จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 มกราคม 2558
 
All Blogs
 
ถุงมือประหลาด ตอนที่ ๖

นวนิยายสืบสวน สอบสวน ของนักสืบพราน เล่มที่ ๒ โดย ๔๔๑๑
เรื่องที่ ๕

เรื่อง ถุงมือประหลาด

ตอนที่ ๖

พราน เจนเชิง หยุดรถยนต์ที่เขาขับมาลงที่หน้าปากซอยเล็กๆ ซอยหนึ่ง พับกระดาษแผนที่ใส่กระเป๋า แล้วเปิดประตูรถลง เดินนำหน้า กัลยา เข้าไปในซอยนั้น เขามาหยุดอยู่ที่หน้าประตูหมายเลข ๒๑๔ ซ. ซึ่งเป็นบ้านสองชั้นเล็กๆ และมีประตูรั้วโปร่งๆ อีกชั้นหนึ่ง พราน ผลักประตูบ้านเข้าไป เดินมาถึงประตูบ้าน

หญิงกลางคนๆ หนึ่งเดินออกมาที่ประตูบ้าน ถามขึ้นว่า
“ มาหาใครคะ ”

“ สายสุนีครับ ”

หญิงผู้นั้นมองดูพราน แล้วเลยไปมองดู กัลยา ครู่หนึ่ง พูดว่า
“ เชิญข้างบนซิคะ ”

พราน ดึงต้นแขนของ กัลยา ซึ่งยืนลังเลอยู่ ให้ก้าวขึ้นบันไดไปก่อนเขา

หญิงเจ้าของบ้านเชิญให้คนทั้งสองนั่งที่เก้าอี้รับแขก แล้วหายเข้าไปในห้องชั้นใน

มีเสียงผู้หญิงพูดกันเบาๆ จากห้องชั้นใน ซึ่ง พราน จับไม่ได้ถนัดว่า พูดกันว่าอย่างไร สักครู่ก็มีเสียงคนเดินออกมา

หญิงสาวคนหนึ่ง กับหญิงกลางคนๆ เดิม ปรากฏกายออกมาจากห้องชั้นในฃ

พรน มองดูปราดเดียว เขาก็จำได้ว่า หญิงสาวคนนั้นคือ คนๆ เดียวกับที่เขาเห็นในรูปที่บ้านของ สายสุนี เขาพูดว่า
“ สวัสดี สายสุนี ”

สายสุนี ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทำท่าลังเลก่อนที่จะยกมือไหว้ แล้วทรุดกายลงนั่งที่เก้าอี้อีกตัวหนึ่งตรงหน้า พูดขึ้นว่า
“ คุณมีธุระอะไรกับดิฉัน ”

“ ผมชื่อ พราน เจนเชิง ” พราน พูดขึ้น แล้วหันไปทาง กัลยา “ นั่นคือ กัลยา ชาญวิทยา เลขานุการของผม ”

“ ค่ะ... คุณรู้จักชื่อดิฉันได้อย่างไร ”

พราน ไม่ตอบ เขาถาม พลางชี้ไปที่หญิงกลางคน
“ นั่น.. แม่ของเธอใช่ไหม ”

สายสุนี พยักหน้าอย่างงงๆ

“ ชื่ออะไรไม่ทราบ ” พราน ถามขึ้น

“ สาย ค่ะ ” สายสุนี ตอบอย่างลังเล “ คุณมีธุระอะไรกับเรา ”

“ ฉันคิดว่า เธอน่าจะมีธุระอะไรกับฉันมากกว่า สายสุนี ”
พราน พูดขึ้นอย่างเอาการเอางาน
“ เวลาของเรามีไม่มากนัก... ตำรวจกำลังตามหาเธออยู่ ”

นางสาย หันไปทาง สายสุนี ซึ่งพูดขึ้นว่า
“ ตำรวจตามหาดิฉันทำไม ”

พราน หัวเราะเบาๆ
“ ฉันบอกว่า เวลาของเรามีไม่มากนัก เธอส่งซองจดหมายพร้อมกับเงิน และถุงมือมาให้ฉันทำไม ”

สายสุนี มองดู พราน อย่างงงๆ
“ คุณพูดอะไร ดิฉันไม่เข้าใจ ดิฉันไม่เคยส่งจดหมาย ส่งเงิน หรืออะไร ไปให้ใคร ”

“ เธอต้องการให้ฉันช่วยเหลืออะไรเธอบ้าง ควรจะรีบบอกมาเสียก่อนที่จะสายไป ”

“ ดิฉันไม่มีอะไรที่จะให้คุณช่วย ”

“ แล้วถุงมือนั่น เธอจะให้ฉันเก็บไว้ทำไม ”

“ ถุงมืออะไรกันคะ ”

“ ที่เธอสั่งให้ใครเอาไปให้ฉัน ขณะที่ฉันกำลังอยู่ที่ เชอีฟ เธอได้พูดโทรศัพท์กับฉัน เสียงของเธอ ฉันก็จำได้ ”

“ ตายจริง ” สายสุนีอุทาน ยกมือขึ้นทาบอก “ ดิฉันยังไม่รู้จักคุณเลย คุณเอาอะไรมาพูดโทรศัพท์.. โทรเสิบ อะไรกัน ”

พราน ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เขาหรี่ตามองดู สายสุนี ชั่วครู่ แล้วพูดว่า
“ เธอจะเล่นตลกอะไรกับฉัน คุณสายสุนี ”

สายสุนี ก้มหน้ามองดูพื้น แล้วเงยหน้าขึ้นพูดเป็นปกติ
“ เปล่า... ดิฉันไม่ได้เล่นตลกอะไรกับคุณ ”

พราน นั่งนิ่งอยู่ เขาเหลือบตามองดู กัลยา ซึ่งกำลังจรดดินสอลงกับสมุดค้างอยู่ แล้วหันไปมองดู สายสุนี

พราน พูดขึ้นว่า
“ สายสุนี... เธอรู้ไหมว่า นายโรจน์ ตายเสียแล้ว ”

สายสุนี มีอาการสะดุ้งจนเห็นได้ชัด
“ คุณว่ายังไงนะคะ ”

“ นายโรจน์ สามีของเธอ ตายสียแล้ว ”

มือทั้งสองข้างของ สายสุนี สั่นระริกจนเห็นได้ถนัด หล่อนนั่งนิ่งอึ้ง มองดู พราน ด้วยสายตากึ่งสงสัย

พราน พูด จับตาอยู่ที่หล่อน
“ มันมีความหมายสำหรับเธอมากอยู่ ไม่ใช่หรือ ”

สายสุนี พูดด้วยเสียงปร่าๆ
“ คุณหลอกดิฉันหรือเปล่า ”

“ ประเดี๋ยวก็คงรู้ว่า ฉันหลอกเธอหรือเปล่า ตำรวจเขาคงตามหาเธออยู่ และฉันไม่เชื่อว่า เขาจะไม่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ ”

“ เขาจะตามตัวดิฉันทำไม ”

“ เธอไปสถานีตำรวจสามแยก กับนายโรจน์ ตอนหัวค่ำ เพื่อแจ้งความของหาย ตกดึก นายโรจน์ถูกฆ่าตายในบ้าน คิดดูเอาเองก็แล้วกันว่า ตำรวจเขาจะต้องการตัวเธอหรือไม่ ”

“ คุณรู้ได้อย่างไรว่า ดิฉันไปที่โรงพักสามแยก ”

พรานหัวเราะ
“ ฉันมาที่นี่เพื่อตั้งคำถาม ไม่ได้ตั้งใจจะมาให้คำตอบ ถ้าเธอต้องการให้ฉันช่วยเหลือเธอเรื่องอะไร เธอควรจะต้องรีบพูดเสียก่อนที่มันจะสายเกินไป ”

สายสุนี บิดมือที่กุมกันอยู่นิ่งนาน แล้วจึงพูดว่า
“ ดิฉันไม่เชื่อว่า โรจน์จะถูกฆ่าตาย ”

“ เธอมาที่ศรีราชานี่ทำไม ” พราน เปลี่ยนคำถาม

“ บ้านดิฉันอยู่ที่นี่ แม่ดิฉันอยู่ที่นี่ ทำไมดิฉันจะมาไม่ได้ ”

พราน หัวเราะหึๆ
“ ถูกแล้ว... เธอมาได้ ถ้าหากมันเป็นการมาอย่างปกติ แต่นี่... เธอมาอย่างอาการรีบด่วน และมาอย่างชนิดไม่คิดจะกลับไปกรุงเทพฯ อีก เธอเตรียมเหตุผลที่จะพูดกับตำรวจไว้แล้วหรือ ”

“ ดิฉันมีแต่ความจริง ไม่ต้องเตรียมเหตุผล ”

“ ก็ตามใจ ถ้าเช่นนั้น ฉันจะได้ส่งเงินและถุงมือของเธอคืนมา ”

สายสุนี ลืมตาโพลง พูดว่า
“ มันไม่ใช่ของดิฉัน คุณอย่าส่งมานะ ดิฉันไม่รู้ด้วย ”

“ ถ้าเช่นนั้น ฉันจะส่งให้ตำรวจ ”

สายสุนี อึ้งอีกวาระหนึ่ง

มีเสียงคนหลายคนเดินเข้ามาจากประตูบ้าน และเสียงฝีเท้าย่ำหนักๆ ขึ้นมาตามบันไดอย่างรวดเร็ว
พราน หันไปทางประตู

ร.ต.อ ผจญ สุรไกร และ นายสิบ พลฯ ตำรวจ ในเครื่องแบบอีก ๒ ก้าวพ้นธรณีประตูเข้ามา

ผจญ ชะงัก และพูดว่า
“ พอดีเดียวที่ได้พบคุณพรานที่นี่... ไปเที่ยวพัทยามา สนุกไหมครับ ”

พราน ยิ้มอย่างอารมณ์เย็น
“ ยังไม่ทันไป... บังเอิญได้ข่าวว่า สายสุนี เขาอยู่ที่นี่ ผมก็เลยแวะมา จะชวนเขาไปด้วย ”

“ อ้อ ” ผจญ พูดด้วยเสียงเยาะเย้ย หันไปทางนายสิบตำรวจโท ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ “ ได้ยินไหม เทียม นอกจากจะต้องหาว่า ปกปิดซ่อนเร้นพยานหลักฐานบางประการแล้ว นักสืบพราน ยังพยายามที่จะพาผู้ต้องหาหลบหนีไปอีกด้วย ”

พราน เลิกคิ้ว
“ ใครครับ เป็นผู้ต้องหา ”

ผจญ ค้อมศีรษะอย่างล้อเลียน
“ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่จะแจ้งให้ทราบว่า นางสายสุนี บริรักษ์ ได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีสมทบกันฆ่า นายวิรัตน์ หุ้นส่วนคนหนึ่งในการเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ กับ นายโรจน์ และอีกข้อหาหนึ่งคือ นางสายสุนี ตกอยู่ในฐานะที่ต้องสงสัยในกรณีนายโรจน์ สามีถูกฆ่าตายครับ ”

“ ผมเพิ่งจะทราบ ”
พราน พูดหน้าตาเฉย

“ และอีกประการหนึ่ง ” ผจญ พูดต่อไป สีหน้ายิ้มแย้ม “ ในราย นายวิรัตน์ ที่ถูกฆ่าตายนั้น คนร้ายได้ใช้มีดชนิดเดียวกับที่พบที่ศพของ นายโรจน์ รอยลายมือไม่มีอยู่ที่มีดของกลางก็จริง แต่เราพบถุงมือข้างหนึ่งตกอยู่ในที่เกิดเหตุ นายโรจน์ เป็นคนถนัดมือซ้าย ถุงมือข้างซ้ายได้หายไป เราได้พบข้างขวา และเราได้สืบทราบมาว่า นางสายสุนี และนายโรจน์ เป็นผู้สมทบฆ่านายวิรัตน์ ที่บ้านของนายโรจน์...เราค้นหาจนทั่ว ไม่พบถุงมือข้างที่หายไป นางสายสุนี ได้ใช้ให้ใครคนหนึ่งนำไปให้กับนักสืบพราน เสียแล้ว ... นักสืบพราน ได้เก็บของกลางสิ่งนั้นไว้ในลักษณะที่ปกปิดซ่อนเร้นพยานหลักฐาน ฉะนั้น เราจึงจำต้องแจ้งข้อหาฐานปกปิดซ่อนเร้นพยานหลักฐานในคดีอุกฉกรรจ์ แก่นักสืบพรานด้วย ”

พราน ลูบริมฝีปาก พูดช้าๆ ว่า
“ จริงทีเดียว คุณแจ้งข้อหาได้ หากว่าผมไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ต่อคุณเสียก่อน ”

“ คุณแจ้งต่อผมเมื่อไรไม่ทราบ ” ผจญ ถามด้วยน้ำเสียงดัดให้สุภาพ

“ ในคืนที่ผมได้รับของนั่นเอง ”

“ เท็จอีกแล้ว...! คุณเตรียมตัวไปกับผมได้ ”

“ จับหรือครับ ? ” พรานถาม เลิกคิ้ว

“ ถูกแล้ว... จับ ”

“ ข้อหาอะไรไม่ทราบ ”

“ ผมได้แจ้งข้อหาแล้ว เมื่อกี้นี้ ”
เขาหันไปทางนายสิบตำรวจโท และพยักหน้าไปทางพราน

นายสิบตำรวจผู้นั้น ปราดเข้ามาหา พราน

พราน พูดขึ้นว่า
“ ผมได้บอกแล้วนะครับว่า ผมได้แจ้งกับคุณแล้วในคืนวันนั้น และพยายามที่จะมอบสิ่งนี้ให้กับคุณ แต่คุณไม่สนใจ ”

“ ผมไม่รับรู้... เทียม..” ผจญ พูดกับตำรวจผู้นั้น “ เอาตัวไป ”

พราน ลุกขึ้นยืน
“ คุณจะต้องรับผิดชอบ ในการใช้คำพูดว่า ‘จับ’ ของคุณ ผมมีบันทึกเส้นลวดในการพูดกับคุณทางโทรศัพท์ในคืนวันนั้นเรียบร้อยแล้ว มันจะแสดงให้เห็นชัดว่า คุณไม่พยายามที่จะฟังผมเลย ”

ผจญ เปลี่ยนสีหน้าที่ยิ้มแย้มของเขาทันที ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชี้มือไปที่นายสิบตำรวจที่ยืนข้างพราน
“ เดี๋ยวก่อน... เทียม ”

นายสิบตำรวจโท เทียบ ถอยกลับมายืนคุมเชิงอยู่

ผจญ พูดว่า
“ คุณกำลังจะชวน สายสุนี ไปพัทยาด้วย ใช่ไหมล่ะ ”

พราน ยิ้ม พยักหน้าไปทางสายสุนี
“ คุณถามตัวเขาดูเองซิ ”

ผจญ หันไปทาง สายสุนี ซึ่งนั่งนิ่งๆ อยู่ เขาขยับจะพูดอะไรออกมา แต่ชะงัก และขยับเดินไปทางห้องข้างใน พูดกับสายสุนีว่า
“ ลุกขึ้นซิ คุณสายสุนี ผมจำเป็นต้องค้นบ้านด้วย ”

สายสุนี ลุกขึ้นอย่างว่าง่าย เดินตาม ผจญ เข้าไปในห้องชั้นใน

พราน ถือโอกาสเดินตามเข้าไปด้วย ห่างๆ

“ นั่นใคร ” ผจญ ถาม เมื่อก้าวเข้าไปในห้องซึ่งมีลักษณะเป็นห้องนอน

ชายคนหนึ่งนอนนิ่งอยู่บนเตียง ที่ศีรษะของเขามีผ้าพันแผลไว้ทั่วตลอดใบหน้า เห็นแต่ลูกนัยน์ตาทั้งสองข้าง มีรอยเลือดปนกับสีของยาเปื้อนซึมอยู่ตรงบริเวณแก้ม และที่หน้าผาก มือทั้งสองข้างมีผ้าพันไว้โดยรอบ และที่ข้อเท้าข้างซ้าย ซึ่งยื่นออกมาจากกางเกงแพรที่นุ่งอยู่ มีผ้าพันแผลพันอยู่เช่นกัน

“ หลานชายดิฉันเองค่ะ ” นางสาย ชิงตอบ “ รถคว่ำเมื่อ ๒ – ๓ วันก่อน ”

“ ชื่ออะไร ” ผจญ ถามขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ ขณะที่เดินตรงไปยังตู้ และเปิดออก

“ เฉลิมค่ะ ”

ผจญ ไม่เอาใจใส่กับคำตอบนั้น เขาลงมือตรวจค้นสิ่งของภายในตู้ และที่อื่นๆ โดยทั่ว และเมื่อหันกลับมาเห็นพราน ก็พูดขึ้นว่า
“ คุณไม่มีหน้าที่เข้ามาในนี้ โปรดไปรออยู่ข้างนอก ”

พราน ถอยหลังถอนออกมาจากห้อง เขากลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม ควักบุหรี่ออกมาจุดสูบ มองดู กัลยา ซึ่งกำลังจดบันทึกอะไรง่วนอยู่ แล้วยิ้ม

การตรวจค้นของ ร.ต.อ. ผจญ ดำเนินไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง เขาก็กลับออกมาโดยไม่ได้อะไรที่เป็นประโยชน์

ผจญ หันไปพูดกับสายสุนี ว่า
“ คุณมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร ”

“ เมื่อคืนนี้ค่ะ ” สายสุนีตอบ

“ มากับใคร ”

“ ดิฉันมาคนเดียว ”

“ อะไรกัน ” ผจญ พูดขึ้นด้วยเสียงหนักๆ หันมามองดู พราน
“ คุณมาเวลากลางคืน รถราก็ไม่มี มายังไงกัน คนเดียว ”

“ ดิฉันเช่ารถแท็กซี่มา และปล่อยเขากลับไปแล้ว ”

ผจญ เม้มปาก หันมาทาง พรานอีก
“ คุณล่ะ มาตั้งแต่เมื่อไร ”

“ ผมจำเป็นจะต้องตอบคำถามนี้ด้วยหรือครับ ”
พราน พ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นทางยาว แล้วยิ้มละไมในหน้า

ผจญ กัดริมฝีปากอย่างหัวเสีย
“ผมต้องการถุงมือที่เขาฝากคุณไว้ ”

“ คุณต้องการเมื่อไร ”

“ เดี๋ยวนี้ ”

“ เสียใจ มันไม่ได้อยู่ที่ผม ขณะนี้ ”

“ อยู่ที่บ้านพักของคุณหรือ ”

“ ผมเชื่อว่า คุณคงได้ค้นบ้านพักของผมแล้ว เพราะผมปล่อย เกรียง ไว้ที่นั่นเพื่อดูการค้นของคุณ ถ้ามันอยู่ คุณก็คงพบเสียแล้ว... ใช่ไหมครับ ”

“ คุณต้องกลับกรุงเทพฯ วันนี้ และนำถุงมือมาให้ผมวันนี้ ”

“ ผมยังอยากพักผ่อนอีกสักวันสองวัน ยังไม่อยากกลับวันนี้ ”

“ ผมต้องการวันนี้ ”

“ ถ้าเช่นนั้น โปรดออกหมายเรียกมา ด้วยอำนาจของกฏหมาย ผมจะกลับไปเอา ”

ผจญ ขบกรามแน่น มองหน้าคนโน้นทีคนนี้ที หรี่ตามายัง พราน แล้วพูดว่า
“ ดีแล้วคุณ เราคงจะได้พบกัน ”

“ ครับ... ผมรู้สึกยินดีทุกครั้งที่ได้พบคุณในลักษณะเช่นนี้ ”
พราน พูดยิ้มๆ

ผจญ หันกลับไปทาง สายสุนี เขาพูดกับหล่อนว่า
“ ไปได้แล้ว ”

“ เดี๋ยวนี้หรือคะ ” สายสุนี ถามขึ้น หล่อนหันมามองดู พราน ด้วยสายตาวิงวอน

พราน สบสายตานั้น แล้วส่ายหน้า
“ ผมเห็นจะช่วยอะไรคุณได้ ตำรวจต้องการคุณในฐานะผู้ต้องหาเมื่อไร คุณก็ต้องไปเมื่อนั้น ไม่มีใครช่วยได้ แต่ถ้าคุณยังไม่อยากพูดอะไร คุณจะไม่พูดก็ได้ ในฐานะผู้ต้องหา ”

“ หยุด ” ผจญ ตวาด “ ถ้าคุณขืนพูดมาก ผมจะเล่นงานคุณอีกคนหนึ่ง ”

พราน หัวเราะ เขาสบตากับ ผจญ และสายตาที่จ้องเขม็งมายังเขาของตำรวจอีกสองคน อย่างไม่สะทกสะท้าน

“ คุณมาคนเดียวได้ คุณก็ไปคนเดียวได้ ” ผจญ พูดห้วนๆ กับสายสุนี “ คุณไม่ต้องกลัวว่า ผมจะทำอะไรมิดีมิร้ายกับคุณ... ไปซิ... ผมจะถึงกรุงเทพฯ ก่อนค่ำ ”

สายสุนี เดินนำหน้า ผจญ ลงบันไดบ้านไป ก่อนที่จะลับประตู หล่อนหันมามองดู พราน อีกแว่บหนึ่ง แต่ถูกร่างของ ผจญ บังเสียอย่างจงใจ

คนทั้งหมดกลุ่มนั้น หายลงบันไดไป

พราน ลุกขึ้นยืน มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋า ก้มหน้ามองดูพื้น

นางสาย เดินมาหา พราน พูดขึ้นว่า
“ สายสุนี ไปทำอะไรมาคะ ตำรวจถึงได้มาเอาตัว ”

พราน หัวเราะหึๆ เงยหน้าขึ้นชำเลืองมอง
“ ใครจะไปรู้ นอกจากตัวเขาเอง ”

“ ก็คุณทำท่าเหมือนรู้ ”

“ ผมมาหาความรู้ต่างหาก คุณน้า ”

นางสาย ทำหน้าสลด
“ แล้วคุณจะทำอย่างไรเล่าคะ ต่อไปนี้ ”

“ ผมรึ ” พราน พูดเสียงเน้นๆ มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาทำท่าเกร็ง

“ ผมอยากจะหักคอแม่สายสุนี อย่างเดียว เวลานี้... ถ้าผมทำได้ จะบอกให้ ”





Create Date : 22 มกราคม 2558
Last Update : 22 มกราคม 2558 4:43:43 น. 4 comments
Counter : 618 Pageviews.

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เริงฤดีนะ Movie Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
ธารน้อย Literature Blog ดู Blog



โดย: ก้นกะลา วันที่: 22 มกราคม 2558 เวลา:23:09:50 น.  

 
ธารน้อย Literature Blog ดู Blog
มอร์นิ่งค่ะ... แวะมาส่งกำลังใจจ้ะ


โดย: Opey วันที่: 25 มกราคม 2558 เวลา:6:51:20 น.  

 
ขอบคุณค่ะ คุณ Opey และทุกท่านที่คิดตามอ่าน

พักนี้ กิจกรรมแยะตั้งแต่ปีใหม่มา เลยอับบร๊อคช้าไปนิดหน่อย

แต่กลับมาแล้วค่ะ
อ่านต่อได้เลยนะคะ




โดย: ธารน้อย วันที่: 29 มกราคม 2558 เวลา:7:35:34 น.  

 
ตามาอ่านต่อ ขอบคุณค่ะ


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 13 มีนาคม 2558 เวลา:10:03:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.