Group Blog
ตุลาคม 2554

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
สะพาน Sydney Harbour Bridge ตำนานความเป็นที่สุดของออสเตรเลีย

Sydney Harbour Bridge


สะพาน Sydney Harbour Bridge หรือที่ชาวออสซี่เรียกเล่นๆว่า “ไม้แขวนเสื้อ” "The Coathanger" ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของซิดนีย์และเป็นสัญลักษณ์ของประเทศออสเตรเลีย เป็นสะพานทรงโค้งเดี่ยวสร้างด้วยเหล็กทอดข้ามอ่าวซิดนีย์จากฝั่งธุรกิจใจกลางซิดนีย์ (CBD) และฝั่ง North Shore อีกฝั่งหนึ่ง ถ้าขึ้นไปยืมด้านบนสะพานจะเห็นวิวของอ่าวซิดนีย์ได้ไกลจนถึงทะเลใหญ่และโอเปร่าเฮาส์ จะมีการฉลองครบรอบ 80 ปีในปี 2012 นี้ละครับ


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket



สะพาน Sydney Harbour Bridge มีความยาวถึงเชิงสะพานทั้งสองด้าน 1,149 เมตร (3,770 ฟุต) กว้าง 49 เมตร (161 ฟุต) ตัวสะพานสูงจากน้ำ 49 เมตร (161 ฟุต) ณ กึ่งกลางสะพาน ปลายสะพานทางฝั่ง Central Business District ทอดลงตรงที่เค้าเรียกว่า Millers Point ฝั่งตรงข้าม (North Shore) ทอดลงตรง Milson Point


Photobucket


Photobucket


Photobucket



ฝั่งที่เป็นถนนสำหรับรถวิ่งจะมี 6 เลน บวกกับอีก 2 เลน ที่คยเป็นรางรถแทรมเก่า รวมแล้วจะมีช่องทางสำหรับรถยนต์วิ่งถึง 8 เลน และเป็นช่องทางสำหรับคนเดินอีก 1 ช่องทาง อีกฝั่งนึงจะมีรางรถไฟ 2 ราง กับช่องทางสำหรับจักรยานอีก 1 ช่องทาง ถ้าเราแบ่งครึ่งสะพานออกตามยาวแล้วฝั่งตะวันตกที่เป็นรางรถไฟจะกว้างกว่าฝั่งที่เป็นช่องทางรถยนต์วิ่งอยู่ 30.5 เซนติเมตร หรือ 12 นิ้ว ช่องทางเดินรถบนสะพานเป็นถนน Highway ชื่อว่า Bradfield Highway มีความยาวประมาณ 2.4 กิโลเมตร หรือ 1.5 ไมล์ เป็น Highway ที่สั้นที่สุดใน Australia เลยครับ


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


หอคอยสูงฝั่งละ 2 หอ ที่อยู่ตรงเชิงสะพานทั้ง 2 ฝั่งทำจากหินแกรนิตมาจากเหมืองหินที่ Moruya ในรัฐ New South Wales เสาสูงทางฝั่ง CBD อันที่อยู่ทางช่องทางเคนดินสามารถขึ้นไปชมวิวข้างบนได้ครับ


Photobucket


ตัวสะพานเป็นโครงเหล็กรูปโค้งประกอบไปด้วยเสาค้ำ 28 ช่อง มีความสูงไล่เรียงกันส่วนที่ยาวที่สุดที่อยู่ตรงกลางยาว 18 เมตร หรือ 59 ฟุต และส่วนที่สั้นที่สุด ตรงปลายส่วนโค้งทั้งสองข้างตรงที่ใกล้หอสูงทั้ง 2 ด้าน ยาว 57 เมตร หรือ 187 ฟุต


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


ส่วนโค้งของสะพานมีความยาว 503 เมตร และจุดที่สูงที่สุดของส่วนโค้งมีความสูง 134 เมตร หรือ 440 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล แต่ในวันที่อากาศร้อนมากๆ ส่วนโค้งซึ่งเป็นเหล็กสามารถยืดออกไปได้อีกจนมีความสูงอีกประมาณ 18 เซนติเมตร หรือ 1.7 นิ้ว ที่ปลายทั้งสองด้านของส่วนโค้งมีหมุดขนาดใหญ่ตรึงเอาไว้ เจ้าหมุดนี้สามารถไขให้ผ่อน และ ตึงได้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิในแต่ละช่วงวันเพื่อป้องกันเหล็กไม่ให้มีแรงเครียด (Stress) มากเกิดไปจนทำให้เกิดความเสียหายได้


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


น้ำหนักรวมของส่วนประกอบที่เป็นเหล็กทั้งสะพานหนัก 52,800 ตัน เฉพาะส่วนที่เป็นส่วนโค้งหนักถึง 39,000 ตัน 79 % ของเหล็กที่มาสร้างสะพานถูกส่งมากจากประเทศอังกฤษส่วนที่เหลือเป็นเหล็กที่ผลิตได้ในออสเตรเลีย ในการทำงานได้มีการสร้างโรงดัดเหล็ก 2 โรงที่ Milson Point ตรงที่เป็นสวนสนุก Luna Park ในปัจจุบันและทำการผลิตส่งไปให้แก่ส่วนงานต่างๆที่ต้องการ


Photobucket


Photobucket


การสร้างสะพาน Harbor Bridge ต้องใช้หมุดถึง 6 ล้านตัวแต่ละตัวมีน้ำหนัก 3.5 กิโลกรัม หรือ 8 ปอนด์ ยาว 39.5 เซนติเมตร หรือ 15.6 นิ้ว ส่วนการประกอบโครงสร้างเหล็กนั้นจะใช้วิธีตึรงด้วยหมุดแทนที่จะใช้การดัดเหล็กเป็นรูปทรงต่างๆ เพราะเทคนิคการดัดเหล็กในสมันนั้นยังไม่เจริญเท่าในสมัยนี้


Photobucket


ที่ 2 ฝั่งของสะพานมีหอสูงอยู่ข้างละคู่เรียกว่า Pylon ออกแบบโดย Thomas S. Tait สถาปนิกชาวสก็อต สร้างด้วยหินแกรนิตและดำเนินการสร้างโดยบริษัท John Burnet & Partners ในการสร้าง Pylon จำเป็นที่จะต้องหาหินมาดำเนิการก่อสร้าง ครอบครัวชาวออสเตรเลียนเอง ชาวสก็อต และชาวอิตาเลียนกว่า 250 ครอบครัวจำเป็นจะต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราวไปที่เหมืองหินที่เมือง โมรูย่า รัฐนิวเซาธ์เวลส์ ซึ่งอยู่ห่างจากซิดนีย์ไปทางใต้ ประมาณ 300 กิโลเมตร หรือ 186 ไมล์ ใช้หินแกรนิตประมาณ 18,000 คิวบิกเมตร หรือ 635,665 คิวบิกฟุต เพื่อสร้าง Pylon ทั้งสี่หอ ที่เหมืองคนงานได้ทำการตัดแต่งและกำหนดหมายเลขหินแต่ละก่อนก่อนจะส่งก้อนหินทั้งหมดมายังสถานที่ก่อสร้างโดยทางเรือ ปูนที่ใช้ในการเชื่อมก้อนหินแต่ละก้อนก็เป็นปูนที่ทำขึ้นในออสเตรเลีย

จริงแล้วส่วนที่สำคัญที่สุดคือฐานของ Pylon ที่จะเป็นส่วนค้ำยันโครงสร้างเหล็กโค้งทั้งหมด ส่วนตัว Pylon นั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อความสมดุลทางสายตาและเพื่อเป็นกรอบให้กับส่วนโครงสร้างเหล็กเท่านั้นเอง Pylon นี้ถูกเพิ่มเติมเข้ามาเพื่อห้สะพานดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้อยู่ในร่างแบบเดิมครับ
Pylon เสาทางขวามือทางฝั่ง CBD ได้ถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์และศูยน์นักท่องเที่ยว เราสามารถเดินขึ้นบันไดเวียนขึ้นไปชมวิวอ่าวและเมืองได้


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket



จริงๆแล้วได้เกิดไอเดียที่จะสร้างสะพานที่เชื่อมต่อทางฝั่งเหนือ และฝั่งใต้ของอ่าวมาตั้งแต่ปี 1815 แล้วครับ จนกระทั่งปี 1900 จึงไดมีการจัดประกวดออกแบบสะพานเพื่อค้นหาแบบที่เหมาะสมที่สุดแต่โครงการก็ได้ถูกดองเอาไว้อีกหลายปีต่อมาครับ

จนในปี 1912 J.J.C. Bradfield ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็น นายช่างใหญ่ในโครงการสร้างสะพาน Sydney Harbour Bridge และควบตำแหน่งนายช่างใหญ่ของการสร้างรถไฟในเมืองด้วยซึ่งทำให้เค้าได้นายเป็นบิดาของการสร้างสะพานเพราะได้ตรากตรำทำงานนี้มาหลายปีทีเดียว ในปี 1916 สภานิติบัญญัติได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติเพื่อเริ่มสร้างสะพาน Sydney Harbour Bridge แต่ คณะกรรมการที่ปรึกษาฝ่ายนิติบัญญัติก็ได้ปฎิเสธเนื่องจากขณะนั้นกำลังอยู่ในภาวะสงครามมีความจำเป็นต้องใช้เงินมาก
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1921 J.J.C. Bradfield ได้เสนอแนวคิดรูปแบบของ สะพาน Sydney Harbour Bridge ต่อรัฐบาลใหม่ให้มีรูปแบบเป็นทรงโค้งเดี่ยวเหมือนกับสะพาน Hell Gate Bridge ใน New York และรัฐบาลก็ได้ผ่านพระราชบัญญัติการก่อสร้างสะพาน Sydney Harbour Bridge No. 28 ออกมาในปี 1922 ในพระราชบัญญัตินั้นกำหนอดเอาไว้ว่าจะต้องสร้างสะพานเป็นแบบคานระดับสูงหรือเป็นสะพานโครงสร้างทรงโค้งเดี่ยวเท่านั้น จะทำการก่อสร้างระหว่าง Dawes Point และ Milsons Point และได้เชิญชวนผู้เข้าร่วมประมูลจากทั่วโลกเลยทีเดียว จากข้อเสนอร่วมประมูลทั้งสิ้น 24 ข้อเสนอจาก 6 บริษัท บริษัท Dorman Long and Co Ltd จากเมือง Middlesbrough ประเทศอังกฤษก็เป็นผู้ชนะการประมูลในรูปแบบของสะพานทรงโค้งเดี่ยวด้วยมูลค่าในการก่อสร้าง 4,217,721 ออสเตรเลี่ยนปอนด์ (ค่าเงินในปี 1922) เพราะการสร้างสะพานทรงโค้งใช้งบประมาณน้อยกว่าและยังรองรับน้ำหนักได้มากกว่าด้วย


Photobucket


นอกจาก J.J.C. Bradfield แล้วก็ยังมีอีกหลายคนที่มีส่วนร่วมในการสร้างสะพาน Sydney Harbour Bridge เช่น Sir Ralph Freeman Sir Douglas Fox and Mr. G.C. Imbault ซึ่งเป็นวิศวกรฐานราก

นอกจากการสร้างสะพาน Sydney Harbour Bridge แล้ว โครงการดังกล่าวก็ยังรวมไปถึงการสร้างระบบรถไฟใต้ดินในเขต CBD ของซิดนีย์ หรือ City Circle โดยจะเชื่อมกับสถานี Wynyard ที่ฝั่ง CBD


Photobucket


ในที่สุดก็ได้มีการวางศิลาฤกษ์เพื่อสร้างสะพานเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 1923 ที่ Milsons Point และในเดือนกันยายน 1926 ก็ได้มีการสร้างทุ่นในอ่าวเพื่อรองรับน้ำหนักของโครงสร้างเหล็กทั้งหมด โครงสร้างเหล็กที่เป็นส่วนโค้งเริ่มดำเนินการในวันที่ 26 ตุลาคม 1928 โดยค่อยๆสร้างจากทั้ง 2 ฝั่ง ทางฝั่งใต้ (Milson Point) จะสร้างเร็วกว่าทางฝั่ง CBD 2 ปีต่อมาในวันที่ 19 สิงหาคม 1930 ส่วนโค้งก็สร้างเสร็จ


Photobucket


ในส่วนของ Pylon ได้สร้างอยู่เหนือฐานรากจริงๆของสะพานเริ่มก่อสร้างในปี 1931 และมีการวางก้อนหินก้อนสุดท้ายในวันที่ 15 มกราคม 1932 และอีกไม่กี่วันหลังจากนั้นในวันที่ 19 มกราคม 1932 ก็ได้มีการทดลองนำรถจักรไอน้ำมาวิ่งข้ามสะพาน ได้มีการทดสอบการรับน้ำหนักของสะพานโดยการนำหัวรถจักรไอน้ำจำนวน 96 หัวรถจักรมาวางต่อกันบนสะพานและได้มีการทดสอบอื่นอีกเป็นเวลากว่า 3 อาทิตย์ก่อนจะมีการประกาศว่าสะพานปลอดภัย สามารถเปิดใช้งานได้


Photobucket



มาตรฐานความปลอดภัยของการก่อสร้างในสมัยนั้นจัดว่าต่ำกว่าสมัยนี้มากๆ แต่ตั้งแต่มีการสร้างสะพานจนสะพานแล้วเสร็จมีคนเสียชีวิตไป 16 คน และมีแค่ 2 คนเท่านั้นที่เสียชีวิตจากการตกจากสะพานจริงๆ มีอีกหลายคนได้รับบาดเจ็บจากการตอกหมุดร้อนๆเข้าไปในโครงสร้างเหล็ก


Photobucket


Photobucket


Photobucket


ในการดำเนินการสร้างได้คนงานทั้งสิ้นกว่า 1400 คน ใช้งบประมาณมูลค่า 6.25 ล้านปอนด์ออสเตรเลีย และเพิ่งใช้หนี้เต็มจำนวนเมื่อปี 1988 นี่เอง
สะพาน Sydney Harbour Bridge ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 1932 โดย ฯพณฯ John 'Jack' T. Lang ผู้ว่าการรัฐนิวเซาธ์เวลส์ มีเรื่องขำปนวุ่นวายนิดหนึ่งขณะที่มีการตัดริบบิ้นเปิดสะพาน ได้มีผู้ชายลึกลับในชุดทหารม้าขี่ม้าพุ่งออกมาจากฝูงคนแล้วใช้ดาบตัดริบบิ้นแล้วประกาศว่าเป็นการเปิดสะพานในนานประชาชนรัฐนิวเซาธ์เวลส์ แน่นอนครับ ชายลึกลับคนนั้นถูกจับในที่สุด เจ้าหน้าที่รีบไปต่อริบบิ้นที่ถูกตัดโดยชายลึกลับและฯพณฯ Jack Lang นายกรัฐมนตรี ได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการต่อไป


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket




ทนายอ้วนทัวร์ ......... เที่ยวไป .... ตามใจฉัน








Create Date : 06 ตุลาคม 2554
Last Update : 6 ตุลาคม 2554 11:34:03 น.
Counter : 10924 Pageviews.

4 comments
  
เจิม
โดย: Close To Heaven วันที่: 6 ตุลาคม 2554 เวลา:11:39:28 น.
  
ขยันเที่ยวจริงนะน้องบอล
โดย: เนินน้ำ วันที่: 6 ตุลาคม 2554 เวลา:12:05:19 น.
  
ได้มารู้จักสะพานไม้แขวนเสื้อของออสเตรเลียค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 6 ตุลาคม 2554 เวลา:14:27:14 น.
  

ใครไม่มายืนถ่ายรูปกับสะพาน
แล้วไม่ไปถ่ายภาพกับโอเปร่า
เหมือนมาไม่ถึงเลยนะคะ
ตามคุณบอลมาเที่ยวด้วยคนค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 7 ตุลาคม 2554 เวลา:1:37:10 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทนายอ้วน
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]