสมกับแบทเทอร์ในอ่างผสมใหญ่ ทำอย่างรวดเร็วและ นุ่มนวลค่ะ อิอิ จะได้ไม่มีฟองอากาศมาก เจ้าของสูตรบอกมา


6. เทแบทเทอร์ลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำเข้าเตาอบ ระยะเวลาการอบขึ้นอยู่กับถาดที่ใช้ และเตาอบนะคะ วันนี้เราใช้พิมพ์เดียวอบ ใช้เวลาอบประมาณ 25 นาที หมั่นเช็คเอานะคะ พอเช็คสุก ก็วางพักบนตระแกรงให้เย็นก่อน แล้วค่อย ๆ ใช้มีดเซาะขอบรอบ ๆ เค้ก แล้วนำถาดเค้กคว่ำบนตระแกรง แล้วกลับด้านหน้าเค้กขึ้น พักไว้บนตระแกรง …



เค้กสำหรับ Lamington ควรทำล่วงหน้าไว้ 1 วัน เพื่อให้เนื้อเค้กเซ็ทตัวดี ไม่มีปัญหาเรื่องครัมมาก ....
พอเค้กเย็นตัวดีแล้ว ก็ห่อด้วยแผ่นพลาสติก นำเข้าตู้เย็นพักไว้ข้ามคืนค่ะ







รูปคร่าว ๆ จากบล็อกทีรามิสุ ค่ะ ครั้งนั้นใช้ 2 พิมพ์อบ รายละเอียด
คลิ้กไปดูที่ บล็อก Tiramisu with Basic Sponge Cake นะคะ
คลิ้ก









เค้กที่ได้ของเรา มีความหนาเกือบ ๆ 4 เซ็นติเมตรค่ะ เรานำมาหั่น เป็นชิ้น ๆ ขนาดความกว้าง 3.5 เซ็นติเมตร ได้ 25 ชิ้นค่ะ ไม่ได้เฉือนเอาผิวข้างออก … แต่เราพบว่าถ้าเป็นรสเลม่อน ควรเฉือนเอาผิวสีน้ำตาลของเค้กออก ให้เหลือเฉพาะเนื้อ สปอนจ์ขาว ๆ ทั้งสี่ด้าน เวลาทาเลม่อนเคิร์ด แล้ว จะได้เห็นผิวสีเหลือง ๆ ไม่มีสีน้ำตาลของผิวเค้ก แอบโผล่ด้วย


เราแอบทำ 2 ก้อน แน่ะ เผื่อไว้ อิอิ ความจริงทำเค้กก้อนเดียว จะพอสำหรับสูตรลามิงตันสองรส ที่เราทำวันนี้พอดีเลยค่ะ …




------------------------------------------------------



B. Chocolate Lamington


(1) Chocolate Icing


ไอซิ่งช้อคโกแลต เป็นอะไรที่ใช้เวลาค้นหาสูตรนานทีเดียวค่ะ อ่านดูในอินเตอร์เน็ตหลายสิบสูตร ใส่น้ำตาลทรายป่นกันอย่างเยอะเลย สรุปมาลงตัวที่สูตรนี้ ดูสัดส่วนคิดว่าพอเหมาะดี ทำออกมาไม่หวานค่ะ ชอบ กำลังดีเลย (อันนี้ไม่ได้เซฟที่มาของสูตรไว้ ขออภัยค่ะ)


ส่วนผสม

(ทำ Lamington ขนาด 3.5 x 4 ซ.ม. ได้ประมาณ 25 ชิ้น)


1. น้ำตาลทรายป่น - ไอ๊ซิ่ง 230 กรัม (1+1/2 ถ้วย)
2. ผงโกโก้ไม่ผสมน้ำตาล (unsweetended cocoa) 50 กรัม (1/2 ถ้วย)
3. เนย 30 กรัม (2ช้อนโต๊ะ) - หั่นเป็นเล็ก ๆ
4. นมสด 1/3 ถ้วย


* มะพร้าวอบแห้ง (dessicated coconut) สำหรับคลุ้กเค้ก 2 + ½ ถ้วย
ถ้าไม่มี จะใช้ shredded coconut หรือ grated coconut ก็ได้ค่ะ
สำหรับ dessicated coconut เราหาซื้อได้ที่ร้านขายอุปกรณ์เค้กค่ะ







ก่อนทำไอซิ่งช็อคโกแลต ก็เตรียมมะพร้าวใส่ถาดไว้เลยค่ะ
(** ส้อมที่เห็นในภาพเรา เตรียมไว้เสียบเค้กจุ่มในช็อคโกแลต
แต่ปรากฏว่าใช้งานไม่ได้ดี ก็เลยไม่ได้ใช้ ไม่ต้องไปสนใจนะคะ)





วิธีทำ







1. เอาน้ำใส่หม้อประมาณ 1 นิ้ว (เลือกหม้อที่มีขอบสูงหน่อยค่ะ) นำไปต้มไฟกลางไปหาสูง พอเดือด ก็หรี่เป็นไฟต่ำ เลี้ยงน้ำให้ร้อน มีไอกรุ่น ๆ พักไว้ - เราจะทำไอซิ่งด้วยวิธี double boiled ค่ะ






2. เอาส่วนผสมทั้งหมดลงหม้อหรืออ่างผสมอีกใบ (ที่มีขนาดพอดีที่จะตั้งบนหม้อต้มน้ำ) คนให้พอเข้ากันด้วยตะกร้อมือ แล้วนำไปคนผสมบนหม้อต้มน้ำที่เตรียมไว้ จนทุกอย่างละลาย เข้ากัน ได้ไอซิ่งเนื้อละเอียด ข้น ไหลเป็นสาย ๆ ใช้เวลาประมาณ 3 – 4 นาที ก็ยกออกจากเตา




(2) วิธีประกอบเค้ก





เราทดลองใช้ซ่อมยาวที่มีสองซี่ หรือไม้เสียบลูกชิ้นยาว ๆ เสียบเค้กจุ่มช็อคโกแลต แล้วไม่ได้ผลดีค่ะ เนื้อเค้กจะยุ่ยได้เวลาแกว่งเค้กลงคลุกช็อคโกแลต เราก็เลยใช้วิธี เอาก้อนเค้กทิ้งลงในหม้อ แล้วใช้ช้อนตักช็อคไอซิ่งราดอีกที พอช็อคคลุุมเค้กดีแล้ว ก็ใช้ไม้จิ้มฟัน เสียบลงไปลึก ๆ หน่อยในชิ้นเค้ก เอียงชิ้นเค้กดูด้านก้นเค้กว่ามีช็อค คลุมดีมั้ย ถ้ายัง ก็ตักช็อคราดอีกที






เสร็จแล้วก็ยกขึ้น นำไปคลุกมะพร้าว ในถาดที่เตรียมไว้ ... เอาไม้จิ้มฟันออกจากเค้ก (วางในถ้วยว่าง ๆ ... จะได้หยิบมาใช้งานได้อีกค่ะ ประหยัด อิอิ) ... เสร็จแล้วก็ใช้มือโกยมะพร้าวคลุมเค้ก ใช้มือกด ๆ เส้นมะพร้าวให้เข้ากับเนื้อช็อคทั้งสี่ด้าน เบามือด้วยค่ะ ... เพื่อความสวยงาม และมั่นใจว่าเค้กเราจะมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยม ก็อาจใช้การ์ดสะอาด ๆ ประกบขอบเค้กเบา ๆ อีกที ใช้การ์ดสองแผ่น ประกบหน้าหลัง ยิ่งดีค่ะ



หมายเหตุ - หากไอซิ่งข้นขึ้น ช่วงประกอบขนม ให้เติมนม 2 ช้อนชา ใช้ตะกร้อมือกวน ๆ ถ้ายังข้นก็นำไปกวนบนหม้อต้มน้ำซักครู่ ค่ะ ไอซิ่งก็จะกลับมามีเนื้อเหลวอีกครั้ง หากทำขนมช้า อาจจะต้องทำหลายครั้งค่ะ


------------------------------------------------------



C. Lemon Curd Lamington


(1) Lemon Curd

ประยุกต์สูตรและวิธีทำมาจาก Martha Stewart



ส่วนผสม

(ทำ Lamington ขนาด 3.5 x 4 ซ.ม. ได้ประมาณ 10 ชิ้น)

1. น้ำตาลทราย 115 กรัม (½ ถ้วย)
2. ผิวเปลือกเลม่อนขูด 1 ช้อนโต๊ะ (จากเลม่อน 2 ลูก)
3. น้ำเลม่อน 5 ช้อนโต๊ะ
(ไม่ชอบออกเปรี้ยว 4 ช้อนโต๊ะ)

4. ไข่แดง 4 ฟอง
5. เกลือ 1/8 ช้อนชา
6. เนย 4 ช้อนโต๊ะ

** มะพร้าวอบแห้ง (dessicated coconut) สำหรับคลุกเค้ก 1 + ½ ถ้วย



วิธีทำ

1. เอาน้ำใส่หม้อประมาณ 1 นิ้ว (เลือกหม้อที่มีขอบสูงหน่อยค่ะ) นำไปต้มไฟกลางไปหาสูง พอเดือด ก็หรี่เป็นไฟต่ำ เลี้ยงน้ำให้ร้อน มีไอกรุ่น ๆ พักไว้ - เราจะกวน curd ด้วยวิธี double boiled เหมือนเดิมค่ะ






2. เอาน้ำตาล ผิวเลม่อน น้ำเลม่อน ไข่แดง และเกลือ ลงหม้ออีกใบ คนผสมให้เข้ากัน ด้วยตะกร้อมือ เสร็จแล้วก็หั่นเนยเป็นชิ้นเล็ก ๆ ลงไป นำไป คนบนหม้อต้มน้ำ ที่เตรียมไว้ ตอนนี้เปลี่ยนไม้คนเป็นพายยางทนความร้อน หรือจะใช้พายไม้คนก็ได้ (อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเขาบอกว่า เวลาคนพวก curd ที่มีไข่แดงผสม ไม่ควรใช้ตะกร้อมือ จะทำให้สุกช้า เขาว่าอย่างนี้นะคะ) คนไปเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง จนส่วนผสมข้น เนื้อครีมติดหลังช้อน เวลายกไม้พายขึ้น เราใช้เวลา 15 นาทีค่ะ (ทั้งนี้แล้วแต่ชนิดหม้อ และความแรงของไฟที่ใช้)







3. ยกหม้อครีมเคิร์ดลงจากเตา นำไปกรองบนกระชอนตาถี่ (ความจริงจะไม่กรองก็ได้ค่ะ หากเนื้อครีมเนียนดีแล้ว) เสร็จแล้วก็เอาพลาสติกคลุมหน้าครีมไว้ รอให้ครีมเย็นลงค่ะ




(2) น้ำเชื่อมเลม่อน


ส่วนผสม

1. น้ำเลม่อน 2 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำเปล่า 4 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำตาลทราย 8 ช้อนโต๊ะ

* เป็นน้ำเชื่อมความเหนียวปานกลางค่ะ



วิธีทำ






นำส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อซอสขนาดเล็ก คนให้เข้ากัน
แล้วนำไปต้มบนไฟอ่อน จนน้ำตาลละลายหมด ก็ปิดไฟ
(อย่าปล่อยให้น้ำเชื่อมเดือดนะคะ) ปล่อยให้น้ำเชื่อมเย็น

ลงเล็กน้อย ค่อยนำไปทาบนเค้กค่ะ




(3) วิธีประกอบเค้ก












นำน้ำเชื่อมไปทาบนเค้กที่ตัดแล้ว เสร็จแล้ว ก็ใช้มีดปาดเนย ทาเลม่อนเคิร์ดบนตัวเค้ก ให้ทั่วทั้งสี่ด้าน ให้หนานิด ๆ ค่ะ เสร็จแล้วก็ใช้ไม้จิ้มฟันเสียบลงไปตรงกลางก้อนเค้ก ให้ลึก ๆ หน่อย ยกเค้กนำไปคลุกในมะพร้าวอบแห้ง ใช้การ์ดสะอาด ๆ ฟอร์มทรงเค้กเหมือนที่เราทำประกอบเค้กลามิงตั้นช้อคโกแลตน่ะนะคะ ...


(* อย่างที่พูดไว้ข้างบนนะคะ ถ้าเป็นเค้กรสเลม่อน ควรจะตัดผิวเค้กสีน้ำตาลออก ให้เหลือเฉพาะ
เนื้อสปอนจ์ด้านใน เวลาประกอบเค้กเสร็จ เค้กจะได้มีสีเหลืองนวลสวย ๆ มองไม่เห็นผิวสีน้ำตาลแทรกค่ะ)


------------------------------------------------------







ไอเดียทำเค้กสองสี ได้แนวคิดมาจากคุณ Kris Bake in Paris









มีเรื่องตลกเล่าในวิกิพีเดียอีกว่า ท่านลอร์ด ลามิงตัน ไม่ค่อยชอบขนมหวานที่ได้รับการขนานนามเพื่อเป็นเกียรติสำหรับตนเองซักเท่าไหร่ .... เวลาพูดถึงขนมนี้ ท่านมักจะพูดคำว่า ... "those bloody poofy woolly biscuits" ... อันนี้ไปแปลเองนะคะ 55+



สำหรับเราคิดว่าอร่อยสมกับเป็นขนมในตำนานอยู่นะคะ ในส่วนที่เป็นรสช็อคโกแลตที่ส่วนตัวคิดสงสัยว่าอาจจะไม่อร่อย เพระปกติเราไม่ชอบขนมที่มีช้อคโกแลตเท่าไหร่ ก็ผิดคาดค่ะ อร่อยกว่าที่คิดไว้มาก ... แอบค้อนท่านลอร์ด ฮ่ะฮ่ะ ... ส่วนรสเลม่อน อร่อยตามที่คิดว่าไว้เลย ... วันนี้ช่างกล้าพูดคำว่าอร่อย อิอิ ... ลองไปทำดูนะคะ ว่าจะอยู่ในรสชอบของเพื่อน ๆ รึเปล่า ...



------------------------------------------------------


มีเวลาดีทุกท่านค่ะ

Create Date : 15 ธันวาคม 2553
Last Update : 17 ธันวาคม 2553 9:52:47 น.		73 comments
Counter : 35787 Pageviews.
Share Tweet