จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
 
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
27 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
เวื่อนไขการปฏิวัติ - บทที่ 2 รอยเท้าที่ทิ้งไว้ (ตอนที่ 5)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

เขียนระหว่างปี พ.ศ. 2526 - 2528

บทที่ 2 รอยเท้าที่ทิ้งไว้
ตอนที่ 5


คณะนายทหารเรือก็เคยคิดการนี้มาแล้วหลายครั้ง แม้จะยึดเอาวังหลวงเป็นที่ตั้งกองบัญชาการได้ ก็ยังต้องพ่ายแพ้ไปได้ การต่อรองก็ยังไม่สำเร็จ ต้องถูกปราบปรามเรียบร้อยลงไปเช่นกัน ผมจะไม่เขียนลงไปว่า เป็นใคร คณะใด หลาย ๆ ท่านก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้ว

ในทำนองเดียวกัน ผู้ที่มีอำนาจในการปกครอง ที่ได้มาด้วยการปฏิวัติ ก็จะต้องรักษาอำนาจนั้นไว้ให้ได้ ด้วยการเข้าคุมขุมกำลังอำนาจไว้ให้ได้ ขุมกำลังอำนาจในที่นี้ก็คือ กำลังกองทัพบก เมื่อคุมกำลังส่วนนี้ไว้ได้เป็นปึกแผ่นแน่นหนาแล้ว กำลังทางฟ้า และทางน้ำ ก็จะเข้ามาพักพิงด้วยเอง ทีนี้ ก็ถึงตอนที่ผู้คุมอำนาจทางบกได้นั้น จะต้องใช้จิตวิทยาผูกใจเอาเองให้แน่นแฟ้นได้ เพื่อไม่ต้องเหนื่อยแรงที่จะต้องระแวงระไวภายหลัง

สมัยที่ จอมพล สฤษดิ์ ปฏิวัติสำเร็จนั้น (กันยายน พ.ศ. 2500) เป็นขณะที่ฝ่ายผู้คุมอำนาจกำลังแตกแยกกันภายในอย่างรุนแรง ต่างฝ่ายต่างคิดระแวงกันเอง และยิ่งกว่านั้น ผู้ปกครองประเทศที่อาศัยกำลัง ทั้งทหารบก และตำรวจซึ่งเกือบจะนับได้ว่า เป็นกองทัพกองทัพหนึ่งอยู่ในขณะนั้น ค้ำจุนอยู่ เกิดความหวาดระแวงว่า ผู้คุมอำนาจทั้งสองขุมนั้น จะคิดทำร้ายต่อตัวเอง จึงต้องคิดที่จะวางแผนยุแหย่ให้ทั้งสองฝ่ายระแวงกันเองไว้ โดยใช้หลักการปกครองแบบนะโปเลียน คือแบ่งแยกและปกครอง (Divide and Rule)

หลักการอันนี้ นะโปเลียนได้ใช้มาตลอดเวลาที่เถลิงอำนาจ จนได้ยึดครองยุโรปเกือบทั่วทวีป และบังเอิญท่านผู้ปกครองประเทศไทยสมัยนั้น ก็เป็นนักเรียนนายทหารปืนใหญ่ฝรั่งเศสเสียด้วย เรียกว่าเป็นลูกศิษย์โดยตรงของสำนัก นะโปเลียน จึงได้ยึดถือหลักการของปรมาจารย์มาใช้

ความผิดพลาดของท่านผู้นั้นในขณะนั้น ทำให้ท่านต้องพ่ายแพ้ และต้องระเห็จออกไปตายนอกประเทศ เมื่อถูกผู้ประกาศว่าจะไม่วัดรอยเท้า ปฏิบัติการวัดรอยเท้าเข้าให้อย่างเต็มร้อย โดยถูกฝ่ายท่านผู้นำต้อนไปเข้ามุม ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ปล่อยหมัดสวนโครมออกมา บังเอิญหมัดที่ปล่อยส่งเดชออกมานั้น ไปโดนปลายคางฝ่ายผู้รุกต้อนมานั้นเข้าเต็มหมัด ฝ่ายที่เป็นผู้กำหนดเกมจึงถึงกับก้นจ้ำเบ้า แผ่สองสลึงไป

บทเรียนอันนี้จึงสอนให้ท่านจอมพล ส. ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท

เมื่อยึดอำนาจได้แล้ว ท่านก็ว่าการทั้งทุกตำแหน่งที่คุมกำลัง คือ ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ อธิบดีกรมตำรวจ เรียกว่า ไม่ปล่อยให้มีรูรั่วแม้แต่รูเดียว นั่นก็คือ การที่ให้ท่านจอมพล ผิน ชุณหวัณ สละตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ให้จอมพล ส. แล้วไปกินตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแต่เพียงตำแหน่งเดียว เพื่อที่จะให้คานตำแหน่งของ พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ ซึ่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น และเป็นกรมตำรวจที่มีพลังแข็งแกร่งขนาดกองทัพ มีทั้งพลร่ม รถเกราะ และอาวุธพิเศษ

การปฏิวัติที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น อ้างกันว่า เป็นการปฏิวัติที่ราษฎรไม่มีความพอใจในผลการเลือกตั้งในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ตั้งชื่อกันไว้ว่า เป็นการเลือกตั้งไม่เรียบร้อย ก็การเลือกตั้งครั้งนั้น มันมีขึ้นตั้งแต่วันที่ ๒๐ กว่า ๆ ของเดือนกุมภาพันธ์ แต่การปฏิวัติมาเกิดเอาวันที่ ๑๗ ของเดือนกันยายน ห่างกันถึง ๗ เดือน และเหตุการณ์ในทางสภาก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก การที่นายทหารวุฒิสมาชิก ๕๒ คนยื่นใบลาออกนั้น ไม่ใช่สาเหตุจากการเลือกตั้งในเดือนกุมภา ฯ มันมาจากสาเหตุอื่น อันเป็นเรื่องส่วนตัวกันมากกว่า

เมื่อท่าน ผบ.ทบ. จะเอาอย่างนั้น พวกใต้บังคับบัญชาทั้งหลายที่เป็นวุฒิสมาชิกก็ต้องเอาด้วย เรื่องมันก็เท่านั้น แต่มาถึงตอนที่จะเกิดการจับตัวคนสำคัญ ในข้อหาอาญานี่ซิ ที่มันเหมือนกับการต้อนให้เข้ามุม ผู้ต้องหาก็ต้องปล่อยหมัดโครมออกมาอย่างว่า และปล่อยออกมาได้จังหวะที่คู่ต่อสู้กำลังแตกคอกันกับพี่เลี้ยง ทั้งพี่เลี้ยงและนักมวยก็เลยต้องตกเวทีไป

เรียกว่า การปฏิวัติครั้งนั้น สำเร็จได้อย่างฟรุ๊ค ๆ หรือจะเป็นเพราะดวงก็ได้

เรื่องนี้เขียนไม่ได้ แต่คุยได้ ถ้าท่านผู้อ่านท่านใด อยากรู้รายละเอียด ก็ขอ (จุดธูป... ธารน้อย) คุยกับผู้เขียนได้

เงื่อนไขในการปฏิวัติครั้งยิ่งใหญ่นี้ จึงมีหลายข้อ ทั้งส่วนตัว ทั้งทางการเมือง ที่แอบเอามาอ้าง และทั้งที่มีเงื่อนไขที่ไม่ได้กำหนด แต่วิ่งเข้ามือมาเอง

ฉะนั้น การที่ใครจะมานั่งสองตำแหน่งที่กำลังพูดกันอยู่ขณะนี้นั้น ก็ต้องคิดให้ดี ยังไง ๆ ก็เอาสองตำแหน่งนี้ไว้ก่อน แต่ถ้าจะต้องเลือกเอาตำแหน่งเดียว ก็ตำแหน่ง ผบ.ทบ. ไว้เถอะครับ มันแข็งปั๋งดี แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง ให้ระวังเงื่อนไขที่จะมาจากภายนอกไว้ให้ดีด้วย มอง ๆ ดูตัวแทนต่างประเทศคนหนึ่ง ที่เข้ามาอยู่เมืองไทยขณะนี้ไว้ให้ดี ๆ ตัวแทนคนนี้มีชื่อในทางตั้งเงื่อนไขมาแล้วจากหลายประเทศที่เขาถูกส่งเข้าไปทำหน้าที่ทางการทูตอยู่ ทุกประเทศที่เขาถูกส่งไปทำหน้าที่ทางการทูตนั้น มักจะเกิดการปฏิวัติขึ้นหลังจากที่เขาได้เข้าไปอยู่ไม่นานเท่าไร และหมู่นี้ เขาก็ไปปรากฏตัวในงานสังคมที่สำคัญ ๆ ของวงการต่าง ๆ บ่อย ๆ เป็นที่สนิทสนมกับบุคคลสำคัญในวงการเมืองหลายท่าน ผมจะไม่บอกละว่าเขาคือใคร

หลังจากเป็นประเทศไทยแล้ว ก็ยังไม่วายที่จะมีเรื่องยุ่งเหยิงทางการเมืองมาตลอด ในยามว่างศึก ยามใดที่ประเทศชาติอยู่ในความสงบ ไม่มีศึกสงคราม เขาก็จะคิดยื้อแย่งอำนาจกัน แย่งกันปกครองบ้านเมืองด้วยเหตุผลต่าง ๆ แล้วแต่จะนำมาอ้าง

ฝ่ายที่ถูกนำมาอ้างมากที่สุดก็คือ ประชาชน ซึ่งเป็นฝ่ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย ไม่ได้เดือดร้อนอะไรไปกับเขาสักนิด ประชาชนคนไทยนั้น มีคุณสมบัติประจำตัวอยู่อย่างหนึ่งก็คือ อะไรก็ได้ ขอให้มีกินมีใช้พอควรแก่อัตภาพ ก็พอใจแล้ว ใครจะมาปกครองบ้านเมืองก็ได้ ไม่สน นี่ผมพูดถึงประชาชนคนเดินดินทั่ว ๆ ไปนะครับ ไม่ได้พูดถึงประชาชนระดับปกครองบ้านเมือง พวกนั้นเขาเป็นประชาชนรุ่นพิเศษ ที่จะต้องวางหลักการสำหรับตัวเองและพรรคพวกให้มั่นคง ที่จะเสวยอำนาจให้ได้นาน ๆ ยิ่งได้อยู่ปกครองบ้านเมืองไปจนถึงแก่หงอม คาเก้าอี้ ก็ยิ่งดี แล้วก็ไม่อยู่เฉย ๆ ยังช่วยกันทำความวุ่นวาย แย่งกันกินโน่นกินนี่ มูมมามกันไปด้วย จนทำให้พวกเดียวกันที่กินไม่ทัน หรือโดนกีดกันไม่ให้กินร่วมด้วย ต้องเกิดความรำคาญ (ก็หิวเป็นเหมือนกันนี่หว่า) ต้องลุกขึ้นออกมาเอ๊กเซอร์ไซส์




Create Date : 27 มีนาคม 2555
Last Update : 27 มีนาคม 2555 0:38:26 น. 3 comments
Counter : 952 Pageviews.

 
ความคิดของท่านผู้เขียนทันสมัยมากครับ ราวกับเรื่องราวและแนวคิดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง


โดย: Insignia_Museum วันที่: 27 มีนาคม 2555 เวลา:22:00:09 น.  

 
คุณพ่อท่านเป็นคนที่มองอะไรไกลมากค่ะ
เช่น ตั้งแต่สมัยที่ลูก ๆ ของท่านยังเรียนหนังสืออยู่ ม. ปลาย ท่านก็จะสังเกตว่า ลูกคนไหนชอบอะไร

ดิฉันชอบวาดรูป ท่านก็เห็นบ่อย ๆ
ท่านก็แนะว่า น่าจะเรียนด้านโฆษณา สมัยนั้น เรื่องพวกนี้ยังไม่เป็นที่นิยม แต่คุณพ่อท่านมองออกแล้วว่า ต่อมา (เห็นแล้วว่าปัจจุบัน) ด้านนี้จะ boom มาก

เพียงแต่เราไม่เรียนตามที่ท่านแนะ ไพร่ไปเรียนสถาปัตยฺ ฯ (แล้วก็ไม่ได้เป็นสถาปนิก) เพราะตอนนั้นอยู่ประเทศ
สวิสฯ กัน เข้าสอบของเขาไม่ทัน เลยไปสอบสถาปัตย์ ฯที่ประเทศฝรั่งเศสแทน ก็เลยหักเหไปอีกทางไปเลย

ถ้าเรียนทางโฆษณา คงจะดี
แต่ หลานตาของท่านก็เรียนมาทางนี้ และประสบความสำเร็จดีค่ะ (แทนแม่อย่างดิฉันไป)



โดย: ธารน้อย วันที่: 28 มีนาคม 2555 เวลา:1:04:56 น.  

 
ขอบคุณมาก..


โดย: ก้นกะลา วันที่: 28 มีนาคม 2555 เวลา:18:46:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.