จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
 
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
21 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 

เงื่อนไขการปฏิวัติ - บทที่ 2 รอยเท้าที่ทิ้งไว้ (ตอนที่ 1)

โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ

เขียนระหว่างปี พ.ศ. 2526 - 2528

บทที่ 2 รอยเท้าที่ทิ้งไว้
ตอนที่ 1


ผมเขียน เงื่อนไขการปฏิวัติ ตอนที่หนึ่งไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มกราคม ต้นปีนี้ (2526)

ไม่ตั้งใจที่จะเขียนให้ดุเดือดเผ็ดมันอะไรนักหรอกครับ เขียนไปตามเนื้อผ้าที่ได้พบประสบมา ที่ว่าได้พบมานี้ ไม่ใช่ว่า ผมได้ไปพบคุณหมอประสพ นายแพทย์ทางโรคประสาท มาก่อนที่จะมานั่งเขียน ผมหมาย ความว่า เป็นการที่ผมได้พบเห็นมากับตัวเอง ซึ่งภาษาไทยเราเขียนกันสั้น ๆ ว่า 'ประสบ ’ เป็นกิริยา

ส่วนคำนามนั้น เรียกว่า ประสบการณ์ ฉะนั้น ขอได้โปรดเข้าใจตามนี้ คุณหมอ ประสบ รัตนากร ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบทความนี้ ทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลัง หรือเบื้องบน เบื้องล่าง แต่อย่างใด

ตอนที่แล้ว ผมเขียนมาถึงตอนที่พวกผม ซึ่งเป็นนักเรียน ได้ร่วมมือกันทำการปฏิวัติโรงเรียนเซ็นต์คาเบรียล เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๖ หลังจากที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฏร ฯ เพียงหนึ่งปี แล้วผมก็ต้องออกจากโรงเรียนเซ็นต์ ฯ ไปเข้าเรียนที่โรงเรียนสวนกุหลาบ

ผมเรียนจบชั้นมัธยมบริบูรณ์ ด้วยคะแนนที่มีสิทธิจะสอบชิงทุนในหลวง ไปเรียนเมืองนอกได้ ซึ่งตอนนั้น ทุนนี้เขาเรียกว่า คิงสกอลลาร์ชิบ (King’s Scholarship) แต่ความที่ผมบุญไม่ถึงที่จะได้ไปเมืองนอก ในปีนั้น เขาเกิดงดการสอบชิงทุนเอาเสียเฉย ๆ เปลี่ยนมาเป็นเอานักเรียนที่สอบได้ที่ ๑ ถึงที่ ๖ ทั่วประเทศ เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ฟรี ผมก็เลยอดสอบชิงทุนนั้น พูดกันจริง ๆ แล้ว ถ้ามีโอกาส ผมก็จะสมัครเข้าสอบชิงทุนกับเขาด้วย เผื่อฟลุ๊ค

ผมก็เลยต้องไปสมัครสอบเรียนต่อในที่ต่าง ๆ กัน ที่ว่า ในที่ต่างกันนั้น สมัยนั้น มีที่ให้สอบเข้าเรียนต่อในสถาบันชั้นอุดมศึกษามากมายหลายสถาบัน และทางสถาบันนั้น ๆ เขาจัดให้มีการสอบคัดเลือกเข้าเรียนในเวลาที่ไม่ตรงกัน

เมื่อการสอบชั้นมัธยมศึกษาเสร็จแล้ว คือสอบ ม.๘ นั่นแหละ เรียกให้มันฟังยาก ๆ ไปยังงั้นเอง ทางโรงเรียนนายเรือเขาก็เปิดการคัดเลือกเข้าก่อนสถาบันอื่น เรียกว่า คัดเอาตัวยอด ๆ ไปก่อน

พลาดจากนายเรือ ก็มีโรงเรียนนายร้อยคอยรับช่วงต่อไป พวกที่พลาดจากโรงเรียนนายเรือ ก็วิ่งไปสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยได้

สองสถาบันนี้ มีนักเรียนที่จบมัธยมศึกษา สนใจกันมากกว่าที่อื่น เพราะเมื่อสอบเข้าไปได้แล้ว ก็จะได้แต่งเครื่องแบบสวยหรู ของโรงเรียนนายเรือนั้น ยังมีกระบี่เล็ก ๆ ห้อยที่ข้างเอวอีกด้วย โก้พิลึก

สมัยนั้น พวกนักเรียนหญิงสาว ๆ เขานิยมเครื่องแบบของสองสถาบันนี่มาก จะเห็นได้ว่า ตอนโรงเรียนหยุด วันเสาร์อาทิตย์ พวกนักเรียนทหารของสถาบันนี้ไปปรากฏตัวตามหน้าโรงหนังต่าง ๆ แต่งเครื่องแบบที่สะอาดสะอ้าน ขาวสะอาด กลีบโง้ง ไปเดินฉุยฉายแถว ๆ หน้าโรงหนัง บางคนจะมีผู้หญิงสวย ๆ ควงข้างไปด้วย พวกที่ไม่มีผู้หญิงควง ก็จะเดินอวดรูปอยู่อย่างนั้น ทำให้สาว ๆ บางคน ที่ไปเตร่อยู่ที่เดียวกัน ต้องมองน้ำลายไหล

โรงเรียนนายเรือนั้น กระดูกกว่าเพื่อน แต่ละปี รับเข้าเรียนกันไม่กี่คน ปีที่ผมสะเออะเข้าไปสอบนั้น เขารับเพียงสิบคน จากผู้สมัครกว่าสี่ร้อย

ผมนั้น ข้ามฟากกลับตั้งแต่ไปสอบวันแรก รู้ตัวว่าไม่ต้องข้ามฟากไปไห้เสียเวลา ไปเจอเอาวิชาแมคานิคส์ เข้าในวันแรกก็นั่งเซ่อ มองดูกระดาษข้อสอบนิ่งไป เพราะทางสวนกุหลาบไม่ได้สอนวิชานี้ พวกที่เขามาสอบกัน เขาไปเรียนพิเศษมา เขาก็สอบได้

ผมนั้น พอสอบแปดเสร็จ ก็ใช้ชีวิตสำราญ ไม่ได้คิดที่จะไปเรียนอะไรเป็นพิเศษ ไปเจอเอาข้อสอบวิชาแมคานิคส์เข้าก็เลยนั่งเซ่อ หอบข้าวของข้ามฟากกลับมาได้ทันที ไม่ต้องข้ามฟากไปอีกในวันรุ่งขึ้น ไปคอยรอฟังว่า ทางโรงเรียนนายร้อยเขาจะประกาศรับสมัครสอบเมื่อไร

ไอ้เพื่อนผมคนหนึ่ง มันไปสมัครสอบ แล้วก็สอบเข้าได้ พอสอบเสร็จ เขาก็เอาพวกที่สอบได้ ลงเรือรบพาไปออกทะเล เพื่อฝึกความเคยชินเลยทีเดียว ไม่ชักช้า

พอเรือกลับเข้าท่า ปรากฏว่าไอ้เพื่อนผมคนนั้นสอบแปดตก มันก็ต้องขึ้นจากเรือ ผลการสอบแปดเขาจะประกาศทีหลัง ก็แปลก

ในสมัยนั้นเป็นอย่างนั้น ที่ว่ามันตกแปดนั้น ไม่ใช่ว่ามันเรียนไม่เก่ง มันเรียนเก่ง ขนาดที่กำลังเรียนอยู่ ม. ๘ นั้น อาจารย์ที่สอนวิชาคำนวณยังต้องยอมแพ้มัน คือ อาจารย์ตั้งโจทย์ที่เรียกว่า ยากที่สุด นักเรียนทั้งชั้นแก้ไม่ได้ แล้วมันก็ตั้งโจทย์ให้อาจารย์แก้ของมันบ้าง ปรากฏว่าอาจารย์จนมุมมัน แก้โจทย์ของมันไม่ออก มันก็แก้ให้ดู ยังความตื่นเต้นให้กับพวกเพื่อน ๆ ในชั้น และบรรดาครูบาอาจารย์ทั้งโรงเรียนที่ทราบเรื่อง

มันเรียนเก่งแล้วมันตกแปดได้ยังไง คุณ ๆ ที่อายุยังไม่ถึงห้าสิบคงไม่จะเข้าใจ

สมัยนั้น เขาถือว่า วิชาภาษาไทยเป็นวิชาสำคัญ นักเรียนที่สอบแปดได้ จะต้องมีคะแนนวิชาภาษาไทยดีด้วย คือ ต้องได้ไม่ต่ำกว่า ๕๕ เปอร์เซ็นต์ จึงจะถือว่าสอบแปดได้ ให้ใครได้เปอร์เซ็นต์ถึงเจ็ดสิบแปดสิบในคะแนนรวม

ถ้าปรากฏว่า ได้คะแนนภาษาไทยไม่ถึง ๕๕ เปอร์เซ็นต์แล้ว ก็เป็นอันต้องถือว่าสอบตก ทารุณยังงี้ แล้วก็ภาษาไทยนั้นมันกล้วย ๆ เสียเมื่อไหร่ หนังสือบังคับเรียน ฟังชื่อแล้วก็ยังเรียนไม่ค่อยจะถูก อักขระวิธี วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์ สี่เล่มนี่แหละครับที่เป็นหนังสือชี้ชะตาของนักเรียนมัธยมบริบูรณ์สมัยนั้น

นักเรียนสมัยนั้นจะต้องรู้จักพระเวสสันดรชาดกดี อ่านกันทะลุปรุโปร่ง แล้วก็ต้องท่องกลอนข้อความในหนังสือนั้นให้ได้ แล้วแต่ทางโรงเรียนจะกำหนดให้

กัณฑ์มัทรีเป็นกัณฑ์ที่ขึ้นชื่อมาก ไปถามนักเรียน ม. ๘ สมัยนั้นดูก็ได้ว่า ซาบซึ้งเพียงไร ต้องตั้งหน้าตั้งตาท่องให้ขึ้นใจ ข้อสอบเป็นข้อสอบของกระทรวง ออกมาเหมือน ๆ กันทั่วประเทศ แล้วแต่เขาจะให้ตอนไหนก็ต้องว่าให้ได้ ไม่ผิดเพี้ยน

ไอ้เสือนั่นตกวิชาภาษาไทยนี่เอง มันก็เลยต้องขึ้นจากเรือมานั่งเรียน ม. ๘ ใหม่ ทั้ง ๆ ที่มันสอบได้ถึงแปดสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ ทารุณไหมครับ

ปีต่อมา มันก็สอบได้เข้าโรงเรียนนายเรือได้ มันคงต้องนั่งเพ่งหนังสือสี่เล่มนั่นอย่างเอาเป็นเอาตายเลยทีเดียว





 

Create Date : 21 มีนาคม 2555
3 comments
Last Update : 26 มีนาคม 2555 2:55:46 น.
Counter : 808 Pageviews.

 


มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

ผมอ่านเรื่องราวในบล็อกนี้แล้วก็คิดว่าเป็นบันทึกเรื่องราวที่เป็นประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานั้น ๆ เลยครับ บล็อกนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจค้นหว่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัตินี้นะครับ ถ้ารวมเป็นเล่นแล้วคงน่าสนใจมาก ๆ เลยครับ

ขอขอบคุณ จขบ. นี้ด้วยครับ ที่ไปคอมเม้นท์ให้กำลังใจไว้ในบล็อกของผม ขอบคุณครับ

อิอิ

 

โดย: อาคุงกล่อง 21 มีนาคม 2555 1:42:49 น.  

 

ขอบคุณที่ไปชมบ้านน้อยในป่าใหญ่ค่ะ
ของเมื่อวาน เป็นบ้านที่มีสนามหญ้าบนหลังคาค่ะ
สุขสบายดีนะคะ



"...ทำให้สาว ๆ บางคน ที่ไปเตร่อยู่ที่เดียวกัน ต้องมองน้ำลายไหล"

ท่านเห็นขนาดนั้นเลยรึคะ .. 555


เพิ่งทราบว่า นายเรือเขาคั้นกะทิน้ำหนึ่งผัดพริกแกง
เขียวขี้ม้า มาตอนกะทิกะพริกแกงจะแห้ง ทอ.ท่าจะน้ำที่เขาเติมให้มาก .. ฮ่าๆๆๆ

ดิฉัน แฮ่ๆ อยากเรียกตนเองว่าพี่นาถ ดิฉัน เรียน ม.ศ.๑ รุ่นแรก
ประกาศผล ม.ศ.๕ หลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยค่ะ

และต้องได้คะแนนรวม ๖๐ เปอร์เซ็นต์ จาก ม.ศ.๔ จึงจะได้ขึ้น ม.ศ.๕ ค่ะ
แต่ท่องอาขยานไม่แน่ใจว่ากัณฑ์กุมารรึเปล่า ที่ขึ้นต้นด้วย โสโพธิสัตว์โต...
ชอบตรง "...เสมือนหนึ่งพรานเบ็ดมาตีปลาที่หน้าไซ บรรดาปลาจะเข้าไปให้แตกฉาน
ตัวเราผู้ทำทานเหมือนตัวปลา พระโพธิญาณในภายหน้านั้นคือไซ....."

ขอลาไปนอนแล้วค่ะ หากว่าง เชิญไปที่บล็อกนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

 

โดย: nart (sirivinit ) 21 มีนาคม 2555 1:45:29 น.  

 

..ชอบใจการเรียนภาษาไทยสมัยนั้นจังเลย..สมัยนี้น่าจะใช้แบบนั้นด้วย..ไม่น่าจะเลิกไป..


ขอบคุณมาก..

 

โดย: ก้นกะลา 21 มีนาคม 2555 18:35:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.