เขียนระหว่างปี พ.ศ. 2526 - 2528
เมื่อเหตุการณ์เข้าสู่ความสงบเรียบร้อยแล้ว คณะรัฐประหารก็จัดให้มีการเลือกตั้งผู้แทนราษฏรทั่วประเทศ ตามระบอบประชาธิปไตย คณะรัฐประหารเองก็ส่งคนของตัวเข้าชิงชัยในการเลือกตั้งครั้งนั้นเหมือนกัน โดยเฉพาะในกรุงเทพ ฯ และธนบุรี ซึ่งขณะนั้นยังแยกกันเป็นสองจังหวัดอยู่ ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า ในสนามเลือกตั้งในกรุงเทพ ฯ นั้น คณะรัฐประหารได้ส่งบุคคลสำคัญ ๆเข้าสมัครครบถ้วนหกคน ผมจำชื่อไม่ได้ทั้งหมด จำได้สองสามคน มี ร้อยเอก ฉัตร ศรียานนท์ น้องชายของผู้อยู่ในคณะรัฐประหารคนหนึ่งคือ พันเอก เผ่า ศรียานนท์ ซึ่งก็เป็นนายทหารนอกราชการอีกเหมือนกัน เป็นเจ้ากรมเชื้อเพลิงอยู่ และเป็นผู้อำนวยการทรัพย์สินส่วนพระองค์ด้วย
ผู้สมัครผู้แทนฯ ของคณะรัฐประหารทั้งหก ต่างก็ออกหาเสียงเหมือนคณะอื่น ๆ ตั้งชื่อคณะของตนว่า คณะหกแรงแข็งขัน ติดป้ายโปสเตอร์หาเสียงทั่วเมืองกรุง ฯ แล้วก็เลยถูกมือดีมาแก้ข้อความในโปสเตอร์ให้ใหม่เป็น หกแร้งแข้งขน
ในกรุงเทพฯ มีผู้สมัครที่เรียกว่ามีชื่อเสียงในวงการเมืองอยู่สองคน คือ คุณควง อภัยวงศ์ และ คุณวิลาศ โอสถานนท์
ป้ายโฆษณาหาเสียงของคุณควงฯ เขียนไว้ว่า เหล็กวิลาศหรือจะสู้ตะปูควง ผลก็ปรากฏออกมาจริง ๆ ว่า เหล็กวิลาศสู้ตะปูควงไม่ได้ คุณควงฯ ชนะการเลือกตั้งในเขตพระนครจริง ๆ และในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนแรก ก็ได้เป็นผู้จัดตั้งคณะรัฐบาลปกครองตามรัฐธรรมนูญฉบับดั่งเดิม ที่คณะรัฐประหารนำเอาออกมาใช้
นั่นเป็นความผิดพลาดของคณะรัฐประหาร ที่เมื่อได้กระทำการเสี่ยง ทำรัฐประหารแล้ว ไม่ควบคุมอำนาจเสียเอง ปล่อยให้มีการเลือกตั้งเสรี บทเรียนในความผิดพรากครั้งนี้ ทำเอาคณะรัฐประหารต้องนั่งคิดนอนคิดอย่างมาก เมื่อต้องสูญเสียอำนาจทางการเมืองไปให้กับคณะที่ไม่ได้เสี่ยงชีวิตด้วยเลย และบุคคลในคณะที่ได้ร่วมทำงานใหญ่กันมา ก็ไม่ได้มีใครได้เข้าร่วมในคณะรัฐบาลของนายควง อภัยวงศ์ ท่านนายก ฯ ควง ฯ เลือกเอาบุคคลในพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาคุมตำแหน่งในคณะรัฐบาลทั้งหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องถูก เพราะคุณควง ฯ นั้นเป็นนักการเมืองมือเก่า รุ่นท่านจอมพล ป. ทหารนั้น เรื่องเล่นการเมืองย่อมไม่ถนัดเท่านักการเมืองที่แท้จริง
ตัวอธิบดีกรมตำรวจสมัยนั้นจะเป็น พันตำรวจเอก พระรามอินทรา หรือ พันตำรวจเอก พระพิจารณ์พลกิจ ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะยังไม่ได้เข้าไปยุ่งกับคณะรัฐประหาร ไม่ได้เอาใจใส่ แม้จะเป็นตัวนายชั้นสูง
การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยนี่เองได้นำเอาขบวนการคอมมิวนิสต์เข้ามาอยู่ในรัฐสภาไม่น้อย เพราะในสมัยเสรีไทยนั้น พวกที่ร่วมเข้าอยู่ในขบวนการเสรีไทย มีมากที่มาจากภาคอีสาน เพราะแถบนั้นก็จำต้องมีกำลังอันหนาแน่น เพื่อที่จะกันกำลังญี่ปุ่นซึ่งยึดครองอินโดนจีนอยู่ เมื่อสงครามสงบ บุคคลคณะนี้ก็ยังคงมีอาวุธร้าย ๆที่อเมริกันมาส่งไว้ให้มากมาย หมดภาระทางสงครามแล้ว ก็พากันไปตั้งขบวนการอยู่แถบเขาภูพาน แถวตะวันออกเฉียงเหนือ หรือที่เรียกกันว่า อีสาน บุคคลคณะนี่มีรี้พลเป็นหมื่น ที่นับถืออุดมคติสังคมนิยมอย่างแก่
ในการปฏิวัติรัฐประหาร หรือการสงครามทุก ๆ ครั้ง ไม่ว่าจะเกิดในประเทศใด ถ้าท่านได้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง จะพบว่า จะต้องมีขบวนการคอมมิวนิสต์เข้ามาร่วมด้วยทุกครั้ง เพราะหลักการของเขามีอยู่ว่า จะต้องนำขบวนการเข้าแทรกแซงในทุก ๆครั้งที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือการสงคราม เพื่อช่วงชิงเอาอำนาจมาไว้ให้ได้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจ ได้เท่าไหร่ เอาเท่านั้น พยายามแทรกเข้าไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
นี่คืออุดมคติและหลักการของขบวนการของเขา ซึ่งน้อยคนนักจะได้ล่วงรู้ คนที่ได้เคยมีงานเกี่ยวข้อง หรือที่ได้ศึกษาวิธีการและหลักการของเขาเท่านั้น ที่จะรู้และเข้าใจ
ผมบังเอิญได้ทำงานเกี่ยวกับการปราบปราม และได้เคยรู้หลักการอันนี้มาบ้าง เขาจะเข้าแทรกแซงด้วยความร่วมมือกับคณะนั้นก่อน โดยไม่มีอะไรที่จะแสดงให้รู้ว่า เข้ามาอย่างมีจุดมุ่งหมายอย่างอื่น แล้วเขาก็จะค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปทีละน้อย ๆ
หลักการของคอมมิวนิสต์จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขาจะยึดมั่นในหลักการอันนี้อย่างแน่นแฟ้น และทอดสืบเจตนารมณ์กันต่อ ๆ มา ค่อย ๆ รุกคืบไปทีละน้อยเมื่อประสบอุปสรรคเหนือบ่ากว่าแรง เขาก็จะหยุดอยู่กับที่ แล้วจึงค่อย ๆ รุกต่อ จะเห็นได้ว่า ขณะนี้ คอมมิวนิสต์ได้ครอบครองพื้นที่ของโลกไว้ครึ่งหนึ่งแล้ว ไม่นับพื้นที่ที่เป็นน้ำ
ขบวนการที่เรียกว่า แนวร่วมรักชาติ ได้ไปตั้งมั่นอยู่ในเทือกเขาภูพาน และส่งคนเข้าสมัครเข้ารับเลือกตั้งในแถบถิ่นของเขา ได้รับเลือกตั้งเข้ามาอยู่ในสภาผู้แทน ฯไม่น้อยเรียกว่า ทั้งแถบอีสานก็ว่าได้