เงื่อนไขการปฏิวัติ - บทที่ 6 เงื่อนไขผิดจังหวะ (ตอนที่ 5)
โดย พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ เขียนระหว่างปี พ.ศ. 2526 - 2528 บทที่ 6 เงื่อนไขผิดจังหวะ ตอนที่ 5 หลังจากเหตุการณ์๑ ตุลาคม ๒๔๙๑ แล้ว บ้านเมืองก็สงบอยู่ได้อีกไม่ถึงสี่เดือน ก็เกิดมีชาวคณะใหม่ นำกำลังมาตีรัฐบาลคณะรัฐประหารอีกรอบหนึ่ง ชาวคณะใหม่นี้ก็เป็นคณะที่ถูกรัฐประหารล้มคว่ำไปเมื่อ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ นั่นเอง วันนั้นเป็นวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๒ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ผมก็รู้ล่วงหน้ามาก่อนเหมือนกัน เพราะพี่เชื้อของผมอีกนั่นแหละ หลังจากเหตุการณ์๑ ตุลา ๙๑ ล้มเหลวไปคราวนั้น ทางคณะรัฐประหารคิดว่า คงจะได้อยู่สงบอีกนาน แต่ไม่ยังงั้น ตอนนั้นพวกเราชาวคณะตำรวจกองตรวจหนุ่ม ๆใช้เวลาว่างงานไปมั่วสุมกันที่สโมสรสหมิตร ซึ่งตั้งอยู่ที่แถว ๆ ถนนมหาพฤฒาราม ข้ามสะพานหัวลำโพงไปหน่อยเดียว กินเหล้าเฮฮา เล่นบิลเลียดกันอยู่ที่นั่นด้วยกันทั้งคณะ ตอนนั้น ท่านผู้ช่วย อตร. เผ่า ฯวางกำลังนายตำรวจที่สำเร็จจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก ไว้ให้เป็นสารวัตรท้องที่ต่าง ๆ ในนครบาลครบถ้วนทั่วทุกสถานีชั้นใน บรรดาสารวัตรท้องที่เหล่านั้นล้วนแต่เลือดเนื้อเชื้อไขนายร้อยทหารบกทั้งนั้น นอกจากนั้น ท่านยังตั้งหน่วยกองตรวจตำรวจนครบาลขึ้นมาอีก เพื่อช่วยเหลือทางท้องที่ในการปราบปรามอาชญากรรม พวกเพื่อน ๆ ของผมที่ถูกแยกย้ายกันไปอยู่ภูธรเมื่อคราวรัฐประหาร ต่างก็ได้ย้ายกลับมาหน่วยนี้กันเป็นแถว ๆ ผมนั้น กินตำแหน่งสารวัตรกองตรวจตำรวจนครบาล ในยศ ร้อยตำรวจเอก วิชิต รัตนภาณุ เป็นสารวัตรกองตรวจ ฯ เหนือ พันศักดิ์ วิเศษภักดี เข้ามาจากสมุทรสาคร มากินตำแหน่งสารวัตรกองตรวจ ฯ ธนบุรี เพื่อนผมคนนี้ ก่อนที่จะเข้ามาในกรุง ฯ ผมต้องเอาหัวเป็นประกันว่า มันจะไม่เป็นพิษเป็นภัยกับท่านผู้ช่วย อตร. เพราะพ่อมันเป็นเพื่อนกับคุณหลวงสังวรณ์ฯ มันเรียกคุณหลวง ฯ ว่า คุณอาเจ้านายเขากลัวว่าจะไว้ใจไม่ได้ แต่ก็ต้องการใช้ฝีมือมัน เพราะพวกผมทั้งกลุ่มนี้ได้เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมาตั้งแต่ครั้งเสรีไทยแล้วมาอยู่ร่วมผจญอาชญากรรมในกองตรวจนครบาลรุ่นแรก เมื่อสงครามสงบใหม่ ๆ อีก เรียกว่า ร่วมเป็นร่วมตายกันมาอย่างสนิทชิดเชื้อ และเอาอกชนกระสุนมาด้วยกันทุกคน เจ้านายเรียกผมขึ้นมาตอนดึกวันหนึ่ง เพื่อที่จะสอบถามวันนี้ ท่านต้องการที่จะเรียกตัวพวกนี้เข้ามาใช้ในการปราบปรามผู้ร้าย โดยตั้งกองตรวจขึ้นมาใหม่ หลังจากที่ท่านได้ส่งมันออกไปภูธรทั่วทิศ ทั้งใต้และชายฝั่ง เมื่อคราวรัฐประหารคราวนั้น คราวนี้ทุกคนได้กลับมาถ้วนหน้า ผมเอาหัวเป็นประกันว่าจะไม่มีใครทรยศต่อท่านแน่นอน ตอนนั้นผมยังทำหน้าที่ติดตามไม่ห่างอยู่ ทั้งหมดจึงได้เข้ามารวมกันในกองตรวจนครบาลรอบสอง ท่านผู้กำกับ ฯ เยื้อน ก็ได้กลับมาเป็นผู้กำกับ ฯ อีกรอบหนึ่ง พบหน้ากันครบถ้วน มีตำรวจใหม่ ๆที่เพิ่งจะจบจากสถาบันโรงเรียนนายร้อยทหารบก มาเป็นรองสารวัตรอีกหลายนาย ผมไม่ได้เขียนเรื่องนี้ขึ้น เพื่อที่จะทวงบุญคุณจากพรรคพวก คนเราเมื่อมีโอกาสที่จะช่วยเพื่อนได้แล้วไม่ทำ นั่นก็ไม่ใช่เพื่อน ผมอาจจะสนุกสนานของผม อยู่กับความใกล้ชิดกับเจ้านายแต่ลำพังก็ได้ และถ้าจะดึงคนเข้ามาใช้ตามความต้องการของเจ้านาย ผมจะดึงเอาใครเข้ามาก็ได้ไอ้ที่ไม่ใช่เพื่อน ความอันนี้ภายหลังผมไม่ทราบว่าเจ้านายท่านคิดยังไง ในเมื่อเพื่อนรักของผมคนหนึ่ง เมื่อมันได้เข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้านาย จนท่านรักมันมากกว่าผมแล้ว มันเกิดสงสัยขึ้นมา มันบอกผมว่า มันถามว่าทำไมท่านจึงเรียกมันเข้ามาอยู่ใกล้ชิด มันบอกผมว่ามันถามท่านว่า ไอ้พุฒเป็นคนให้ท่านเรียกผมเข้ามาใช่ไหม ท่านกลับบอกมในว่า กูเรียกมึงเข้าเอง ผมก็ไม่ทราบว่า ท่านพูดอย่างนั้นทำไม ผมมารู้ทีหลังเมื่อท่านเสียชีวิตไปแล้ว ไม่ยังงั้นก็คงต้องถามกันดูว่า ทำไมถึงพูดอย่างนั้น ที่ผมบอกมันก็เพราะ มันสงสัย มันถามผม ผมก็ตอบให้ฟัง ถ้ามันไม่ถามผมก็คงไม่บอกมัน ผมไม่ต้องการบุญคุณของใครโดยเฉพาะจากเพื่อนฝูง กลับเข้าหาเรื่องพี่เชื้อกันดีกว่า ร้อยตำรวจเอกเชื้อ สุวรรณศร รุ่นพี่ของผมคนนั้น ! ในช่วงเวลาที่พวกผมไปมั่วสุมกันอยู่ที่สโมสรสหมิตรตอนเย็นๆ นั้น วันหนึ่งพี่เชื้อก็มาปรากฏตัวที่สโมสร ฯ อย่างนึกไม่ถึง เพราะปกติ พี่เชื้อไม่ใคร่ชอบชีวิตตามสโมสร หลังจากที่โดนรัฐประหารไปแล้ว พี่เชื้อก็เก็บตัวเงียบอยู่กับบ้าน ไม่มีใครได้พบเห็น และไม่ได้เยี่ยมกรายมาสังคมกับพวกผมเลย วันนั้น พี่เชื้อเดินขึ้นมาบนสโมสร ฯ อย่างเงียบ ๆ ตามแบบสันติบาลเก่า ผมกำลังสาวคิวบิลเลียดอยู่กับพรรคพวก พี่เชื้อก็แอบมายืนอยู่ข้างหลัง ผมเงยหน้าขึ้นจากสาวคิวก็เห็นพี่เชื้อ มาคุยกันหน่อยซิ พี่เชื้อยิ้มเขี้ยวกาง สะกิดแขนผม ผมวางคิวส่งต่อให้เพื่อนคนหนึ่งรับไป เดินตามพี่เชื้อออกไปที่ระเบียงสโมสร ฯ พี่เชื้อหัวเราะเสียงใสตามระบบ เมื่อนั่งลงที่เก้าอี้ที่โต๊ะตัวหนึ่ง ใครเป็นคนวางตัวสารวัตรท้องที่นครบาลนะ พี่เชื้อพูดทันที คุณหรือเปล่า ไม่ใช่ผมหรอกครับ ผมตอบ มองหน้าพี่เชื้อ ไม่เข้าใจว่า พี่เชื้อเอาคำถามนี้มาตั้งกับผมทำไม ผมนึกว่า คุณเป็นคนให้คำแนะนำกับคุณเผ่าเสียอีก พี่เชื้อพูดปนเสียงหัวเราะ เพราะวางตัวได้เข้าที พวกเราคุมท้องที่ไว้ได้หมด รวมทั้งกองตรวจด้วย พูดจบก็หัวเราะกั้กๆ ตามแบบฉบับที่ไม่มีใครเหมือน ผมก็ยังไม่เข้าใจว่า พี่เชื้อจะมาไม้ไหน ดีแล้วนะ พี่เชื้อพูดต่อ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น พวกเราก็อยู่เฉย ๆ ก็แล้วกัน ไม่ต้องกระดุกกระดิก แล้วดีเอง ทำไม่รู้ไม่ชี้เสีย ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี นั่งมองหน้าพี่เชื้ออยู่ยังงั้น ไม่รู้จะว่ายังไง เอาละ พี่เชื้อตบไหล่ผม ผมจะไม่พูดกับพวกนั้นหรอก พี่เชื้อพยักหน้าไปทางไอ้พวกเพื่อน ๆ ที่ล้อมวงดื่มกันอยู่ที่โต๊ะรอบโต๊ะบิลเลียด คุณพูดกับเขาให้ด้วยแล้วกัน ผมไปละ ว่าแล้วพี่เชื้อก็ลุกขึ้น เดินลงบันไดสโมสร ฯ ไป ทิ้งให้ผมนั่งงงอยู่ที่โต๊ะคนเดียว ไอ้เทียน เพื่อนรุ่นเดียวกับผม เดินเข้ามาหาผมที่โต๊ะ เฮ้ย พี่เชื้อพูดอะไรกับมึงวะ มันถามหัวเราะ ๆ ผมไม่ตอบมัน ไอ้เทียนไม่ว่าอะไร มันเดินกลับไปที่โต๊ะบิลเลียด ทำเหมือนไม่เอาใจใส่ ถึงผมจะไม่ตอบคำถามมัน ผมมองตามมันไป มันสาวคิวบิลเลียดเฉย ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ผมว่า มันรู้ว่าพี่เชื้อพูดอะไรกับผม เพราะถ้าไม่ยังงั้น มันต้องซักผมให้ได้เรื่อง ผมรู้นิสัยมันดี ไอ้นี้ไม่ยอมให้ความสงสัยไม่ได้รับคำอธิบาย และข้อสำคัญ มันเป็นน้องเขยพี่เนตร เมียมันเป็นน้องแท้ ๆ ของพี่เนตร เขมะโยธิน ผมไม่ได้บอกความนี้กับใคร ไม่อยากให้ใครมายุ่งด้วย ผมเก็บความนี้ไว้คนเดียว ผมยังเคารพพี่เชื้ออยู่ พี่เชื้อเคยมีบุญคุณกับผม ในระหว่างที่ยังอยู่ในราชการ พี่เชื้อเป็นพี่เลี้ยงผมในตอนที่ผมติดดาวออกมาอยู่ที่โรงพักปทุมวันใหม่ๆ ผมเป็นงานเพราะพี่เชื้อ พี่เชื้อไม่ได้อย่านิ่งเสียแล้ว ผมยิ่งต้องระวังป้องกันเจ้านายของผมให้มากขึ้นกว่าเก่า
Create Date : 14 เมษายน 2555 |
|
2 comments |
Last Update : 20 เมษายน 2555 2:42:10 น. |
Counter : 625 Pageviews. |
|
|
|