รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
27 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 
วางจิตในการภาวนาอย่างไรดี

  ผมเคยพูดเรื่องการวางจิตในการภาวนาในกิจกรรม ผมจำไม่ได้ว่าครั้งที่เท่าใด  ขอให้อ่านใหม่จากเรื่องนี้ก็แล้วกัน

การวางจิต คือ ตำแหน่งของจิตที่ควรจะเป็น เมื่อจิตอยู่ในตำแหน่งนี้แล้ว และ ตั้งมั่นในตำแหน่งนี้ นักภาวนาจะพบเห็นสภาวะธรรมตามความเป็นจริงได้ดี  ไม่หนักไปทางใดทางหนี่ง ทีว่า หนัก คือ
หนักไปทางรู้กาย หรือ หนักไปในทางรู้ความคิด

1...คนทั่วๆ ไปจิตจะตั้งอยู่ด้านหน้าของใบหน้า (อยู่นอกร่างกาย) อันเป็นตำแหน่งที่สร้างขันธ์ขึ้นมา จิตทีอยู่ตำแหน่งนี้ เหมาะมากสำหรับการทำงานทางโลก เวลาพูด เวลาคิด ก็ต้องอยู่ทีนี่ ถ้าจิตไม่อยู่ที่นี่ จะทำงานทางโลกไม่ได้เลย เมื่อจิตอยู่ทีนี้ จิตก็เข้าไปในขันธ์ หรือ บางทีก็พูดว่า เข้าไปในความคิด ทำให้คนเกิดมิจฉาทิฐิ เห็นผิดไปว่า  นั่นเป็นเรา นั่นเป็นของเรา 

เนื่องจากคนทั่วๆ ไป ถูกหล่อหลอมไปกับสถานการณ์ทางโลกมาตั้งแต่เล็ก ดังนั้น ธรรมชาติของคนปกติ จิตจะเก่งมากทีจะอยู่ทีนี่

2..นักภาวนาที่ฝีกมาทางสายสมถะ จะมีวิธีถอยจิต คือ ดีงจิตจากข้อ 1 ให้มันวิ่งหลบเข้ามาภายในร่างกายนี้  เมื่อจิตวิ่งหลบมาอยู่ภายในร่างกายนี้ จิตจะคิดไม่เป็น เพราะตำแหน่งของจิตมันผิดไปจากเดิม (เพราะถ้าคิด จิตต้องอยู่ตำแหน่งที 1 เท่านั้น )  

พอจิตคิดไม่เป็น จิตจะสงบ นักภาวนาทีชอบทำสมถะเพื่อหาความสงบ มักทำอย่างนี้  แต่เมื่อมีความสงบ คิดไม่เป็น จิตก็ไร้ปัญญา 

3..ถ้าไม่ใช่ 1 ไม่ใช่ 2 ก็เป็นข้อ 3 นี่้แหละ ทีดีสำหรับการภาวนาตามมรรค 8
ข้อ 1 จิตอยู่ภายนอกกาย แต่อยู่แถวใบหน้า  
ขอ้ 2 จิตอยู่ภายในกาย ทีในก็ได้ ที่ภายในร่างกาย

ข้อ 3 จะเป็นว่า จิตไม่อยู่นอกกายแถวใบหน้า และ ไม่อยู่ภายในร่างกายนี้ แต่มันจะอยู่แถวผิวหนังของร่างกาย 

จากข้อ 1 ให้จิตหดกลับไปทีผิวหน้า ก็จะเป็นข้อ 3  ทันที 

วิธีการก็คือ ให้นั่งสบายๆ  อย่าเกร็ง ไม่จำเป็นต้องนั่งแบบนั่งขัดสมาธิ  จากนั้นให้เอามือไปเกาที่แผ่นหลัง หรือ ท้ายทอย แล้วให้รู้สีกได้ถีงมือทีกำลังเกาอยู่ทีแผ่นหลังรือท้ายทอย  ตามองไปข้างหน้า ให้สังเกตว่า ตาเห็นภาพข้างหน้าได้ แต่ภาพไม่ชัด (ถ้ามีหนังสืออยู่จะเห็นหนังสือเบลอ อ่านไม่ออก) และจะเห็นภาพเป็นมุมกว้างๆ แบบ panorama ได้

ทีนี้ให้สังเกต เมื่ออยู่ในอาการเกาแผ่นหลังหรือท้ายทอย
ตาเห็นได้ใช่ไหม (แต่ไม่ชัด )
หูได้ยินได้ใช่ใหม (แต่อาจฟังไม่รู้เรื่อง)
จมูกได้กลิ่นได้ใช่ไหม
ถ้านั่งอยู่ รู้สีกได้ถีงการเกาทีแผ่นหลังหรือท้ายทอยได้  บางคนก็อาจรู้ได้ด้วย ถึงก้นทีสัมผัสพื้น หรือ เก้าอี้ หรือ บางคนก็สัมผัสได้ถีงการกระเพื่อมเนื่องจากการหายใจได้ด้วยคือ กายจะรู้ได้หลายๆ อย่างพร้อม ๆ กัน ( รู้ลมอย่าไปจิตไปทีปลายจมูกนะครับ )

ถ้าสามารถไปแบบนี้ได้ ต่อไปให้สังเกตอาการแบบข้อ 3 นี้ ว่าลักษณะอาการของจิตเป็นอย่างไร แล้วลองเอามือทีเกาแผ่นหลังหรือท้ายทอยออก (คือ เลิกเกา)
ความรู้สีกอยู่แบบเดิมได้ไหม ถ้าได้ ก็ให้ฝีกอยู่แบบนี้ แล้วรู้ทั่วๆ ไปหลาย อย่างทีเขียนไว้ข้างต้น
ถ้ามันหลุดจากเดิม ให้ตั้งต้นใหม่ อีกครั้งตามทีเขียนไว้ข้างบนนี้ ให้ทำบ่่อยๆ จนชำนาญ กล่าวคือ เมื่อจะวางจิต ให้ไปอย่างนี้ได้เลย โดยไม่ต้องไปเริ่มทีเกาแผ่นหลังหรือท้ายทอย

วิธีการทีผมเขียน สำหรับคนใหม่ทีจะฝีกวางจิตในการภาวนา แต่ถ้าใครทีเห็นจิตได้แล้ว
ก็จะเห็นเองว่า ตำแหน่งนี้   จิตจะไม่อยู่ภายในร่างกาย และ ไม่อยู่ภายนอกแถวใบหน้า

เรื่องนี้ อาจเข้าใจยากสักหน่อย แต่ถ้าลองทำแล้วลองสังเกตอาการของจิตดู ก็อาจคลำถูกทางได้ครับ







Create Date : 27 สิงหาคม 2556
Last Update : 27 สิงหาคม 2556 20:49:49 น. 0 comments
Counter : 2680 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.