เงื่อนไขการปฏิวัติ - บทที่ 1 ก้าวแรกของการปฏิวัติ (ตอนที่ 5)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ
เขียนระหว่างปี พ.ศ. 2526 - 2528
บทที่ 1 ก้าวแรกของการปฏิวัติ (ตอนที่ 5)
สัจธรรมอีกข้อหนึ่งก็คือ การปกครองบ้านเมืองที่ได้มาจากการใช้กำลัง จะต้องมีกำลังอยู่ในมือ เพื่อที่จะรักษาอำนาจที่ได้มานั้นไว้ให้ยืนยง ฉะนั้น คณะผู้ปกครองประเทศ ที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหารนั้น จำจะต้องมีฐานแห่งอำนาจไว้ในมือ ฐานที่ว่านี้ก็คือ กำลังทหาร และต้องมีอำนาจในการใช้กำลังนั้นเด็ดขาด และกำลังทหารนี้ก็ย่อมต้องหมายถึง กำลังทหารบก
กำลังทหารบก ที่สำคัญที่สุดก็คือ กำลังทหารราบ คือ ทหารเดินดินนี่แหละครับ เพราะกำลังทหารเหล่านี้ ใช้ในการยึดพื้นที่ได้มั่นคง ในทางยุทธวิธี เขาสอนไว้ว่า ทหารราบ คือ เหล่าหลักในการรบ
ทหารเหล่าอื่น ๆ นั้น ยึดพื้นที่ไม่ได้ ไม่มีสมรรถนะในการยึดพื้นที่
ทหารเรือนั้น ก็ได้แต่อยู่ในเรือในน้ำ ที่เดี๋ยวนี้ ได้เกิดมีกำลังหน่วยนาวิกโยธินขึ้นมานั้น ก็ด้วยการสำนึกในหลักอันนี้
ทหารอากาศตั้งหน่วยอากาศโยธิน ขึ้นมาก็ด้วยความสำนึกในหลักยุทธวิธีข้อนี้เช่นกัน ถ้ามิฉะนั้นแล้ว ทหารเรือก็จะต้องอยู่แต่บนเรือในน้ำ และทหารอากาศก็จะบินอยู่แต่บนท้องฟ้า ถูกยึดสนามบินได้เมื่อไร ก็ไม่มีทางที่จะลงมาได้ แล้วเรื่องที่จะบินอยู่ในอากาศนาน ๆ นั้น เดี๋ยวก็หล่นลงมาเอง ฉะนั้น หน่วยนาวิกโยธินก็ดี หน่วยอากาศโยธินก็ดี นั่นก็คือ หน่วยทหารราบของแต่ละกองทัพนั่นเอง เอาไว้เพื่อที่จะจัดที่ทางบนพื้นดินให้พวกได้ใช้ ให้ทหารเรือขึ้นบกได้ และให้ทหารอากาศมีทางลงมาบนดินได้ เท่านั้นเอง แต่จะมีกำลังเป็นปึกแผ่นอย่างทหารบกเขานั้น ไม่ได้ มันมากไป
ฉะนั้น ผู้ที่จะทำการปฏิวัติ ก็จะต้องมีกำลังทหารราบไว้ในกำมือเป็นปึกแผ่น ใครต่อใครต่างกลัวกันนัก ถึงเรื่องที่รถถังจะเคลื่อนออกมา
รถถัง ไม่ใช่เครื่องมือที่น่ากลัวอะไรเลย ถ้ารู้ถึงสมรรถนะของมัน
รถถังนั้น ป้องกันตัวเองไม่ได้ มีเกราะกำบังแน่นหนา สามารถที่จะบุกบั่นไปไหน ๆ ได้ โดยมีเกราะป้องกันก็จริง แต่ความสามารถนั้นมีจำกัด พลประจำรถอยู่ได้แต่ในตัวรถ ออกมาเมื่อไรก็โดนกระสุน ฉะนั้น รถถังจึงต้องมีทหารราบคุ้มกัน ในขณะทำการรบ และใช้เป็นตัวนำ ทหารราบเข้ายึดพื้นที่ โดยเป็นเกราะกำบังให้ ในขณะเคลื่อนที่ ก็เท่านั้น
การปฏิวัติทุกครั้ง ภาษาทหารเขาเรียกว่า จะต้องมีเงื่อนไข
คำว่า เงื่อนไข นี้ ก็แปลเป็นภาษาพลเรือนเรา ๆ ว่า เหตุผล นั่นเอง คือ จะต้องมีข้ออ้างว่า ที่ต้องทำการปฏิวัติรัฐประหารครั้งนั้น ๆ เพราะมีเหตุผลอะไร เช่น อ้างว่า ราษฎรเดือดร้อนอดอยาก เพราะผู้ปกครองประเทศมัวแต่กอบโกยยังงี้ หรือ อ้างว่า ประชาชนทำมาหากินไม่ได้โดยเสรี เพราะผู้ปกครองประเทศสมัยนั้น ๆ ต่างเอาพรรคพวกเข้าไปแย่งการทำมาหากินเสียหมด และยังมีอีกหลายเงื่อนไข ที่แล้วแต่จะคิดออก แต่ความเป็นจริงแล้ว ประชาชนไม่ค่อยจะรับรู้จริง ๆ เท่าไร ก็เห็นจะเป็นเพียงพวกประชาชนที่มีรถถัง มีปืน อยู่ในมือนั่นแหละครับ ที่เดือดร้อนเอง
เดือดร้อน เพราะ ... เอ๊ะ ... พวกกูชักจะถูกบีบคั้นมากไปเสียแล้ว ถ้าปล่อยให้เขาบีบเอา ๆ บีบเอาจนหน้าเขียว เห็นทีจะไปไม่รอด ต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่จะรักษาสถานการณ์ของตัวเองให้คงอยู่ได้ เรากำลังมีอำนาจ มีอาวุธ มีกำลังในมือ นี่หว่า ... ปฏิวัติซีวะ ... ก็เท่านี้แหละครับ
ประชาชนอยู่เฉย ๆ ไม่รู้เรื่อง ก็โดนจับเอาชื่อไปอ้าง
ใครก็ไม่ทราบ ความจริงทราบดี แต่ก็บอกว่า ไม่ทราบ ก็พูดเข้าหูอยู่ไม่กี่วันมานี้ว่า
ผมออกความคิดและพูดในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ทหารก็คือประชาชน ประชาชนก็ต้องมาเป็นทหาร มันแยกกันไม่ออก ทำไมผมจะพูดบ้างไม่ได้ว่า ผมจะออก เอ๊กเซอร์ไซส์
ครับ - - อันนี้ ผมพูด ผมทราบดีครับ แต่ประชาชนอย่างผมจะออกเอ๊กเซอร์ไซส์มั่ง มันออกไม่ได้
ผมจะไม่บอกว่า ทำไมผมถึงออก เอ๊กเซอร์ไซส์ไม่ได้
บางคนเคยมีอำนาจในมือมากหลาย อยู่ ๆ ก็มีพวกอื่นมาตั้งบังคับให้อำนาจนั้นค่อย ๆ หดลงไป ความที่มันมีอำนาจเสียจนเคยตัว พอเห็นว่าจะต้องค่อย ๆ เสียอำนาจลงไป เพราะคนพวกนั้นวางแผนการ ก็จำเป็นอยู่เองที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อที่จะยับยั้งแผนการของพวกนั้น อะไรก็ไม่ดีเท่าการยึดอำนาจ หรือที่เรียกกันพื้น ๆ ว่า ปฏิวัติ
บางคนก็เผลอหลุดปากออกมาว่า จะสนับสนุนคนนั้นคนนี้แต่ผู้เดียว เพื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีตลอดกาล ทำยังกับว่า เมืองไทยนี้ ไม่มีใครดีเท่า หรือดีกว่า บุคคลคนนั้นอีกแล้ว หรือไม่ยังงั้น ก็เผลอคิดไปว่า เมืองไทยนี้เป็นของกู หรือพวกกูแต่ผู้เดียว เฮ้อ ... เขียนแล้วเหนื่อย
พอท่านรู้สึกตัวว่า ท่านเพ้อเจ้อมากไปหน่อย ท่านก็ตะเบ็งเสียออกมาว่า ผมหยุดแล้ว ทำไมคุณไม่หยุด
ฮี่ธ่อ .. ก็เล่นเตะตูดผมป้าบใหญ่ แล้วบอกว่า ผมหยุดเตะแล้ว ทำไมคุณยังง้างตีนอยู่อีก มันจะถูกหรือครับ แล้วถ้าผมจะง้างเท้ามั่ง จะเป็นเงื่อนไขที่จะต้องปฏิวัติไหมครับ ผมขอถามหน่อย
แล้วทำไมต้องเอาวจีของพระพุทธเจ้าท่านมาอ้าง จะซวยนะครับ
เรื่องนี้ยังไม่จบง่าย ๆ เพราะผมตั้งใจที่จะเขียน เงื่อนไขการปฏิวัติให้หมดเปลือก และในช่วงชีวิตของผม ผมได้พบกับการปฏิวัติรัฐประหารมาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้ง มีสิ่งที่น่าเรียนรู้ทั้งนั้น
-จบบทที่ 1 -
Create Date : 20 มีนาคม 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 26 มีนาคม 2555 2:55:15 น. |
Counter : 746 Pageviews. |
|
|
|