เงื่อนไขการปฏิวัติ - บทที่ 1 ก้าวแรกของการปฏิวัติ (ตอนที่ 4)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
เขียนระหว่างปี พ.ศ. 2526 - 2528
บทที่ 1 ก้าวแรกของการปฏิวัติ (ตอนที่ 4)
ผมได้มาเข้าเรียนที่สวนกุหลาบสมความตั้งใจ แต่ไปเข้าเอาเทอมที่สอง เพราะตอนนั้น โรงเรียนต่างก็ปิดเทอมที่หนึ่งไปแล้ว เพิ่งจะเปิดเรียนเทอมที่สอง ผมไปต่อชั้น ม.๔ ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ยังงั้นเอง และข้อสำคัญ ก่อนที่จะออกไปจากเซ็นต์คาเบรียลนั้น ผมเรียนภาษาฝรั่งเศสอยู่เป็นภาษาประจำชั้น ที่สวนกุหลาบนั้นมีภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ผมก็เลยต้องไปเรียนพิเศษที่โรงเรียนกลางคืนแถว ๆ สะพายเสี้ยว คือ โรงเรียนบำรุงวิทยา เพื่อที่จะกวดภาษาอังกฤษให้ทันเพื่อน ๆ ร่วมชั้น
ภาษาฝรั่งเศสนั้นเป็นแม่ของภาษาก็ว่าได้ เพราะใกล้เคียงกับภาษาลาติน มาก ฉะนั้น การกวดวิชาของผมจึงไม่ยากอะไร เพียงชั่วเวลาสอง-สามเดือน ผมก็เรียนทันพวกเพื่อน ๆ ร่วมชั้นได้
การเรียนภาษาฝรั่งเศสมาก่อนนั้น ช่วยได้มากในทางภาษา เพราะภาษาฝรั่งเศสมีการออกเสียงที่ยาก ถ้าไม่ได้เรียนรู้มาก่อน จะทำเสียงอย่างถูกต้องไม่ได้ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าได้เรียนภาษาฝรั่งเศสมาก่อน แล้วมาเปลี่ยนเป็นอังกฤษ การออกเสียงให้ถูกต้องนั้นไม่ยากเลย และแทบจะพูดได้ว่า เมื่อเรียนภาษาฝรั่งเศสมาก่อน แล้วมาเปลี่ยนเป็นเรียนภาษาฝรั่งอะไรก็ได้ จะออกเสียงได้ถูกต้องทุกภาษาโดยไม่แปร่ง แต่มันก็ได้เฉพาะภาษาที่เป็นภาษาที่มีรกรากมาจากลาตินเท่านั้น เช่น อังกฤษ อิตาเลี่ยน เยอรมัน ฯลฯ แต่ภาษาไทยยิ่งใหญ่กว่า คนไทยจะพูดภาษาทุกภาษาในโลกได้ชัดหมด เพราะภาษาไทยของเรามีอักษรและวรรณยุกต์ครบถ้วนทุกเสียง ตลอดจน อักขระ พยัญชนะ ที่จะสะกดเขียนเป็นภาษาอะไรก็ได้ทุกภาษาในโลก ที่จะให้ออกเสียงเป็นภาษาไทยได้ แต่คนในชาติอื่น ๆ จะมาพูดหรือเขียนไทยให้ชัดเจนในภาษาของเขานั้นไม่ได้
ก็ลองให้ฝรั่งพูดประโยค ใครขายไข่ไก่ ให้ได้ชัด ๆ บ้างซี เอากันแค่ประโยคเดียวนี่แหละ
ผมมาเจอการปฏิวัติเข้าอีกเมื่ออยู่สวนกุหลาบ คราวนี้ พระองค์เจ้าบวรเดช คุมกำลังเข้ายึดเมืองต่าง ๆ ทางหัวเมืองภาคเหนือและภาคอีสานบางส่วน ตีตะลุยเข้ามาถึงชานเมืองแค่บางเขนนี่เอง บางเขนสมัยนั้นนับว่ายังเป็นชานเมือง มีแต่ทุ่งนา บ้านเรือนยังไม่แน่นหนาอย่างเดี๋ยวนี้
กำลังของพระองค์เจ้าบวรเดช ยึดมั่นอยู่ที่นั่น แล้วยื่นคำขาดให้รัฐบาลยอมแพ้ มิฉะนั้น จะยกพลเข้าเมือง
ขณะนั้น พระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ยอมแพ้ สั่งต่อสู้ ยกกำลังออกไปโจมตีกำลังของฝ่ายปฏิวัติ มีนักบินจากดอนเมือง แอบเอาเครื่องบิน บินหนีมาอยู่กับฝ่ายรัฐบาลหลายเครื่อง มาจอดอยู่ที่สนามหลวง
สมัยนั้น ถนนราชดำเนินขนาดนี้ก็ยังเอาเครื่องบินลงได้ เป็นรันเวย์ได้สบาย แล้วก็เอาไปจอดไว้ที่สนามหลวง พวกผมถูกเกณฑ์ไปเป็นยามเฝ้าเครื่องบินเหล่านี้ที่ท้องสนามหลวง ในเครื่องแบบลูกเสือ ผมก็โดนกับเขาด้วย ไปกินนอนที่นั่น เฝ้าเครื่องบินให้รัฐบาล
ผลของการต่อสู้ครั้งนั้น ฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช สู้ไม่ได้ ถูกกำลังฝ่ายรัฐบาลตีโต้แตกกลับไป ตัวแม่ทัพนายกองต่างก็หนีกันไปหมด เมื่อตกเป็นฝ่ายแพ้ ก็ได้ชื่อว่าเป็น กบฏ
เงื่อนไขการปฏิวัติทุกครั้งจะต้องมี และมีแตกต่างกับไปแต่ละคณะ
เมื่อคณะราษฏร์ ฯ เปลี่ยนแปลงการปกครองสำเร็จครั้งนั้น ก็เพราะมีเงื่อนไขต้องการให้อำนาจการปกครองอยู่ในมือของประชาชนบ้าง ไม่ใช่มีแต่พวกเจ้านายเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ที่เป็นเสนาบดีได้ฝ่ายเดียว เมื่อได้อำนาจมาอยู่ในมือแล้ว พวกเจ้านายต้องหนีไปต่างประเทศ
อำนาจที่ว่านั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะตกอยู่ในมือประชาชน ก็ต้องอยู่ในมือพวกพ้องเดียวกัน คนที่ถูกเชิญให้มาเชิดให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก คือ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา นั้น เป็นแต่เพียงหุ่นเชิดชั่วคราว พอขัดใจเข้า คณะราษฏร์ ฯ ก็เชิญให้ออกไปเสียดี ๆ ท่านเจ้าคุณมโน ฯ ก็ต้องลงจากเก้าอี้นายก ฯ ตามคำเชิญ
พระยาพหล ฯ ขึ้นครองตำแหน่งแทน เพราะท่านเป็นหัวหน้าคณะราษฏร์ ฯ ตัวจริง ที่เสี่ยงชีวิตเอาคอไปพาดเขียง ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ถ้าแพ้ ก็ต้องถูกเรียกว่า กบฏ แน่นอน ฉะนั้น เรื่องอะไรที่จะให้คนอื่นมามีอำนาจ ดีไม่ดี อำนาจที่มอบให้นั้น อาจจะกลับมาเชือดคอตัวเองและพรรคพวกเข้าให้ก็ได้
อันนี้ย่อมเป็นสัจธรรมข้อสำคัญของคณะที่ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือทำการปฏิวัติรัฐประหาร ที่จะต้องยึดถืออย่างเหนียวแน่น เป็นสัจธรรมที่จะต้องยึดถือไว้ เพราะเมื่อฆ่าระบบของผู้อื่นลงไปได้แล้ว เหตุใดจึงจะยื่นดาบให้ไปอยู่ในมือของคนอื่น ตัวต้องถือดาบนั้นไว้ในมือเอง
สัจธรรมข้อนี้ ได้ปรากฏให้เห็นมาแล้วในประวัติศาสตร์ทุกยุคทุกสมัย
Create Date : 19 มีนาคม 2555 |
Last Update : 26 มีนาคม 2555 2:54:35 น. |
|
2 comments
|
Counter : 718 Pageviews. |
|
|
|