นักสืบพราน - เรื่องที่ 7 นมถ้วยสุดท้าย (ตอนที่ 4)
โดย 4411
เกรียง ศักดา นักสืบประจำสำนักงานพรานและสหาย ยกแก้วบรั่นดีขึ้นกรอกลงไปในลำคอ วางถ้วยลง ยกหลังมือขวาขึ้นเช็ดริมฝีปาก พลางพูดว่า หมายความว่า หัวหน้าจะรับงานชิ้นนี้ โดยไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรเลย ยังงั้นหรือครับ
พราน กระดิกขาข้างขวา ซึ่งเขาวางไว้มุมโต๊ะ มองดูสหายร่วมสำนักงานของเขา ยิ้ม แล้วจึงพูดว่า ก็เห็นจะเป็นเช่นนั้น เขาหยุดชั่วขณะ ยักไหล่ แต่คุณอย่าลืมว่า ตำรวจเป็นอาชีพเก่าของผม และหมู่อรัญคนนี้ เป็นคนที่ผมเคยรักมาก เมื่อครั้งอยู่ในบังคับบัญชาของผม ค่าใช้จ่ายในการสืบสวนเรื่องนี้ ทางสำนักงานของเราต้องออกเอง ความจริงมันไม่ใช่เรื่องอะไรของเรา แต่ผมไม่ชอบที่จะได้ยินข่าวว่า ตำรวจของเราตายโดยไม่มีเหตุผล มันรบกวนความรู้สึกของผมอย่างไรพิกลอยู่ คุณคงเข้าใจ
เกรียง ประสานสายตากับหัวหน้าของเขา เอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้ ยกมือขึ้นกอดอก แล้วแต่หัวหน้า ผมพร้อมเสมอ แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นคดีที่ไม่ง่ายนัก พวกเราอีกสองคนทราบเรื่องนี้หรือยังครับ
เอนก กำลังมีเรื่องทางเพชรบุรี ซึ่งพอจะทำเงินให้เราได้บ้าง ส่วน พิชิต จะกลับมาจากโคราชวันนี้ ถ้ามีโอกาส ผมจะบอกข่าว เราต้องเริ่มงานของเราวันนี้ ผมอยากจะให้คุณไปเอาประวัติของคนขับขี่รถสามล้อ คันที่หมู่อรัญนั่งไปในวันนั้น โดยละเอียด ภายในค่ำวันนี้
เวลานี้ ตำรวจยังควบคุมตัวแกอยู่ไม่ใช่หรือ
ถูกแล้ว ผมได้ยินว่า เขาคงจะปล่อยตัวแก วันสองวันนี้ เพราะไม่ได้ทราบอะไรจากแกเลย คุณอาจติดต่อขอรายละเอียดบางประการจากสารวัตรทหารได้ นอกเหนื่อไปจากนั้น คุณต้องไปขุดค้นมาให้มากกว่าที่ตำรวจได้ไว้
เกรียงลุกขึ้นยืน เขามองดูถ้วยบรั่นดีที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างกระหาย แล้วมองดูหัวหน้าของเขา พราน หลิ่วตาข้างหนึ่ง จุ๊ย์ปากเบา ๆ แล้วส่ายหน้าช้า ๆ
เกรียงยิ้มแหย ๆ เขาคว้าหมวกขึ้นสวม แล้วผลักบังตาออกไป
เครื่องพูดบนโต๊ะส่งเสียงครางขึ้น พราน เอื้อมมือไปเปิดสวิตท์ มีเสียง กัลยา พูดเข้ามาว่า สุภาพสตรีคนหนึ่ง ต้องการพบหัวหน้า ชื่อ มณี เธอบอกว่าเป็นพี่สาวของหมู่อรัญ
พราน นิ่งชั่วขณะหนึ่ง ครั้นแล้วจึงพูดต่อไปว่า มีธุระอะไรเกี่ยวกับผม แกบอกหรือเปล่า
แกบอกว่า จะมาถามข่าวเกี่ยวกับหมู่อรัญ
ทำไปไม่ไปถามทางตำรวจเขาเล่า เราไม่มีหน้าที่ และยังไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหมู่อรัญเลย
แกบอกว่า สารวัตรพจน์ แนะนำให้แกมาหาหัวหน้า แกได้ไปพบสารวัตรพจน์มาแล้ว ก่อนที่จะมาที่นี่
ยังงั้นหรือ พราน พูด พร้อมกับหลี่ตาอย่างใช้ความคิด เดี๋ยวก่อน กัลยา เรียกตัวเกรียงไว้ก่อน อย่าเพิ่งให้ออกไปไหน จนกว่าจะได้ฟังคำสั่งของผมจากคุณ ให้เขาอยู่ในบ้านและคอยฟังคำสั่งที่นั่น ส่งตัวคุณมณีเข้ามาได้
คนเดียวหรือคะ เสียง กัลยา ถามเข้ามา
คนเดียว คุณเฝ้าเครื่องพูดไว้ให้ดี อย่าเผลอ
ผู้ที่เปิดบังตาห้องทำงานส่วนตัวของ พราน เจนเชิง เข้ามา เป็นสตรีวัย ๓๐ เศษ แต่งกายด้วยกระโปรงสีกรมท่า เสื้อแพรสีนวลอ่อน ๆ ลักษณะท่าทางและเครื่องแต่งกาย แสดงให้เห็นว่า เป็นคนทันสมัย หล่อนยกมือขึ้นพนมอย่างนิ่มนวล เมื่อ พราน กล่าวคำสวัสดี และเชิญให้นั่ง พร้อมกับทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้รับแขกตัวหนึ่ง
มีอะไรที่ผมจะช่วยคุณได้บ้าง พราน กล่าวขึ้นก่อน
ดิฉันเป็นพี่ของ อรัญ ค่ะ มณี พูดขึ้น น้ำเสียงของหล่อนชัดและช้าแบบคนเจนสังคม ดิฉันได้ทราบข่าว อรัญ ฆ่าตัวตาย เมื่อวานนี้ ก็รีบมาจากจังหวัดนนทบุรีทันที อยากทราบว่า มันเป็นเรื่องฆ่าตัวตายจริง ๆ หรือคะ
พราน ไม่ตอบคำถามนั้น เขาพูดว่า หมู่อรัญ มีพี่น้องกี่คนทั้งหมด
เรามีกันอยู่สองคนเท่านั้นค่ะ ดิฉัน กับ อรัญ ไม่ได้พบกันมาสัก ๔ ๕ ปีแล้ว ตั้งแต่เขาสมัครเป็นตำรวจ ปกติ ดิฉันก็ได้รับข่าวคราวของเขาเสมอ แต่เงียบหายไป ๓ ๔ เดือนมานี้ มาทราบข่าวอีกทีก็จากหนังสือพิมพ์ ตอนที่เขาลงข่าวว่า แกฆ่าตัวตายนี่แหละค่ะ คุณคิดว่า แกฆ่าตัวตายจริง ๆ หรือคะ
ขอโทษ คุณอยู่ที่นนทบุรีมากี่ปีแล้ว และทำอะไรอยู่ที่นั่น พราน ย้อนถามด้วยกิริยาปกติ โดยมิได้เอาใจใส่กับคำถามของ มณี
มณี ย้อนถามอย่างไม่สู้จะพอใจ แต่น้ำเสียงของหล่อนยังไม่เปลี่ยนแปลงในขณะพูด ดิฉันอยู่ที่นนทบุรีมาประมาณ ๒ ปี ตั้งร้านตัดเสื้ออยู่ที่นั่น บ้านเดิมของเราอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ค่ะ เมื่อตอนที่ อรัญ เขาจากบ้านมา ดิฉันยังคงอยู่กับแม่ที่ประจวบ ฯ พอแม่เสีย ดิฉันก็ออกเร่ร่อนหากินด้วยความสามารถของตัวเองเท่าที่มีอยู่มาเรื่อย ๆ จนมาได้สามีที่จังหวัดนนทบุรี มีทุนตั้งร้านตัดเสื้อ สามีของดิฉันเสียเมื่อปีก่อนนี้เอง มีน้องชายแท้ ๆ อยู่อีกคนหนึ่ง ก็มามีอันเป็นต้องจากกันไปเสียอีก ดิฉันไม่เชื่อเลยว่า แกจะฆ่าตัวตาย และคิดสั้นอย่างนั้น จริง ๆ นะคะ
อะไรทำให้คุณคิดว่า แกจะฆ่าตัวตาย พราน ถามขึ้นในทันที
มณี นิ่งอยู่สักครู่หนึ่ง เปิดกระเป๋าถือ แล้วดึงเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาที่คลออยู่ที่นัยน์ตาทั้งสองข้าง เสียงของหล่อนตอนนี้ ค่อนข้างจะสั่นเครือ อรัญ ส่งข่าวให้ดิฉันทราบครั้งสุดท้ายเมื่อ ๓ ๔ เดือนมานี้ว่า กำลังอยู่ในความสุขสบายทุกอย่าง ท่านผู้บังคับบัญชาก็ไว้วางใจทุกอย่าง ไม่มีเรื่องอะไรที่น่าจะทำให้มีทุกข์ร้อนเลย คนที่มีอะไรพร้อมทุกอย่างเช่นนี้ สมควรหรือคะที่จะฆ่าตัวตายด้วย
พราน เปิดหีบบุหรี่ที่ตั้งบนโต๊ะรับแขก เขายื่นให้ มณี เป็นเชิงเชื้อเชิญ หล่อนสั่นหน้าน้อย ๆ เป็นเชิงปฏิเสธ พร้อมกับกล่าวขอบคุณ เขาจึงหยิบของเขาเองขึ้นมาคาบไว้ที่มุมปาก จุดบุหรี่ด้วยไม้ขีดเบ็นซินตั้งโต๊ะ สายตาของเขาจับอยู่ที่ใบหน้าของ มณี ตลอดเวลา เขาพูดตามควันที่ออกมาว่า
ในระยะ ๓ ๔ เดือนที่ อรัญ ไม่ได้ส่งข่าวให้คุณทราบเลย อาจมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับ อรัญ ซึ่งอาจทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปก็ได้ คุณคิดว่า มันจะเป็นไปได้ไหม
มณี กำผ้าเข็ดหน้าด้วยมือทั้งสองข้าง ทิ้งมือลงบนตัก พร้อมกับพูดว่า นั่นนะซีค่ะ ดิฉันอยากทราบว่า อะไรเป็นเหตุแห่งความเปลี่ยนแปลงอันนั้น
ทางตำรวจเขาว่าอย่างไรบ้าง เท่าที่คุณไปติดต่อมา
ดิฉันได้ไปพบท่านสารวัตร พจน์ มาก่อนที่จะมาที่นี่ ท่านก็บอกว่า ยังไม่ทราบสาเหตุอะไรแน่ ยังบอกอะไรดิฉันไม่ได้ ท่านแนะนำว่า คุณเคยเป็นนายของ อรัญ มาก่อน คงจะรู้อะไรพอที่จะให้ความสว่างแก่ดิฉันได้บ้าง ดิฉันจึงตรงมาที่นี่ มีร่องรอยอะไรบ้างไหมคะ ที่จะเป็นที่น่าสงสัยว่า อรัญ ไม่ได้ฆ่าตัวตาย
พราน หัวเราะ พูดว่า ผมเองก็ยังไม่ได้เห็นศพ หมู่อรัญ และไม่ได้ลงมือดำเนินการอะไรเลย ผมจะตอบคำถามคุณได้อย่างไร
มณี ก้มหน้ามองดูผ้าเช็ดหน้าที่ถืออยู่บนตัก พลางพูดว่า คุณคงไม่ขัดข้อง ถ้าดิฉันจะขอร้อง ให้คุณช่วยสืบสวนหาความจริงในเรื่องนี้ ดิฉันอยากรู้ว่า อรัญ ฆ่าตัวตายจริง ๆ หรือได้ตายโดยน้ำมือคนอื่น
พราน นิ่งอยู่ชั่วขณะ แล้วจึงพูดขึ้นว่า ทางตำรวจเขาก็ได้ขอความร่วมมือจากผมอยู่แล้ว ในเรื่องนี้
มณี เงยหน้าขึ้น แววตาของหล่อนเป็นประกาย ยังงั้นหรือคะ ดีจริง ถ้าดิฉันจะร่วมในการขอร้องโดย...ง่า ... ขอโทษนะคะ .... โดยเสียค่าป่วยการให้กับสำนักงานของคุณเล็กน้อย ตามสติกำลังของดิฉัน คุณคงไม่เห็นเป็นอย่างอื่น
พราน ขยี้ก้นบุหรี่ลงที่เขี่ยบุหรี่ ลุกขึ้นยืน พูดว่า คุณมีธุระกับผมเพียงเท่านี้หรือ
มณี เข้าใจในกิริยาของ พราน หล่อนหยิบกระเป๋าถือมาคล้องแขน ลุกขึ้นยืน พลางพูดว่า ดิฉันทราบดีว่า ถ้าจะว่าจ้างสำนักงานของคุณ สืบสวนเรื่องนี้ มันจะต้องเสียค่าจ้างที่แพงพอดู ดิฉันมีเงินเพียงสองพันบาท ที่เก็บหอมรอมริบมาได้ มีกำลังเพียงเท่านี้เอง ถ้าคุณไม่รังเกียจ ดิฉันขอทราบเพียงเท่านั้นเอง ว่า อรัญ ตายเพราะตัวเอง หรือคนอื่น รายละเอียดอย่างอื่น จะไม่ขอทราบเลย คุณว่าอะไรก็จะเชื่อตามที่คุณว่าทุกอย่าง โปรดอย่าถือว่าเป็นการดูถูกหรือว่าจ้างอะไรเลยค่ะ
พราน ไม่ตอบ เขาเดินไปที่โต๊ะ ฉีกเศษกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากปึกกระดาษเขียนหนังสือ และหยิบดินสอบนโต๊ะส่งให้ มณี พลางพูดว่า ขอชื่อ นามสกุล และที่อยู่ของคุณไว้ให้ผม แล้วผมจะติดต่อกับคุณเอง ถ้าเห็นสมควร
มณี รับเศษกระดาษแผ่นนั้น กับดินสอ จากมือ พราน ก้มตัวลงเขียนข้อความบนกรัดาษแผ่นนั้น แล้วส่งคืนให้พยาน พลางพูดว่า แล้วเรื่องเงินค่าป่วยการละคะ
พราน เดินไปที่บังตา เขาไม่พูดอะไร นอกจากมองหน้ามณี ยิ้มเล็กน้อย แล้วดึงม่านบังตาเปิดเข้ามาข้างหนึ่ง เขาหันหน้าออกมองไปทางโต๊ะเลขานุการของเขา พบสายตาของ กัลยา มองเขาอยู่ก่อนแล้ว กัลยา พยักหน้าช้า ๆ มาทางเขา พราน ขมวดคิ้ว มองดูหล่อนแวบเดียว แล้วจึงหันมาทาง มณี ซึ่งกำลังเดินช้า ๆ มาที่บังตานั้น พราน ก้มศีรษะให้ มณี เล็กน้อย ขณะที่หล่อนกระพุ่มมืออำลาเขา มณี พูดขึ้น ขณะที่ผ่านบังตาออกไป และยืนอยู่ทางด้านนอกว่า เมื่อใด ดิฉันจึงจะได้ทราบข่าวจากคุณล่ะคะ
พราน ยิ้ม พูดว่า ผมยังให้คำตอบที่แน่นอนไม่ได้ คุณคอยฟังข่าวอยู่ก็แล้วกัน ผมจะติดต่อไปเอง
มณี ถอนหายใจอย่างอึดอัด มองดู พราน แวบหนึ่ง แล้วจึงกลับหลังเดินไปสู่บรรใดที่ทอดลงไปชั้นล่าง
พราน พยักหน้าเรียก กัลยา เข้ามาในห้อง เมื่อร่างของมณี ลับสายตาไปแล้ว เขาพูดกับหล่อนว่า มีอะไรหรือ กัลยา เห็นพยักหน้าเมื่อกี้นี้
กัลยายิ้ม หัวหน้าสั่งให้คุณเกรียงคอยอยู่ในห้อง เพื่อรอคำสั่ง ไม่ใช่หรือคะ
พราน ชะงักเท้าที่ขยับจะก้าวออกเดิน อยู่กับที่ เขาทำนัยน์ตาโต คล้ายกับนึกถึงสิ่งที่ลืมกระทำออกมาได้
กัลยา พูดขึ้นอีกในทันทีนั้นว่า ดิฉันได้บอกคุณเกรียงแล้วว่า ให้คอยดูผู้หญิงที่กำลังไปพูดกับหัวหน้าอยู่ในห้อง เวลาออกมา และให้แกติดตามผู้หญิงคนนี้ไปว่า ออกจากสำนักงานของเราแล้ว แกจะไปที่ไหนบ้าง เพื่อรายงานให้หัวหน้าทราบภายในวันนี้ ถูกไหมคะ
พราน หัวเราะก๊าก อะไรทำให้คุณคิดเช่นนั้น
กัลยา ไขว้มือทั้งสองไว้ข้างหลัง มองดู พราน พลางพูด ทำกิริยาคล้ายครูกำลังสอนเด็กนักเรียน
ผู้หญิงคนหนึ่ง ถูกสารวัตรพจน์ ส่งให้มาพบหัวหน้า เพื่อถามเรื่องที่สารวัตรเองควรจะให้คำตอบได้ ดิฉันฟังหัวหน้าบอก แล้วก็นั่งคิด ให้เรียกตัวคุณเกรียงไว้ก่อน จะมีอะไร นอกจากสารวัตรพจน์ไม่มีคนที่จะติดตามดูความเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนั้น จึงส่งตัวมาให้เราจัดการ หัวหน้าย่อมทราบความประสงค์อันนี้ดี ก็ต้องตกเป็นหน้าที่ของคุณเกรียงเท่านั้นเอง มันเป็นโจทก์ที่ง่ายมาก
พรานซุกมือทั้งสองลงในกระเป๋ากางเกง เหลือบตามอง กัลยา พร้อมกับเดินไปลงนั่งบนเก้าอี้โซฟาร์ พูดว่า กัลยา คุณนี่ ออกจะเดาความคิดของผมเก่งมากขึ้นทุกวันเสียแล้ว อีกหน่อย พอผมคิดจะขึ้นเงินเดือนให้คุณ ยังไม่ทันจะออกปาก คุณก็คงเบิกจ่ายล่วงหน้าไว้เสร็จเรียบร้อย ไม่ต้องเสียเวลาพูดกัน
กัลยา ก้มศีรษะน้อย ๆ ก่อนที่จะผลักบังตาออกไป หล่อนพูดขึ้นว่า จำได้ไหมคะ หัวหน้าพูดกับสารวัตรพจน์ไว้อย่างไร ที่โต๊ะอาหารเมื่อวานนี้ พูดจบ หล่อนก็ปล่อยบังตาให้ปิดตามหลัง เมื่อเดินออกไป
พราน มองตามเลขานุการของเขา พร้อมกับยิ้มกับตัวเองอย่างพึงพอใจ
Create Date : 15 ตุลาคม 2555 |
|
2 comments |
Last Update : 15 ตุลาคม 2555 5:08:13 น. |
Counter : 1185 Pageviews. |
|
|
|