รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2565
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
1 พฤศจิกายน 2565
 
All Blogs
 
สัมมาสติ ในการภาวนา

11..บทความเรื่อง "สัมมาสติ ในการภาวนา"   เป็นความเข้าใจส่วนตัว  ที่เกิดจากการภาวนาของผู้เขียนเอง  สิ่งที่เขียน ไม่จำเป็นว่า ต้องไปเหมือนกับใครพูด หรือ ตำราเล่มใด

22..สติ หมายถึง การที่ยังไม่ลืม   ซี่ง สติ นี้ จะมี 2 อย่างคือ สติทางโลก และ สติในการภาวนา

A..สติทางโลก หมายถึง ยังไม่ลืมในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับทางโลก  ยกตัวอย่างเพื่อความเข้าใจ
สมมุติว่า แม่สั่งว่า ถ้าออกไปเรียนหนังสือแล้ว ขากลับบ้านตอนบ่าย ให้แวะไปซื้อไข่ไก่เบอร์ 2 มา 12 ฟองด้วย  พร้อมกับให้เงินไว้  
.
กรณีที่ 1....เมื่อเวลาผ่านไป  ไปเรียนหนังสือแล้ว แล้วขากลับบ้านตอนบ่าย  เกิดลืมเรื่องที่แม่สั่งไว้ ก็กลับมาบ้านเลย อย่างนี้คือ  ไม่มีสติทางโลก
กรณ๊ที่ 2... เมื่อเวลาผ่านไป ไปเรียนหนังสือแล้ว ขากลับมาบ้าน จำได้ว่า แม่ให้ซื้อไข่ไก่ แต่จำไม่ได้ว่า ไข่ไก่เบอร์อะไร   อย่างนี้ ก็คือ การไม่สติทางโลกเช่นกัน
กรณีที่ 3...เมื่อเวลาผ่านไป ไปเรียนหนังสือแล้ว ขากลับมาบ้าน จำได้ชัดว่า แม่สั่งให้ซื้อไข่ไก่เบอร์ 2  จำนวน 12 ฟอง ก็ซื้อมาให้แม่ได้  แบบนี้ คือ การมีสติทางโลก

การมีสติ ทางโลก เป็นเรื่องที่ดี ที่ทำให้การงานทางโลกไม่เสียหาย แต่ไม่สามารถทำให้หลุดพ้นไปจากกองทุกข์ได้

B..สติในการภาวนา  (สติทางธรรม)
สติในการภาวนา จำเป็นต้องรู้จัก สติปัฏฐาน 4 เสียก่อน เช่น ตอนไปฝีกฝนที่สำนักหรือที่วัด
มีการสอนให้เดินจงกรม โดยรู้การสัมผัสที่ร่างกายในขณะเดิน เราก็ฝีกฝนไป ทุกครั้งที่ฝีกเดินจงกรม ให้รู้การสัมผัสที่ร่างกายไปด้วย

แต่พอเวลาไม่ได้ฝีกฝนอยู่ในสำนัก
ได้กลับมาบ้านแล้ว เวลาเดินไปมา  ก็เดินไป โดยไม่รู้การสัมผัสที่เกิดขึ้นที่กายเลย แบบนี้ คือ การไม่มีสติทางธรรม

ข้างบนนี่เป็นตัวอย่าง เพราะสติในการภาวนานั้น มีหลายระดับขึ้นกับความรู้ของนักภาวนา
เช่น เจ้าชายสิทธัตถะ ได้นึกถึงตอนนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ในวัยเด็ก แล้วก็นึกถึงที่เคยฝีก อาณาปานสติ

กลไกของสติในการภาวนานี้ ถ้ายังไม่ลืมถึงสภาวะธรรมที่เกิดในการภาวนา ก็เรียกว่า มีสติอยู่
เช่น ทำงานทางโลกอยู่ ก็ยังรู้ได้ถึงการสัมผัสที่เกิดขึ้นที่กายได้อยู่

ส่วนสติในการภาวนานั้น จะมั่นคงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวนักภาวนาเอง
ถ้าตัวนักภาวนาเอง มีโมหะที่หนักแน่น การมีสติในการภาวนาเมื่ออยู่ในชีวิตจริง
ก็จะเกิดได้ยาก  ซี่งอาการแบบนี้ มักเรียกกันว่า "หลงไปแล้ว "

33...การพัฒนาสติทางธรรม ทำได้อย่างไร

การขาดสติทางธรรมนั้น เกิดจาก โมหะที่ครอบงำจิตอยู่ ถ้าครอบงำหนาแน่น ก็ยากที่สติทางธรรมจะเกิดขึ้นได้  การกำจัดโมหะที่ครอบงำ ถ้ากำจัดให้เบาบางคงได้ สติทางธรรมก็จะพัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่างช้า  ๆ 

ผู้เขียนได้พบอาการที่เกิดกับตัวผู้เขียนเอง  ที่พัฒนาในการมีสติทางธรรมว่า
การพัฒนาจะเกิดขึ้นได้ ถ้ามีการเห็นทันการไหวตัวของตัวจิต 
ถ้าสามารถเห็นทันการไหวตัวของตัวจิตได้ครั้งหนี่ง ก็มีการพัฒนาของสติไปครั้งหนี่ง
แต่การพัฒนานี้ ต้องมีการพัฒนาไปหลายๆ ครั้ง แล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน 1 ครั้ง
ซี่งการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ อาจมีอาการปรากฏขึ้น เช่น รู้ว๊าบของแสงสว่างปรากฏเหมือนไฟแฟลตกล้องถ่ายรูป หรือ พอรู้แล้ว เกิดอาการหนาวสั่นจับใจปรากฏชึ้นประมาณ 5 วินาที หรือ อาจมีอย่างอื่นอีกก็ได้ แล้วแต่บุคคลและเหตุการณ์

ซี่งการเปลี่ยนแปลอย่างฉับพลันนี้ เกิดได้ยาก นาน ๆจะเกิดสักทีหนี่ง แต่ถ้าเกิดแล้ว นักภาวนา
ก็จะพบว่า ตนมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นของการมีสติทางธรรมที่ดีขึ้น
เช่นจากที่เป็นคน หลง อยู่เสมอ ก็พบว่า ตนนั้น มีสติได้บ่อยขึ้น และ ยาวนานขึ้นได้กว่าเดิม

การเกิดการรู้แว๊บ นี้สำคัญ สั้นๆ  เพียงเสี้ยววินาที แต่นี่คือ เหตุการณ์สำคัญ
ที่จะทำให้ก่อการเกิดขึ้นของ สติทางธรรม

44.. สติทางธรรม ที่เป็นแบบ ภายนอก และ ภายใน เป็นอย่างไร

ในสติปัฏฐาน 4  พระไตรปิฏกเถรวาท ได้กล่างถึง  สติที่เป็นภายนอก และ สติที่เป็นภายใน
แล้ว สติทั้ง 2 แบบนี้เป็นอย่างไร ต่างกันอย่างไร

C..สติภายใน  
สติภายในนี้ ไม่ใช่ การรู้เข้าไปภายในกาย 
แต่เป็น สติปัฏฐ่าน เมื่อมีการใช้ ญาณ ในการเจริญสติปัฏฐาน
ดังนั้น คนที่จะปฏิบัติสติภายในได้ ต้องมี ญาณ เกิดก่อนแล้ว จึงทำได้ 
คนธรรมดาจะทำไม่ได้เลย

โลกในการภาวนานั้น มี 2 โลก คือ โลกปกติ ที่คนเรารู้จักกันดีอยู่แล้ว
ใน Blog ของผูัเขียนได้เรียกชื่อโลกแบบนี้ว่า โลกภายนอก
โลกนี้ จะมีคน สัตว์ สิ่งของ มีกิจกรรมต่างๆ ของคนมากมาย

โลกอีกโลกหนี่ง เป็น โลกของมิติคู่ขนานกับโลกภายนอกนี้
ใน Blog ของผูัเขียนได้เรียกชื่อโลกนี้ว่า โลกภายใน

โลกภายใน จะไม่มีคน ไม่มีสัตว์  มีแต่ สภาวะของพลังงาน
การเห็นโลกภายในได้  ต้องเป็นคนที่ภาวนาจนมี ญาณ ได้แล้ว
จึงจะเห็น โลกภายในได้

เมื่อนักภาวนาเจริญสติปัฏฐานภายใน  ก็จะเกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริง
ว่า คน สัตว์ สิ่งของ และตัวเรา ไม่มีอยู่เลย

D..สติภายนอก

เป็นการเจริญสติปัฏฐานของผู้ที่ไม่มี ญาณ  ซี่งคนทั่วไป ที่ยังไม่มี ญาณ
จะทำได้เพียงสติภายนอกเท่่านั้น  ไม่สามารถเจริญสติภายในได้เลย

การเจริญสติปัฏฐานภายนอกนั้น เป็นการฝีกฝนการรู้ความรู้สึกของกาย หรือ
รู้ความรู้สึกของเวทนา หรือ รู้ความรู้สึกของจิต หรือ รู้ความรู้สีกของธรรม
เมื่อ ฝีกสติภายนอกไปเรื่อยๆ  ก็จะมีการพัฒนาของสติ เริ่มมีความสามารถมากขึ้นไป
เรื่อยๆ  จนมีดวงตาเห็นธรรมเกิดขึ้น ( ตาใน )

เมื่อ ตาใน เกิดขึ้นแล้ว นักภาวนาจะสามารถทำ สัมมาฌาน ได้ โดยการเพ่งจ้อง
ในโลกภายใน อันเป็นความว่างเปล่า หรือ ที่พูดกันว่า เพ่งอรูป
แต่การเพ่งแบบนี้ ยังไม่ใช่ทางแห่งมรรค
นักภาวนาต้องปฏิบัติไป จนเกิด ญาณ เกิดขึ้น
ญาณ จะไปเห็นสภาวะธรรมต่างๆ ของสติปัฏฐาน ภายในได้
จึงจะเป็นการเข้าสู่ทางแห่งมรรคอย่างแท้จริง

การพัฒนาจาก สัมมาฌาน ไปสู่ ญาณ เป็นศาสตร์ลึกลับ ที่ไม่สามารถสอน
กันได้ นักภาวนาต้องฝีกฝนไป จนสามารถเข้าใจและสามารถใช้ ญาณ เป็น
จึงสามารถ เจริญ สติปัฏฐานภายใน ได้

เมื่อ ญาณ ปรากฏขึ้น นักภาวนา เจริญสติปัฏฐานภายในไปเรื่อยๆ 
ปัญญาที่มี ญาณ เป็นฐาน ก็จะเจริญงอกงามมากขึ้นตามลำดับ 
จนเข้าใจ ธรรม ทั้งปวงว่า ไม่ใช่เรา ไม่มีเรา ไม่ใช่ของ ๆ เรา

 


Create Date : 01 พฤศจิกายน 2565
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2565 11:57:10 น. 0 comments
Counter : 455 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.