จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
 
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
28 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
เงื่อนไขการปฏิวัตื - บทที่ 2 รอยเท้าที่ทิ้งไว้ (ตอนที่ 6)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

เขียนระหว่างปี พ.ศ. 2526 - 2528

บทที่ 2 รอยเท้าที่ทิ้งไว้
ตอนที่ 6


เริ่มเมื่อคณะราษฎร์ ฯ ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๕ เราได้พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ขึ้นมานั่งแป้น นายกรัฐมนตรี เป็นคนแรก

นั่นก็ถูกยกขึ้นมาให้นั่งชั่วคราว เพราะพวกที่ทำการเปลี่ยนแปลงยังเหนียม ๆ อยู่ จะขึ้นมานั่งเองก็กระดาก ให้ผู้ที่ไม่รู้เรื่องที่พอจะมีคนเคารพนับถือ ขึ้นมานั่งไปก่อน แล้วจึงค่อยหาเรื่องมาเชิญให้ลงมาดี ๆ ในเวลาอันสมควร ทีนี้ก็ขึ้นไปนั่งเองได้ ไม่ต้องกระดาก

พออยู่ ๆไป ความที่ต้องการจะปกครองบ้านเมืองให้เป็นไปตามทำนองคลองธรรม สมกับที่ได้กล่าวอ้างเอาไว้ในเงื่อนไขครั้งแรก ก็ต้องขัดใจกับเพื่อนฝูง ที่อยากได้ไอ้โน่นไอ้นี่ แล้วไอ้เพื่อนฝูงคนนั้น มันก็ดันเป็นคนที่ได้มอบอำนาจไว้ให้อย่างกว้างขวางเสียด้วย มันขออะไรก็ไม่ให้สักที มันก็มาสะกิดให้ลงจากเก้าอี้เสียดี ๆ จะไม่ลง มันก็จะเล่นงานเอา ก็เหมือนกับที่ตัวเองได้เคยสะกิดให้เจ้าคุณมโน ฯ ลงมานั่นแหละ ก็ต้องลงมาดี ๆ เหมือนกัน

คนที่เข้าไปสะกิดให้ก็คือ ลูกน้องเก่าที่เคยปกครองมา และให้เป็นผู้คุมกำลังไปปราบขบถ บวรเดช ที่ยกกำลังทหารจากโคราชมายึดอำนาจจากคณะราษฎร์ ฯ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ปีนั้นได้เกิดการสู้รบกันอย่างหนัก

พระองค์เจ้าบวรเดช ซึ่งเคยทรงเป็นผู้บังคับหน่วยทหารมาเก่า ก่อนที่จะโดนยึดอำนาจ นำกำลังทหารจากทางอีสาน รวบรวมกำลังส่วนมาก มาตั้งหลักที่โคราช แล้วนำกำลังยึดเมืองดะลงมาจนถึงดอนเมืองนี่เอง หยุดอยู่ที่นั่น แล้วทรงยื่นคำขาดให้ฝ่ายรัฐบาลยอมแพ้เสียดี ๆ มิฉะนั้น จะเดินทัพเข้าพระนคร เข้ามาจัดการเด็ดขาด

ฝ่ายคณะทหารในกรุงก็ไม่ยอมแพ้ต่อคำขาดนั้น ถึงแม้ศึกจะเข้ามาจ่อคอหอยแล้ว

สมัยนั้น ดอนเมืองยังถือว่าเป็นชานเมือง ยังไม่มีถนนหนทางไปมาได้สะดวกอย่างสมัยนี้ มีทางรถไฟทางเดียวที่ใช้ไปมาอยู่ห่างกันเพียง ยี่สิบกว่ากิโลเมตรเท่านั้น ก็ยังยิงปืนใหญ่ไม่ถึง ถ้าถึงก็คงจะย่อยยับกันไปแล้ว

ทางในกรุง ส่งกำลังไปทางรถไฟ หมายขยี้กำลังฝ่ายกบฏ ฝ่ายกบฏก็ใช้รถไฟบรรทุกดินระเบิด มีคนขับรถไฟบังคับรถให้พุ่งเข้าชนกำลังของฝ่ายรัฐบาล ที่ขนมาบนรถไฟเส้นทางเดียวกัน สมัยนั้นเรียกกันว่า ตอร์ปีโดบก ชนกันวินาศ ขบวนทหารต้องโดดรถไฟกัน เพราะฝ่ายกบฏเอาจริง เล่นใช้เตอร์ปีโดบกเข้าชน ตายกันไปหลายคน

ผลสุดท้าย ฝ่ายรัฐบาลชนะ ฝ่ายกบฏต้องล่าถอยไป

ตีมาจนถึงชานเมืองแล้วยังแพ้ได้ ที่แพ้ก็เพราะขาดการควบคุมกำลังที่ยึดไว้ได้ไม่มั่นคงพอ มีนักบินจากดอนเมือง นำเอาเครื่องบินขึ้นมาสวามิภักดิ์กับฝ่ายรัฐบาลหลายเครื่อง

สมัยนั้น เครื่องบินที่เรียกว่า ทันสมัยที่สุด มีชื่อว่า เบรเกต์ เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดและตรวจการณ์ ฝ่ายกบฏใช้เครื่องบินชนิดนั้น บินเข้ามาโปรยใบปลิว เรียกร้องให้ฝ่ายรัฐบาลยอมแพ้ และยุให้ราษฎรร่วมมือกันขับไล่รัฐบาล

มีลำหนึ่ง บินเพลินไปหน่อย เกิดน้ำมันหมด ต้องร่อนลงกลางทุ่งนา เลยถูกฝ่ายรัฐบาลจับได้ ยังงี้ก็มี

เครื่องบิน เบรเกต์ นี้ ก็ว่าทันสมัยแล้ว แต่ว่า ดูมันออกจะเยื้องย่างอยู่บนท้องฟ้านานจริง ๆ ผมเคยได้ยินเสียงเครื่องบินชนิดนี้บินอยู่บนหัว เกิดปวดท้องเบา เข้าห้องน้ำไปปล่อยทุกข์เบาเรียบร้อยไปแล้ว ออกมาแหงนหน้าดูบนฟ้า มันก็ยังไม่ไปไกลเท่าไหร่ ยังเห็นลอยอยู่นั่นเอง

เครื่องบินสมัยนั้น ตอนที่นักบินแอบบินเข้ามาสวามิภักดิ์นั้น เขาขับเครื่องบินมาร่อนลงบนถนนราชดำเนิน ข้างสนามหลวงได้สบาย ๆ ถนนสายนั้นใช้เป็นรันเวย์ได้สบายมาก แล้วก็เอามาจอดไว้ในสนามหลวงเป็นแถว ก็เห็นจะสักสิบลำได้ ก็หมดกองทัพอากาศแล้ว เขาใช้ลูกเสือเป็นยามรักษาการณ์

รัฐบาลเรียกสมัครลูกเสืออาสาช่วยรัฐบาลรบกับพวกกบฏ พวกที่โต ๆ หน่อย เขาก็สั่งออกไปแนวหน้า แนวหน้าที่ว่านี้ก็คือ ที่ดอนเมืองนั่นแหละ ไปช่วยทหารรบพวกกบฏ พวกเด็ก ๆ หน่อยก็ใช้ให้ไปรักษาเครื่องบินที่สนามหลวง หรือรักษาการณ์ในกรุงตามจุดสำคัญ ผมเองก็สมัครไปกับเขาเหมือนกัน ตอนนั้นยังเล็ก ๆ อยู่ อายุสิบสาม สิบสี่ เท่านั้น เขาให้ไปยืนรักษาเครื่องบินที่สนามหลวง โก้เหมือนกัน ผมยังได้เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ มาเหรียญหนึ่งกับเขาด้วย ยังเก็บอยู่จนบัดนี้ ใครอยากเห็นมาขอดูได้ เหมือนไปออกแนวหน้ามากับเขาด้วยเช่นกัน

พวกที่โต ๆ ที่เขาออกแนวหน้า เขาได้เหรียญแบบเดียวกัน แต่ทางโรงเรียนสวนกุหลาบมีรางวัลพิเศษให้ โดยให้จารึกชื่อไว้บนแผ่นทองของโรงเรียน

แผ่นทองนี้ใช้สลักชื่อนักเรียนที่ทำคุณความดีเป็นเยี่ยม เช่น พวกที่สอบได้ทุนหลวงไปเรียนเมืองนอก หรือ พวกที่ทำอะไรที่เห็นคุณความดีเด่น ๆ มีนักเรียนที่ได้สลักชื่อบนแผ่นทองนี้ไม่กี่คน

นอกจากนั้นแล้ว ทางโรงเรียนยังมีแผ่นหนังหมา เอาไว้สักชื่อนักเรียนที่ประพฤติตัวเลวทราม และนำความเสื่อมเสียมาสู่โรงเรียนอย่างร้ายแรง แผ่นหนังหมานี้ก็ไม่ค่อยมีชื่อใครสลักสักกี่คนนัก

ป้ายทั้งแผ่นทองและหนังหมานี้ ทางโรงเรียนติดเอาไว้ในห้องสมุด ให้เห็นกันชัด ๆ

ที่น่าเอามาเขียนก็คือ พวกนักเรียนโต ๆ ที่สมัครไปแนวหน้าจนได้สลักชื่อบนแผ่นทองนั้น มีอยู่สองสามคนที่ได้สลักชื่อในหนังหมาด้วย

หลังจากที่ได้ไปรบมาแล้วจนได้มีชื่อในแผ่นทอง วันหนึ่ง เกิดพากันไปมุดรั้วโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนผู้หญิง เพื่อเข้าไปแอบดูนักเรียนหญิงอาบน้ำ ไปทำยังไงเข้าก็ไม่รู้ ทางโรงเรียนวัฒนา ฯ จับตัวได้ เลยได้เกียรติสลักชื่อในหนังหมา

แผ่นทองและหนังหมานี้แขวนอยู่ใกล้ ๆ กัน นักเรียนที่เข้าห้องสมุดก็ได้อ่านชื่อพวกฮีโร่พวกนั้น ทั้งบนแผ่นทองและบนหนังหมา โก้ไปอีกแบบหนึ่ง

ก็นอกเรื่องไปหน่อย แต่มันเกี่ยวกับการปราบกบฏครั้งปี พ.ศ. ๒๔๗๖ อยู่เหมือนกัน ที่เรียกว่า ทำทั้งคุณงามความดีแล้ว ก็ทำเลวก็ได้

นายทหารคนสำคัญฝ่ายรัฐบาลที่คุมกำลังไปพิชิตศึกกบฏครั้งนั้น ชื่อ พันตรี หลวงพิบูลสงคราม

ชื่อนี้ จำไว้ให้ดี ๆ คุณๆ จะได้เห็นชื่อของเขาบ่อยในข้อเขียนตอนต่อๆ ไปของผม และเขาเป็นนายทหารก้นกุฏิของพระยาพหล ฯ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น

ชัยชนะของฝ่ายรัฐบาลในการปราบกบฏครั้งนั้น ทำให้เราได้มีอนุสาวรีย์ขึ้นมาอีกแห่งหนึ่ง ที่ยังยืนเด่นให้เห็นอยู่ที่ แยกบางเขนขณะนี้ เรียกว่า อนุสาวรีย์ปราบกบฏ

แรก ๆ ก็มีการวางพวงมาลากัน เมื่อถึงวันครบรอบปีในการรับชัยชนะครั้งนั้น แต่ปัจจุบันถูกลืมเสียแล้ว อนุสาวรีย์นั้นยืนอยู่โดดเดี่ยว ไม่มีความหมาย เพราะคณะบุคคลที่ทำให้เกิดความสำคัญ ต่างก็ร่วงโรย ล้มหายตายจากกันไปแทบหมดสิ้นแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ ก็ได้แต่ระลึกถึงความหลังครั้งนั้นไปเฉย ๆ เดียวดาย

อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่ยืนเด่นอยู่กลางถนนราชดำเนินนั้น แห่งเดียวที่ยังคงยืนเป็นที่ระลึกของการเปลี่ยนแปลงการปกครองอยู่ได้ เพราะใหญ่โตอยู่กลางแยกถนน ถึงวันที่ระลึกในปีหนึ่ง ก็ยังมีบุคคลในคณะที่ทำการเสี่ยงคอขาดในครั้งนั้น พากันมาวางพวงมาลาครั้งหนึ่ง แต่ก็มีอยู่ไม่กี่คนแล้ว ร่วงหล่นกันไปเป็นแถว ๆ เมื่อหมดสิ้นบุคคลในคณะนี้หมดแล้ว อนุสาวรีย์แห่งนี้ก็คงจะต้องยืนอยู่เดียวดายเช่นกัน

มีบางคนกล่าวไว้อย่างคมคายว่า การสร้างอนุสาวรีย์นั้น เขานิยมสร้างให้กับบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว หรือเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นล้มหายตายจากไปแล้ว ฉะนั้น อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนี้ เขาจะสร้างขึ้นมาสำหรับเป็นที่ระลึกของประชาธิปไตยที่ล้มหายตายจากไปแล้วก็เป็นได้ เป็นการบอกใบ้ของคณะบุคคลผู้สร้างอนุสาวรีย์นี้ขึ้นมา

เอ๊ะ ... เข้าที หรือใครจะเถียงว่า เวลานี้ ประชาธิปไตยยังคงอยู่ ก็แล้วแต่ ...




Create Date : 28 มีนาคม 2555
Last Update : 28 มีนาคม 2555 1:24:34 น. 2 comments
Counter : 944 Pageviews.

 
ขอบคุณมาก..


โดย: ก้นกะลา วันที่: 28 มีนาคม 2555 เวลา:18:52:07 น.  

 
อ่านสนุกทุกตอนครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 28 มีนาคม 2555 เวลา:23:16:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.