เขียนระหว่างปี พ.ศ. 2526 - 2528
ผมสั่งตำรวจของผมให้อยู่เฉยๆ ก่อน แต่เตรียมยิง เมื่อได้รับคำสั่งจากผม
ทั้งสองแนวนอนหมอบยันกันอยู่อย่างนั้น ไม่ทำอะไรกันจนผมชักรำคาญ จะเอายังไงก็ไม่เอา ผมลุกขึ้นยืนเต็มตัว ที่เอวผมมีซองปืน ๑๑ มม. แขวนอยู่ ผมชูมือขึ้นระดับไหล่ แสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่า ผมไม่ตั้งใจที่จะใช้อาวุธ แล้วผมก็เดินข้ามถนนไปช้า ๆ ในท่านั้น
นายทหารเรือ ยศชั้น เรือตรีคนหนึ่งผุดลุกขึ้นยืนเหมือนกัน เขาเดินเข้ามาหาผม มองดูดาวบนบ่าผมซึ่งมีอยู่สามดาว เขายกมือขึ้นตะเบ๊ะตัวตรง ผมรับความเคารพเขาแข็งขันเหมือนกัน แล้วเราก็เดินเข้าหากัน พบกันกลางถนนพอดี
คุณมายึดตรงนี้ทำไมครับ ผมถามเขา
ผมได้รับคำสั่งให้มาป้องกันทางด้านนี้ครับ เขาตอบ
คุณเป็นฝ่ายไหน ผมถาม
ผมเป็นฝ่ายรัฐบาลครับ เขาตอบ
ผมก็เป็นฝ่ายรัฐบาล ผมว่าไป ทำไมเราจะมายันกันเอง
เขาทำท่าอึกอักอยู่พักหนึ่ง ยกมือขึ้นตะเบ๊ะอีก
ถ้ายังงั้น ผมจะย้ายไปทางโน้น เขาชี้มือไปทางโรงพักพระราชวัง แล้วก็หันกลับไปทางแนวของเขา แล้วขบวนทั้งขบวนนั้นก็ลากปืนกัง ๆไปทางหัวมุมสะพานข้ามถนน ตรงหน้าโรงพักพระราชวัง ตั้งปืนเล็งไปที่โรงพัก
ถึงตอนนี้ ผมชักไม่แน่ใจเสียแล้ว ที่เขาว่าเขาเป็นฝ่ายรัฐบาล รัฐบาลของเขาอาจเป็นคนละรัฐบาลของผมก็เป็นได้ เพราะตอนที่พวกปฏิวัติเข้ายึดกรมโฆษณาการได้นั้น เขาก็ประกาศตัวเป็นรัฐบาลเหมือนกัน ของผมเป็นรัฐบาลเก่า ของเขาอาจจะเป็นรัฐบาลใหม่ก็ได้
ผมเดินเข้าไปหาเขาอีก เขากำลังสั่งการวางปืนตั้งเล็งไปที่โรงพัก กำลังทั้งหมดเรียงรายอยู่ทางฝั่งเชิงสะพานนั้น บนโรงพักมีตำรวจเดินกันอยู่พลุกพล่าน ยังไม่รู้ว่า กำลังที่ลากปืนมานั้นจะทำอะไร ที่หน้าโรงพักนั้น ผมเห็นตัวสารวัตร ร้อยตำรวจเอก ประสาธน์ สุวรรณสมบูรณ์ รุ่นพี่ผมสองรุ่น กำลังยืนปะปนอยู่กับตำรวจหลายสิบคน ไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตัว
ผมเข้าไปหาเรือตรีผู้นั้น สะกิดเขาอีก ถามเขาว่า
คุณตั้งปืนเล็งยิงอะไร
โรงพักนั่นไงพี่ เขาชี้ไปทางโรงพัก
นั่นปะไร ผมนึกไม่ผิด ผมดึงมือไว้แล้วพูด
นั่นก็พวกเดียวกัน
ใช่หรือครับพี่ ทีนี้เขาชักไม่แน่ใจ
ใช่ซีครับ ผมยืนยัน เดี๋ยวผมจะไปถามเขาเอง แล้วกลับมาบอก
เอาซีครับพี่ เขายอม
คุณให้คนของคุณเอาไหล่ออกจากพานท้ายปืนเสียก่อน ผมชึ้ไปที่พลยิงของเขาที่กำลังประทับไหล่เข้ากับพานท้ายปืนกระบอกใหญ่นั่น
เขาหันไปสั่งพลยิงให้ถอยออกไปห่างจากพานท้ายปืน ผมเดินเข้าไปที่ตัวปืน ตบเอาแม็กกาซีนกระสุนที่เสียบอยู่กับช่องลูกเลื่อนออก ถือติดมือเดินข้ามฟากถนนไปยังโรงพัก ผมไม่แน่ใจว่า ตอนที่ผมเดินข้ามถนนไป เกิดพลยิงมันมือขึ้นมา ผมก็จะแหลกไปด้วย
ผมเดินถือแหนบกระสุนปืนอันใหญ่ขึ้นไปบนโรงพัก พี่สาธน์เข้ามาหาผมทันที
ทหารเรือเขามาวางกำลังที่ตรงนั้นทำไม พี่สาธน์ถาม ชี้มือไปทางเบื้องหลังผม
พี่สาธน์รีบๆ พาตำรวจเข้าไปหลังโรงพักเสียเหอะ ผมดึงมือพี่สาธน์เข้าไป
เดี๋ยวได้พังทั้งคนทั้งโรงพัก
พี่สาธน์เหลือบมองแหนบกระสุนปืนที่ผมถือติดมือมาอย่างงงๆ
เข้าไปข้างในซิพี่ ผมรุนเขาอีก หลบเข้าไปให้หมด
คราวนี้ เขารีบเดินงุด ๆ ไปทางหลังโรงพัก สั่งตำรวจทั้งหมดตามไปด้วย ผมกลับหลังเดินมาที่ตั้งปืนอีก พอมาถึงผมก็ส่งแม็กกาซีนนั้นให้เรือตรีคนนั้น
พวกเดียวกันครับ ผมว่า ผมให้เขาไปรักษาการณ์ทางด้านหลังโรงพักแล้ว ทางนี้ไม่มีอะไรแล้ว คุณปล่อยไว้ให้ผมก็แล้วกัน ผมว่า คุณไปรักษาแนวทางด้านสะพานพุทธ ฯ ดีกว่า
เขายกมือตะเบ๊ะผมอีก แล้วก็หันกลับไปสั่งคนของเขา ขนปืนกระบอกนั้น แบกวิ่งเป็นแถวไปทางด้านสะพานพุทธ ฯ ผมเห็นเขาไปนอนหมอบเป็นแถวอยู่ทางขึ้นลงสะพาน หันปากกระบอกปืนไปตามถนน ตรีเพชรทั้งแถว
ว่าง่ายจัง !
นี่แหละ ความกระจอกของทั้งทางฝ่ายกบฏและฝ่ายรัฐบาล ต่างไม่รู้อะไรเป็นอะไร ใครสติดีกว่าก็กินไป