รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2562
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 ธันวาคม 2562
 
All Blogs
 
แก้อาการท้องอืด เป็นกรดในท้อง ที่เกิดในนักภาวนาทีปฏิบัติจนได้ผลดีในระดับหนี่งแล้ว

บทความนี้ เป็นการนำประสบการณ์การแก้ปัญญาในการภาวนา  
ทีภาวนาแล้วทำให้เกิดอาการท้องอืด  เป็นโรคกระเพาะ
ถ้าท่านทีเข้ามาอ่าน ไม่มีอาการนี้ แนะนำให้ผ่านไปได้เลยครับ
***
1..ถ้าท่านเป็นนักภาวนาทีปฏิบัติมานาน มีดวงตาเห็นธรรมเกิดแล้ว
มีญาณเห็นความเป็นไตรลักษณ์ของจิตปรุงแต่งได้ดีพอสมควร
อารมณ์ปรุงแต่งของจิตใจได้ลดน้อยลงไปพอสมควร
แต่ถ้าท่านมีอาการของท้องอืดอยู่เสมอ หรือ มีกรดหลั่งในท้องบ่อย ๆ เหมือน
เป็นโรคกระเพาะอาหารละก็  ลองอ่านและพิจารณาเรื่องนี้ในบทความนี้
อาจเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาเรื่องอาการท้องอืด กรดหลั่งในกระเพาะอาหารได้
*
2..คนโดยทั่วไปคงไม่มีใครเชื่อว่า การภาวนานั้นในทางเดินทีจะเดินผ่านไป แฝงไว้
ด้วยอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย และ สิ่งหนี่งทีเกิดจากการภาวนาก็ตือ การป่วยทางกาย
ทีเกิดจากการภาวนาของคนเรา อาการนี้ ก็คือ
อาการท้องอืด มีกรดหลั่งในท้องอยู่เสมอ  กินยาโรคกระเพาะอย่างไรก็ไม่หาย
ทั้งนี้เป็นเพราะ เป็นโรคภัยทีเกิดจากการภาวนานั่นเอง
*
3..ในตัวจิตนั้น จะมี 2 ส่วน ส่วนหนี่ง ทำหน้าทีเป็นพลังงาน หล่อเลี้ยง
กลไกการทำงานของร่างกาย ให้สามารถคงอยู่ต่อไปได้
แต่ถ้าไม่มีจิตส่วนนี้ ทำงาน คนก็จะตายทันที   
ต่อไป จะเรียกจิตส่วนนี้ว่า จิตพลังงาน
*
ส่วนทีสองนั้น ตัวจิตทำหน้าทีรู้ปรมัตถธรรม    (ต่อไปจะเรียกว่า จิตตัวรู้ )ทีทำหน้าที่
รู้ปรมัตถธรรมทีเกิดได้ เช่น รู้ผัสสะได้ รู้ความรู้สีกได้  รู้ความเป็นไตรลักษณ์ของ นามรูป ได้ 
*
แต่จิตตัวรู้ไม่สามารถรู้เรื่องราวทางโลกได้  ตัวอย่างเรื่องราวทางโลกเช่น
รู้ว่า นีคือ สุนัข นีคือแมว นี่คือ น้ำอัดลม นี่คือไฟแดงจราจร ต้องหยุดรถ
และ เรื่องราวอื่นๆ ทางโลกอีกมาก 
การรู้เรื่องราวทางโลก จะทำงานโดยขันธ์ 5  ทีถูกสร้างมาจาก จิตพลังงาน 
*
มีกลไกหนี่งทีสำคัญในตัวจิต  ถ้า จิตพลังงานทำงานในการสร้างขันธ์ขึ้นมาแล้ว
ถ้าจิตตัวรู้ ไหลเข้าไปประสานกับจิตพลังงานที่เป็นขันธ์ที่เกิดอยู่
จะทำให้ ขันธ์เกืดสืบเนื่องต่อไปได้ยาวนาน
.
แตถ้าเมื่อใด ที่จิตตัวรู้  ไม่เข้าไปประสานกับจิตพลังงานที่เป็นขันธ์ที่เกิดอยู่
ในขณะนั้น ขันธ์นั้นก็จะอยู่ต่อไปไม่ได้

เมื่อขันธ์ ได้เกิดขึ้นสำเร็จแล้วด้วยเหตุปัจจัยที่ทำให้ขันธ์เกิดขึ้น เมื่อไม่มีจิตตัวรู้เข้าไปประสานด้วย ขันธ์นั้นก็จะดับสลายลงไปได้เองโดยอัตโนมัติ  


เมื่อขันธ์ดับสลายลงไปแล้ว  ตัวจิตพลังงานนั้นยังคงอยู่  แต่ถ้าเมื่อใด สติอ่อนตัวลงไป
จิตพลังงานจะขาดการควบคุมที่ดีพอ แล้ว จิตพลังงงานจะเคลื่อนตัวลงต่ำลงไปที่ระดับท้อง แล้ว จะเกิดอาการท้องอืดขึ้นได้  

.
4.. ท่านที่เข้ามาอ่านอาจมีคำถามว่า แล้วทำไมคนทั่วไป จึงไม่เกิดอาการนี้ ทำไมเกิดแก่คนที่ภาวนา มาได้ดีพอในระดับหนี่งแล้ว  
>>>เรื่องนี้ ขอเฉลยว่า ที่คนทั่วไปไม่เป็น เป็นเพราะว่า คนทั่วไป จิตพลังงานจะไปค้างอยู่ที่เรือน
เพื่อไปทำงานสร้างขันธ์ขึ้นทีเรือน 
(อ่านเรื่องนี้ได้ที่ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=12-2019&date=16&group=17&gblog=182 )
เมื่อจิตพลังงานไปค้างอยู่ที่เรือน (ขอให้ดูภาพจากลิงค์ข้างต้น เพื่อดูว่า เรือน ตั้งอยู่ที่ใดของร่างกาย ) ซี่งเรือนนี้ จะตั้งอยู่ที่ระดับศรีษะ คนทั่วๆไป จึงไม่เกิดอาการท้องอืดขึ้นมา
แต่การที่ จิตพลังงานไปค้างที่เรือน ถีงจะไม่ท้องอืด แต่จะทำให้เกิดการกลุ้มใจขึ้นมา
แต่คนที่ภาวนามาได้ดีถึงระดับหนี่ง  จิตตัวรู้ สามารถแยกตัวออกมาได้จากจิตพลังงานแล้ว
ทำให้จิตพลังงานไม่ค้างที่เรือนอีก  เมื่อใด ที่จิตพลังงานขาดการควบคุมที่ดีพอ(ตรงนี้ ภาษาธรรมเรียกว่า สติอ่อน )
จิตพลังงานจะเคลื่อนลงต่ำไปสู่ระดับท้อง แล้ว ท้องก็เกิดอืดได้ เพราะเหตุนี้

*
5..เมื่อท่านภาวนาได้ดึขึ้น ท่านจะสังเกตได้ว่า  อาการปรุงแต่งทางใจ หรือ ทุกข์ทีเกิดขึ้นทีใจ จะรู้ได้เร็วขึ้น และ ดับลงไปได้เองเร็วขึ้น แต่ก็ยังมีทุกข์ทีใจอยู่  และ สิ่งหนี่งทีเพิ่มขึ้นมา ที่ท่านไม่เคยเป็นมาก่อนก็คือ ท่านจะรู้สึกว่า ท่านหิวเก่งขึ้น หรือ ท้องจะรู้สีกเหมือนเบา ๆ นั่นแหละ คือ อาการเริ่มต้นของการป่วยนี้

ถ้าท่านยังคงไม่ใส่ใจในอาการนี้ อาการป่วยทีกายนี้ทีท้องก็จะเป็นมากขึ้น ท้องจะเกิดกรดมากขึ้น
และเมื่อเป็นมากขึ้นอีก ท่านก็จะรู้สีกเป็นทุกข์เพราะการป่วยนี้ขึ้นมาแล้ว 

ท่านทีคลุกคลีในวงการภาวนา จะพบว่า นักภาวนาจำนวนมาก ไม่ว่า สงฆ์ หรือ ฆราวาส 
จะเป็นโรคนี้เป็นจำนวนมาก และก็มีบางคน ถึงกับเสียชีวิตจากโรคนี้ไป

อาการป่วยนี้ จึงเป็นทางผ่านของนักภาวนาทุกคน ทีทุกคนจะต้องพบอย่างแน่นอน ถ้าท่านภาวนาได้ดี จนถึงระดับทีกล่าวมาแล้วว่า ทุกข์ใจรู้ได้เร็วขึ้น และ ทุกข์ใจลดลงไปมากกว่าเดิม
*
สรุป สาเหตุแห่งการท้องอืด
เมื่อนักภาวนา ฝีกฝนจน จิต ไม่ค่อยหนีออกไปนอกกายเหมือนตอนเป็นปุถุชน  จิตจะวนเวียนอยู่ภายในกายของนักภาวนาเอง
การที่ จิตวนเวียนอยู่ภายในกายนี้  ทำให้ การรู้อาการทางกายได้ดีขึ้น
แต่ถ้า เมื่อใด ที่นักภาวนามีสติอ่อนลงไปเพราะต้องไปรู้เรื่องราวทางโลก  จิตพลังงานก็ขาดการควบคุมที่ดีพอ จิตพลังงานเคลื่อนตัวลงต่ำไปที่ระดับท้อง  อาการท้องอืดก็จะเกิดขึ้นมาได้


6 ....วิธีแก้ใข ให้แก้ทีเหตุ แล้วไปมีผลต่อการสร้างอาการท้องอืดขึ้นมา
วิธีการที่แก้ไขอาการนี้ได้ ขอให้ทดลองดูกับตนเองว่า
วิธีใด ที่ตนเองทำได้ แล้ว ท้องไม่อืด ก็ให้ทำวิธีนั้นไป

วิธีแก้ไข ให้ทดลองดูดังนี้
วิธีที่ 1... ให้ทำบริกรรม
การบริกรรมจะใช้คำอะไรก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดว่า ต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้
เมื่อ ทำการบริกรรม จะเกิดความตั้งใจเพิ่มขึ้น  ความตั้งที่เพิ่มขึ้นมา
ทำให้ จิตพลังงาน จะเคลื่อนขึ้นสูงไปที่ศรีษะ

เพื่อสร้างขันธ์เพิ่มขึ้น ( ขันธ์ที่เกิดเพิ่มขึ้นเพราะมีการทำบริกรรม )  ก็ช่วยแก้อาการ
ท้องอืดได้
.
วิธีที่ 2.....สำหรับท่านทีมี ตาใน เกิดแล้ว  ให้ใช้ ตาใน มองไปที่โลกภายใน
ที่ต้องใช้ ตาใน เห็นได้เท่านั้น ตาเนื้อจะทำแบบนี้ไม่ได้

การใช้ ตาใน มองไปที่โลกภายใน  จะเห็นก้อนพลังงานปรากฏอยู่ใน
โลกภายในนี้  ถ้าท่านที่มี ตาใน มองไปโลกภายใน แต่ไม่เห็นก้อนพลังงาน
เห็นแต่ความว่างเปล่า ปรากฏอยู่ในโลกภายใน อาการท้องอืดก็จะยังเป็นอยู่ต่อไป
แต่ถ้า สามารถเห็นก้อนพลังงานในโลกภายในได้อยู่เสมอ
อาการท้องอืดก็จะค่อยๆ  ดีขึ้น จนหายดีได้ในที่สุด

การมองเพื่อให้เห็นก้อนพลังงานในโลกภายในนี้ ด้วย ตาใน
ขอให้มองไปข้างหน้าเพื่อการเห็นก้อนพลังงานที่อยู่ในโลกภายใน
ซี่งมีข้อแนะนำเพิ่มดังนี้
2.1  ถ้าท่านกำลังเป็นโรคท้องอื่ดนี้อยู่แล้ว  การใช้ ตาใน มองไปข้างหน้า
ขอให้  ตาเนื้อ ควรจะเป็นอาการแบบ สักแต่ว่าเห็น  ในการมอง อย่าได้ใช้ ตาเนื้อเพ่งจ้อง
ไปที่วัตถุทางโลกที่อยู่ข้างหน้า เพราะจะทำให้อาการท้องอืดไม่หาย
หรือ ถ้าท่านจะมองย้อนกลับมาที่กาย  ก็ขอให้มองไปทีท้ายทอย  
อย่าได้มองไปที่ตำกว่าระดับศรีษะ

2.2 เมื่อท่านหายจากอาการโรคท้องอืดได้แล้ว ต่อไป 
ถ้าท่านจะไม่ให้โรคนี้ กำเริบมาอีก และท่านยังต้องใช้ตาเนื้อเพื่อทำงานทางโลกเพื่อประกอบอาชีพ  
ท่านสามารถใช้ ตาเนื้อได้ในการทำงานทางโลก แต่ ตาใน ยังต้องให้ทำงานอยู่
โดยที่ ตาใน มองไปที่โลภายในที่อยู่ข้างหน้า ในขณะที่ตาเนื้อ มองไปที่วัตถุทางโลก
ซี่ง ตาใน และ ตาเนื้อ ให้ทำงานเป็นอิสะรต่อกัน (  ต่างก็ทำงานไม่ขึ้นต่อกัน )
การมองแบบนี้ คือ ให้ ตาเนื้อ และ ตาใน ต่างก็ทำงาน จะทำให้เกิดการรู้ลมหายใจ
ได้ชัดเจนมากและ ไม่รู้สีกอึดอัดในการรู้ลมหายใจอีกด้วย ซี่งเมื่อมีการรู้ลมหายใจปรากฏชัดและไม่อีดอัด  อาการท้องอืด ก็จะไม่เกิดขึ้น

แต่ถ้าท่านทำแล้ว ปรากฏว้า การรู้ลมหายใจปรากฏไม่ชัดเจน และ รู้สีกอีดอัดไม่สบายกาย
แสดงว่า ท่านวางจิตในการรู้ไม่ตรงดี หรือ กำลังจิตของท่านยังไม่แข็งแกร่งมากพอ
ท่านไม่ควรใช้วิธีการในข้อ 2.2 นี้ต่อไปอีก เพราะโรคท้องอืดจะกลับมากำเริบได้

แต่การมองเห็นก้อนพลังงานในโลกภายใน ไม่ใช่ของง่าย
นักภาวนาบางคน ก็ยังทำไม่ได้ หรือ ทำไม่เป็น ดังนั้นวิธีนี้ จึงยังมีข้อจำกัด
ในการใช้ ที่สามารถใช้ได้ในเฉพาะคน ที่สามารถมองเห็นก้อนพลังงานได้

วิธีที่ 3  ...เป็นวิธีของตัวท่านเอง ท่านทำแล้ว ท้องไม่อืด ก็ใช้ได้เช่นกัน
ขอให้สังเกตว่า วิธีใดที่ดีแล้วใช้ได้ท้องไม่อืด ก็คือ เมื่อทำแล้ว สามารถรู้ลมหายใจได้ชัด
และไม่รู้สีกอึดอัด  โดยไม่ต้องไปสนใจจ้องที่ลมหายใจ
การรู้ลมหายใจชัดโดยไม่จ้อง ตอนนั้น สติจะมีพลังแข็งแกร่ง อาการท้องอืดก็จะไม่เกิดขึ้น
.
หมายเหตุ
อาการท้องอืดนี้ จะรบกวนนักภาวนา ตั้งแต่ที่ นักภาวนาฝีกฝนได้ดีพอ
ที่จิตตัวรู้ จะไม่ถูกจิตพลังงานครอบงำเหมือนจิตปุุถุชน
และ อาการนี้ จะตามรังควาญตลอดไป จนกว่า นักภาวนา จะได้เห็นกลไก
ของจิตพลังงงานและจิตตัวรู้ ได้ชัดเจนกระจ่างแจ้งด้วยปัญญาญาณแล้ว
นักภาวนาจึงจะหลุดจากการถูกรังคราญจากโรคท้องอืดนี้ได้อย่างสมบูรณ์
การรู้แจ้งด้วยปัญญาญาณ จะส่งผลให้ จิตเกิดอาการแจ่มใจ เบิกบาน
และ อาณาปานสติ จะสมบูรณ์  รู้ลมหาใจได้ชัดและไม่อึดอัด
.
7...  ถ้าท่านนักภาวนาทียังแก้ไขหาวิธีไม่ได้  มีอาการท้องอืด ปวดท้องอยู่เสมอ
การลดอาการท้องอืด สามารถทำได้ โดยการกิน ขมิ้นชัน เพื่อแก้อาการท้องอืดไปก่อนได้
ต่อเมื่อ ท่านจัดการแก้ไขจนท้องไม่อืดแล้ว ท่านไม่ต้องกิน ขมิ้นชัน อีก
**
หวังว่า บทความนี้ จะให้ประโยชน์แก่ท่านนักปฏิบัติทีพบปัญหานี้อยู่
อาจเป็นแนวทางให้ท่านใช้แก้ปัญหาของท่านได้ต่อไป
*
บทความนี้ เริ่มเขียนครั้งแรก 23.12.2019  และได้่มีการปรับปรงหลายครั้ง
ด้วยกัน ท่านที่เคยอ่านมานานแล้ว  และ มีปัญหาท้องอืด ขอแนะนำให้อ่านซ้ำใหม่ 
ขอบคุณครับ
 


Create Date : 23 ธันวาคม 2562
Last Update : 9 ธันวาคม 2565 10:44:06 น. 1 comments
Counter : 2246 Pageviews.

 
แนะนำอ่านเพิ่มเติม
เรื่อง การเกิดเป็นทุกข์
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=01-2020&date=26&group=6&gblog=62


โดย: นมสิการ วันที่: 27 มกราคม 2563 เวลา:9:31:03 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.