นิยายชื่อเรื่องนี้ ...อาจจะไม่แปลกสำหรับหนอนบางท่าน แต่นามปากกา จ.จ,ล.นี่สิแปลกประหลาดกว่า ..ผมก็เพิ่งได้ยินมาก่อนว่าบ้านเรามีนามประกาของนักประพันธ์ท่านนี้ (หนอนรุ่นลุงป้าน่าจะพอทราบข้อมูลนะครับ) ท่านจ.จ.ล.เป็นคนแต่งเรื่องเถ้าแห่งความรักที่ผมจะมารีวิวเรื่องราวในวันนี้
เถ้าแห่งความรัก ..เป็นเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวังของคนหลายคน .. เริ่มต้นเรื่องเมื่อ รัก ...พระเอกรูปงามของเราอยู่ในวัยเรียนต้องออกโรงเรียนเพราะดันไปจูบกับสาทรี ..สาวงามประจำโรงเรียน ที่เป็นลูกสาวสุดรักของอาจารย์ในโรงเรียนนี้ ... รัก..หายไปหลายปีกลับมาพร้อมความสง่างาม แข็งแรง เป็นหนุ่มเต็มตัว ..กลับมาคราวนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมดสาทรีได้แต่งงานและกำลังท้องกับเพื่อนรัก(ตายแทนกันได้) คือ ปิยะ ...แต่รักก็เพิ่งจะรู้ว่าสารทรี เมียของเพื่อนรักไม่เคยลืมตนเองเลย ..ที่แต่งงานก็เพราะปิยะมีฐานะร่ำรวย สามารถให้ความสุขสบายแก่เธอไปตลอดชีวิต ..สาทรีทนความเจ็บปวดในความคิดถึงรัก แทบจะทนไม่ไหวจนกระทั่งให้กำเนิดบุตรชายกับปิยะ ชื่อเด็กชายรักษา ... ก็ยังรักรักอยู่ไม่รู้ลืม... ใจจะขาดแทบทุกครั้งเมื่อเห็นรักมาวนเวียนใกล้ๆที่บ้าน ..วันหนึ่งรักบอกว่าจะย้ายไปเมืองอื่นเพราะผู้เป็นพ่อได้จากไปจึงไม่มีอะไรในเมืองนี้อีกแล้ว .. สารทรีเศร้ามากคิดมากจนโศกเศร้าเกิดความเครียดควบม้าออกไปนอกเมืองจนตกม้า คอหักเสียชีวิต ..ทิ้งไว้เหลือแต่ความเศร้าไว้ให้กับทุกคน รวมทั้งบังอร เพื่อนรักของสารทรีที่รู้เรื่องรักกับสารทรีอยู่ตลอดเวลาคนนี้ด้วย
เรื่องราวปูเรื่องเอาไว้สนุกสนานได้ครึ่งเรื่อง.. คนแต่งจึงปล่อยสัญญากับคนอ่านอีกครั้ง โดยครั้งนี้ให้ปมปัญหาไปที่บังอร ..ปิยะต้องการให้บังอรมาเป็นภรรยา เพื่อเป็นแม่เลี่ยงดูแลเด็กชายรักษา แต่รัก .. ก็กำลังรักใคร่อยู่บังอร เรื่องมาพลิกอีกครั้งเมื่อบังอรปฏิเสธรักรัก... แล้วตอบตกลงแต่งงานกับพ่อม่ายลูกติดอย่างปิยะ .. โอ้ละพ่อ! งงในตัวนางเอก ..แต่ก็ได้คำตอบว่าทั้งสองจะไม่ล่วงเกินกัน เป็นสามีภรรยากันเพียงในนามเท่านั้นจนเวลาล่วงผ่านไปหลายปี ... สุดท้ายปิยะก็ยอมปล่อยให้บังอรมีอิสระเพราะเห็นความแน่วแน่ในรักแท้กับรัก เพื่อนรัก ...เรื่องราวจึงจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง (แต่กว่าจะจบเรื่องได้ ..ปัญหาอุปสรรคในเรื่องมีมากเสียเหลือเกิน)ในเรื่องนี้ผมชอบประเด็นเรื่องอยู่หลายข้อ ขอยกตัวอย่างสัก ๕ เรื่อง ก็คือ...
๑. ความซื่อสัตย์ต่อคำพูดกันของคนสมัยก่อน.. ตัวเอกของเรื่องจะมีสัจจะปฏิญาณต่อกันตลอดทั้งเรื่อง ยึดมั่นในสิ่งที่พูดออกไปจนถึงวันร่วงโรยสังขาร ก็ยังไม่กลับคำพูดตัวเอง
๒. ฐานะชนชั้นในสังคมสมัยก่อน ยังคงมีช่องว่างเหมือนสมัยนี้ทุกอย่างคนจนคนรวยยังห่างชั้นกันเสมอๆ
๓. กิริยาสำรวมอาการต่างๆคนสมัยก่อนสามารถสะกดกลั้นความรู้สึกข้างในได้เป็นสิบๆปีโดยไม่ปริปากออกมาต่างจากคนสมัยนี้ที่เร่งร้อนไปทุกสิ่งอย่าง เห็นเงินตราเป็นพระเจ้าบูชาอำนาจที่จะทำให้ตนเองได้มีได้กินฯลฯ
๔. วิถีความเรียบง่ายพอเพียงแบบคนสมัยก่อนหายไปหมด
๕. สิ่งบันเทิงในสมัยนั้นมีไม่กี่อย่าง... ดูหนังกับเต้นรำ เท่านั้น
ฯลฯ
พอได้อ่านนิยายเก่าๆหลายเรื่องก็รู้สึกถึงความแต่กต่างในท่วงที คำสนทนาของนักเขียนในการเขียนงาน ..นักเขียนสมัยก่อนใช้ภาษาละเมียดละไม แม้จะเป็นเรื่องรัก เรื่องเบาสมอง แต่เราชาวหนอนจะรับรู้ได้เลยว่าเป็นคำไทยแท้ๆเป็นคำโบราณที่แสนไพเราะ อ่านแล้วลื่นไหลไม่ติดขัด ... ทุกเรื่องราวกลั่นกรองมาจากความคิดของนักเขียนจริงๆ แม้แต่เรื่องเถ้าแห่งความรักของ จ.จ.ล เรื่องนี้ นิยายเล่มเล็กๆไม่กี่บท แต่ก็สร้างเรื่องราวได้น่าประทับใจดีเหลือเกิน ..เอาเป็นว่าเพื่อนไปลองหาอ่านกันดูนะครับ หนังสือหลายเรื่องมีหลายเรื่องราวน่าสนใจ ไม่จำเป็นต้องเป็นนิยาย ทุกเล่มดีหมด .. อ่านเถอะนะครับ
วันนี้วันอังคาร.. สีชมพูหวานสมกับการรีวิว นิยายรักเรื่องนี้ .. ขอมีความสุขเยอะๆนะครับผม
สวัสดีคร้าบ....................................................เมฆชรา/นายอิส รักในหลวง