ที่บนระเบียงด้านนอกซึ่งสร้างใหม่ยื่นออกไปในที่ว่างเปล่า พราน เจนเชิง ซุกตัวของเขาอยู่เงียบ ๆ บนเก้าอี้ประจำโต๊ะตัวหนึ่ง วิสกี้ซึ่งผสมโซดาเย็นเฉียบ กำลังปล่อยฟองเดือดปุด ๆอยู่ในถ้วยแก้วที่ตั้งอยู่ตรงหน้า เขาใช้สายตากวาดไปรอบ ๆ บริเวณของสถานที่ลีลาศ ซึ่งมีผู้มาหย่อนใจนั่งกันเป็นหมู่ ๆ ตามโต๊ะต่าง ๆ เขาหันหน้าไปเรียกบ๋อยประจำโต๊ะ ซึ่งยืนคอยรับใช้อยู่
ไปเรียก มาลี มาหาอั๊วหน่อย
บ๋อยรับใช้ ซึ่งคุ้นหน้ากับพรานดี โค้งรับคำอย่างนอบน้อม แล้วถอยลงบันไดระเบียงไป
ห้านาทีต่อมา มีเสียงรองเท้าผู้หญิงสอยถี่ ๆขึ้นมาตามบันใดซึ่งขึ้นมาสู่ระเบียง หญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีแดงเพลิง ซึ่งรัดรูปทรงอย่างล่อแหลม ปราดเข้ามากอดที่แขนของพรานอย่างสนิทสนม พร้อมกับพูดว่า
วันนี้ ลมอะไรหอบเอานักสืบเอกมาที่นี่ได้ ต๊กกะใจ แทบไม่เชื่อหูตัวเองเลย
พราน หันไปยิ้มเล็กน้อย พลางชี้มือไปที่เก้าอี้ว่างข้าง ๆ
นั่งก่อนซิ มาลี อยากจะคุยอะไรด้วยสักหน่อย
ธุระสำคัญหรือคะ หรือจะให้หนูช่วยสืบอะไรให้ หนูกำลังนั่งโต๊ะเสียด้วยซี มาลีพูด พร้อมกับหย่อนกายลงบนเก้าอี้ที่ พราน ชี้
ไม่มีอะไรหรอก มาลี ขอเวลาสัก ๑๕ นาที ดื่มอะไรสักหน่อยไหม
ม่ายละค่ะ หนูมีแล้วที่โต๊ะของหนู ว่าธุระของคุณไปเถอะ นี่ถ้าไม่มีธุระ ก็คงไม่มีวันได้พบกัน ใช่ไหมคะ
ไม่ใช่เช่นนั้น มาลี คนเราชอบ ๆ กัน จะต้องมีพิธีรีตองอะไรกันใช่ไหม มาลี ต้องการอะไรก็ว่ากันตรงไปตรงมา เขาหยุดพูดชั่วขณะมาลีใช้สายตาค้อนอย่างมีจริตจะก้าน แล้วจึงกล่าวต่อไป
เมื่อคืนนี้ เขาว่าเคราะห์ร้ายหน่อย ไม่ใช่หรือ
กิริยาร่าเริงของมาลีหายไปทันที สายตาของหล่อนหลบลงต่ำอย่างหวาด ๆ ไม่มีคำพูดใด ๆ ผ่านริมฝีปากออกมา
ฉันต้องการรู้เหตุการณ์ที่เธอไปประสบมา เมื่อคืนนี้ พราน พูดต่อไป เมื่อสังเกตเห็นกิริยาของหญิงสาว ไม่ต้องกลัวอะไร มาลี ฉันมานี่ เพื่อจะจัดการกับเจ้าพวกวายร้ายเหล่านั้น
ใครเป็นคนบอกคุณถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ มาลีพูดเสียแผ่ว ๆ โดยไม่เงยหน้า
ช่างมันเถอะ ที่ฉันจะรู้มาได้อย่างไร ว่าแต่เธอต้องการที่จะให้ฉันช่วยเหลือเธอ ช่วยเหลือเพื่อนฝูงของเธออีกหลาย ๆ คน ที่อาจต้องประสบกับชะตากรรมอย่างเดียวกับที่เธอประสบมาแล้วหรือไม่ ถ้าเธอต้องการ และเห็นความตั้งใจดีของฉัน อย่าปิดบังอะไรทั้งหมด
แต่ หนูกลัวค่ะ คุณพราน เสียงที่พูดนั้นสั่นสะท้าน
ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งหมด มาลี ฉันไม่เคยทำอะไรที่เป็นภัยต่อเธอเลยนี่นะ เธอรู้จักฉันดีแล้ว ไม่ใช่หรือ มาลี ความกลัวโดยไม่มีเหตุผลของเธอ จะทำให้คนอื่นต้องลำบากไปอีก อย่าทำใจอ่อนแออย่างคนอื่น มาลีไม่ใช่คนขี้ขลาด ฉันรู้จักเธอดี
ทั้งคู่ต้องนิ่งกันไปชั่วขณะ มาลีใช้สายตาของหล่อนกวาดไปรอบ ๆฟลอร์เต้นรำ มือทั้งสองข้างซึ่งเกาะที่วางแขนเก้าอี้อยู่นั้น สั่นระริกจนเห็นได้ชัด พราน เอื้อมมือไปตบมืออันสั่นเทาของหล่อนเบา ๆเป็นเชิงปลอบโยน ขณะที่สายตาของเขามองติดตามไปทางทิศที่สายตาของมาลีกวาดออกไป
มาลีหยุดสายตาของหล่อนอยู่ที่บนฟลอร์ทางด้านที่ติดกับวงดนตรีชั่วขณะ เมื่อหล่อนเหลือบสายตาขึ้นดูพราน และเห็นเขาใช้สายตาจ้องจับอยู่ที่จุดเดียวกับหล่อน ก็หลบสายตาลงต่ำอย่างมีพิรุธ ซึ่งเป็นขณะเดียวกับที่พรานละสายตาจากจุดนั้น มามองดูหล่อน
พรานหันกลับไปมองที่จุดนั้นอีกครั้งหนึ่ง ที่โต๊ะตัวนั้น มีชายสองคนนั่งอยู่ เขาเริ่มพิจารณาชายทั้งสองนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน คนทั้งสองเป็นชายหนุ่มอยู่ในวัยเดียวกัน แต่งกายเรียบร้อยด้วยเสื้อผ้าตัดเย็บอย่างประณีต มีกิริยาที่สงบเสงี่ยม และท่าทางของคนทั้งสองดูเหมือนกำลังสนใจอยู่ในทำนองของเพลงอันเร่าร้อนนั้น มากกว่าอย่างอื่น พรานคาดคะเนอายุของคนทั้งสอง ซึ่งอยู่ในวัยไล่เลี่ยกันนั้น คงไม่เกิน ๒๕ ปี
เขาหันหน้ามาทางมาลีซึ่งยังคงก้มหน้าอยู่อย่างเข้าใจความหมาย พลางพูดยิ้ม ๆ สองคนนั้นกระมัง มาลี
มาลี มองดู พรานด้วยสายตาอันมีแวววิตกหมดหวัง ก่อนที่จะพยักหน้าช้า ๆ
เธอแน่ใจหรือว่า จำเขาไม่ผิด เขากล้าถึงขนาดนี้เชียวหรือ
มาลี พยักหน้าอย่างมั่นใจ แต่ในสายตาของหล่อน แววแห่งความหวาดกลัวยังไม่หมดไป เขามาที่นี่บ่อย ๆ ค่ะ
พราน ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ซึ่งชี้บอกเวลา ๒๓.๐๐ น. พอดี เขาหันไปดูชายทั้งคู่นั้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพอดีกับคนทั้งคู่กำลังลุกขึ้นจากโต๊ะและชำระเงินให้กับคนรับใช้ และเดินไปยังลิฟต์ที่จะนำลงไปข้างล่าง
พรานหันหน้ามายังมาลี พูดว่า
เล่ารายละเอียดให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม มาลี เมื่อคืนนี้เธอรู้สึกตัวว่าถูกติดตามตอนไหน
มาลีส่ายหน้าอย่างช้า ๆ พลางพูดว่า
หนูไม่รู้ตัวว่าถูกติดตามตั้งแต่ตอนไหน หนูสองคนกับปราณีกำลังนั่งสามล้อจะกลับบ้าน พอลงจากสะพานเหล็กล่าง จะไปทางไปรษณีย์กลาง รถของเขาก็มาเทียบรถสามล้อของหนู แล้วหนูกับปราณีก็ถูกบังคับให้ขึ้นรถ นายสอน คนถีบสามล้อประจำของหนู ถูกตีลงไปสลบอยู่บนถนน ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ หนูยังไม่กล้าไปเยี่ยม
เขาพาเธอกับปราณีไปที่ไหน
บางปูค่ะ
คนสองคนเมื่อตะกี้นี้ มีบทบาทอะไรบ้าง
คนผมหยิก ๆ ที่เดินนำหน้าลงไป เป็นคนลงมือขืนใจหนูก่อนคนอื่น หนูได้ยินพวกเขาเรียกกันว่าพี่ แต่ไม่รู้ชื่ออะไร และเขาเป็นคนเปิดกระเป๋าของหนูและของปราณี เอาเงินไปหมดกระเป๋า ของหนูมีอยู่สักห้าร้อยกว่า ๆ ของปราณีอีกเจ็ดหรือแปดร้อย หนูไม่ทราบ
แล้วเธอกลับมาได้อย่างไร
เขาทิ้งหนูกับปราณีไว้ที่บางปู ส่งเงินให้สิบบาทเป็นค่ารถเมย์กลับในตอนเช้า
เขาใช้รถอะไร จะได้ไหม
รถเก๋งใหญ่ค่ะ สีดำ หนูไม่รู้จักยี่ห้อ และไม่ทันได้ดูเบอร์
พราน นิ่งใช้ความคิดอยู่สักครู่ ครั้นแล้วจึงพูดต่อไป
ขอบใจมาก มาลี ต่อไปนี้ เธอฟังคำสั่งของฉันได้ไหม
หนูนับถือคุณมานานแล้ว บอกมาซิคะ ว่าหนูควรจะทำอย่างไรดี
พราน ยิ้มเล็กน้อย เขาล้วงกระเป๋า หยิบซองธนบัตรขึ้นมาเปิด และดึงเงินในกระเป๋าออกมา จับมือข้างหนึ่งของมาลีหงายขึ้น และกำธนบัตรวางลงไปบนมือนั้น
นี่เป็นค่าป่วยการของเธอ มาลี ห้าร้อยบาท เธอจะต้องหยุดทำงานสัก ๓ - ๔ วัน จนกว่าฉันจะให้เธอมาทำงานได้ และระหว่างนี้ อย่าได้ออกจากบ้านไปไหนเป็นอันขาด เข้าใจไหม
มาลีพยักหน้า สายตาของหล่อนจับอยู่ที่พรานอย่างวิงวอน
สำหรับคืนนี้ พรานพูดต่อไป ฉันจะไปส่งเธอกลับบ้าน เธอกลับไปที่โต๊ะของเธอได้แล้ว เลิกงานแล้ว พบกันชั้นล่าง ไม่ต้องตกใจ มาลี ถ้าเธอทำตามคำสั่งของฉันทุกสิ่งทุกอย่างจะเรียบร้อย
มาลีสอดธนบัตรลงไปในอกเสื้อ แล้วลุกขึ้นอย่างแช่มช้า
พราน เจนเชิงมาพบมาลีอีกครั้งหนึ่งที่หน้าสถานลีลาศหยาดฟ้า เมื่อหลังสองยามแล้ว เขาพาหล่อนเดินไปยังรถของเขา ซึ่งจอดอยู่คนละฟากถนน
ขณะที่เขาเปิดประตูรถและก้าวเท้าจะเข้าที่นั่งคนขับ เขาเห็นกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งเสียบอยู่ที่พวงมาลัย พรานหยิบมันขึ้นอ่านกับแสงไฟข้างถนน เขาพบข้อความซึ่งเขียนด้วยลายมือเรียบ ๆ
พราน เจนเชิง
คุณออกจะยุ่งกับเรื่องซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของคุณมากไปเสียแล้ว
หลีกทางไปจะดีกว่า
ผู้หวังดี
มาลีหันหน้ามาถาม ขณะกำลังหย่อนกายลงจะนั่ง
กระดาษอะไรคะ
พรานหัวเราะอย่างกร้าว ๆ ในลำคอ เขาขยี้กระดาษนั้นเป็นก้อน แล้วยัดใส่ในกระเป๋าเสื้อ ไม่ได้ตอบคำถามของมาลีแต่ประการใด