เมื่อวานนี้อากาศแปรปรวนมากๆครับ  ฝนตกปรอยๆตั้งแต่เย็นวันอังคารและตกตลอดคืนจามาถึงเช้าวันพุธ อากาศเหมือนหน้าฝนมากๆ มันเย็นๆยะเยือกๆยังไงไม่รู้ครับ คิดถึงอาหารประเภทน้ำร้อนๆ รสแซ่บๆ มากๆ

หนางต้มขมิ้น

“หนาง” เป็นวิธีการถนอมอาหารแบบพื้นบ้านของทางภาคใต้ แต่เดิมใช้เนื้อส่วนเท้าของวัวหรือควาย ภายหลังก็มีหมูและพัฒนามาใช้เนื้อที่ติดหนังของหมู “หนาง” จะมีรสชาติและกลิ่นที่เฉพาะตัวมากๆ ก่อนจะนมาประกอบอาหารจะต้องนำไปล้างเอาเมือกขาวออกให้สะอาด นิยมมาทำเป็นอาหารรสจัด ใส่สมุนไพรกลิ่นหอมมากๆ เพื่อดับกลิ่น ปัจจุบันหากินยากมากครับ

ส่วนประกอบ

หนางหมู ล้างให้สะอาด

ขมิ้น ล้างให้สะอาด หั่นบางๆ

ตะไคร้ ใช้ส่วนลำต้น ทุบเบาๆ แล้วหั่นเป็นท่อนสั้นๆ

ข่าอ่อน ล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นแว่น

ใบมะกรูดฉีก

พริกขี้หนูสวน ทุบพอแตก

เครื่องปรุง

น้ำปลา น้ำมะนาว

วิธีทำ

ตั้งน้ำในหม้อให้เดือด พอน้ำเดือดดีก็ใส่สมุนไพรทั้งหมดลงไป ตะไคร้ ขมิ้น ข่า ยกเว้นใบมะกรูด ปล่อยให้เดือดดีๆ ให้ได้กลิ่นสมุนไพรหอมๆ

ใส่หนางลงไป พอเดือดก็หรี่ไฟ เคี่ยวไปเรื่อยๆจนกว่าจะเปื่อยดี ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมงถึงสี่สิบห้านาที อย่าให้หนาวเปื่อยเกินไปครับจะเละ แล้วทำให้น้ำขุ่น

ลองตักชิ้นหนางมาชิมดูว่าเปื่อยได้ที่หรือยัง ถ้าเปื่อยได้ที่แล้วก็ชิมรสดูก่อนค่อยปรุงรสด้วยน้ำปลา พริกขี้หนูทุบ ใส่ใบมะกรูด คนให้เข้ากัน รสชาติที่ควรจะเป็นคือ เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด แล้วมีรสเค็มตามน้อยๆ เพราะว่าหนางมีรสและกลิ่นเฉพาะตัวมากๆ ต้องปรุงให้เผ็ด เปรี้ยว มีกลิ่นสมุนไพรเยอะๆ จะได้กลบรสและกลิ่นตามธรรมชาติของหนางได้

อย่าเพิ่งใส่น้ำมะนาวนะครับ คนโบราณเค้าบอกว่าจะขม – อันนี้ไม่ค่อยเชื่อครับ แต่การเติมรสเปรี้ยวลงไปในขณะที่อาหารยังเดือดอยู่จะได้รับรสเปรี้ยวน้อยลง พออาหารเย็นแล้วความเปรี้ยวจะเพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่ระดับความเปรี้ยวที่เราต้องการครับ ควรจะยกหม้อลงจากเตาแล้วให้อาหารคลายความร้อน หรือใกล้เวลาเสิร์ฟถึงจะเติมรสเปรี้ยวลงไป จะได้ระดับความเปรี้ยวที่ต้องการแบบแน่นอนกว่าครับ อีกย่าง หนางจะมีรสเปรี้ยวอยู่แล้วควรจะชิมรสดูก่อนค่อยเติมรสเปรี้ยวครับ

ตักเสิร์ฟ

อาหารพื้นถิ่นรสจัดจ้านเหมาะสำหรับอากาศเย็นๆ ชื้นๆ

นอกจากนั้นยังมีสมุนไพรแก้หวัด ทำให้จมูกโล่งอีกด้วยครับ

Chubby Lawyer Kitchen …………………. อร่อย.... ตามใจฉัน