เวทนาคืออะไร เวทนานุปัสนาทำอย่างไร
บทความนี้ลงใน fb เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2555 ขอบคุณคุณหนุ่มที่ส่งมาให้ครับ ผมมีความเห็นให้ท่านที่อ่านเรื่องของผมอยู่ได้พิจารณาเอาเองด้วยปัญญาของท่าน 1. ในการภาวนาจริงๆ นั้น ไม่อาจจะแบ่งได้ว่า จะเลื่อกภาวนาอะไร ใน 4 หมวดของสติปัฏฐาน 4 เพราะในความเป็นจริง ทั้ง 4 หมวดจะเกิดขี้นทั้งหมดพร้อม ๆ กันเสมอ ถ้าท่านเลือกกายานุปัสสนา มันก็จะมี เวทนานุปัสสนา จิตตานุปัสสนา ธรรมมานุปัสสนา เกิดอยู่พร้อมกันเสมอ เพียงแต่ว่า... ท่านนักภาวนามองเห็นได้หรือไม่ เข้าใจได้หรือไม่เท่านั้นว่า มีสติปัฏฐาน 4 เหล่านี้เกิดขึ้นแล้วในตัวท่าน 2. เวทนานุปัสสนา การรับรู้อาการเวทนาทางกายและใจ กายไม่ทุกข์ก็รู้ กายทุกข์ก็รู้ ใจทุกข์ก็รู้ ใจไม่ทุกข์ก็รู้ แต่สำหรับมือใหม่แล้ว การรู้กายใจ ในขณะที่ไม่ทุกข์ จะ**ไม่รู้**เพราะกำลังแห่งสัมมาสติยังไม่แรงพอ แต่จะรู้ได้ในอาการที่ กายใจ นั้นเป็นทุกข์ แต่พอกายใจเป็นทุกข์ขึ้นมา ด้วยกำลังแห่งสัมมสติทียังอ่อนปวกเปียกเป็นโจ๊กเหลว ๆ จะไม่สามารถต่อสู้กับแรงของตัณหาได้ เมื่อสู้ตัณหาไม่ได้จิตก็จะถูกดึงไปยึดติดกับเวทนาที่เป็นทุกข์ทันที จึงเป็นว่า กายเป็นของฉัน ฉันเป็นทุกข์ทรมานเจ็บปวดทางกาย ใจเป็นของฉัน ฉันเป็นทุกข์ทรมานทางใจมันจะเป็นซะอย่างนี้ แต่ทีนี้ จะมีบางสำนักหรือบางท่าน ที่ต้องการจะชนะทุกขเวทนาไปทนนั่งสมาธิ ปวดก็ทนเอา แต่ใจมันยึดไปแล้วด้วยตัณหา มันก็ไม่ได้ผลออกมา ก็จะมีบางท่าน ที่นั่งจนชนะได้ แต่ชนะแบบนี้ ก็จะไม่เห็นตัวสภาวะอยู่ดี ก็จะเป็นว่า ฉันชนะเวทนาแล้ว กลายเป็นมีตัวฉัน ตัวตนไปอีก และข้อควรระวังอย่างยิ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมพบมา ระวังขาของท่านเอง นั่งทนแบบนี้บ่อยๆ มีสิทธิเดี้ยงได้ แทนที่ท่านจะเดินได้อย่างคนปรกติ ท่านอาจจะพิการได้นะครับ 3. แล้วเวทนานุปัสสนาควรเจริญเมื่อไร ในข้อ 2 ผมกล่าวถึงมือใหม่ไม่ควรเจริญเวทนานุปัสสนา เพราะเป็นกรรมฐานที่ไม่เหมาะกับมือใหม่เป็นอย่างยิ่ง ในการภาวนาสำหรับมือใหม่นั้น เนื่องด้วยกำลังสัมมาสติไม่แรงพอ การภาวนาด้วยเวทนานุปัสสนา ก็ไม่เหมาะดังข้อ 2 ที่ได้เขียนไว้ ครั้นจะไปที่จิตนานุปัสสนา ก็เป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะพอจิตปรุงแต่งเกิด ก็จะไม่เห็นอีก แล้วก็ถูกตัณหาดึงไปเกาะยึดอีก กรรมฐานที่เหมาะสุดสำหรับมือใหม่ คือ กายานุปัสสนา เมื่อมือใหม่เจริญกายานุปัสสนาไปเรื่อย เกิดกำลังสัมมาสติแรงขึ้น อันดับแรกสุดคือ เขาจะพบกับอาการจิตแยกตัวออกจากสิ่งที่ถูกรู้ พอจิตแยกตัวออกได้ เขาจะพบกับสภาวะของความคิดปรุงแต่ง (จิตปรุงแต่ง) อันเป็นจิตตานุปัสสนาได้แล้ว และเมื่อจิตแยกตัวออกได้ นักภาวนาก็จะสามารถที่จะแยกทุกขเวทนาทางกายได้เช่นกันในบางครั้ง นักภาวนาในช่วนนี้ จะเห็นเองว่า จิตปรุงแต่งและทุกขเวทนาไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของ ๆ เรา แต่ก็มีบางครั้งที่พ่ายแพ้ตัณหาได้อยู่ พอเขาพบกับจิตตานุปัสสนาได้แล้ว ต่อไปเขาจะพบ มโน พบจิตผู้รู้ เมื่อทำลายจิตผู้รู้ได้แล้วนั่นแหละ เขาจะพบอาการหนึ่งของจิต เป็นจิตที่มีอุเบกขา จิตไม่ทุกข์ เบาสบาย ปลอดโปร่ง อันเป็นเวทนานุปัสสนาที่ไม่ทุกข์ จะเห็นว่าเวทนานุปัสสนาที่ไม่ทุกข์ ก็จะพบได้ตอนท้าย ๆ ของขีวิตการภาวนา นักภาวนาทีชำนาญมาก ๆ ในชีวิตประจำวัน เขาจะอยู่กับเวทนานุปัสสนาที่ไม่ทุกข์ อยู่กับอารมณ์อุเบกขา และ สภาวะแห่งสุญญตา แต่ก็ยังคง กายานุปัสสนาอยู่ด้วย เรียกว่า พบกันครบเครื่องทั้ง 4 หมวดของสติปัฏฐาน 4 ในตอนจบ **อธิบายเพิ่มเติมจากที่เขียนไว้ใน fb** การพบกับเวทนานุปัสสนานั้น ถ้านักภาวนายังต้องส่งจิตเพื่อไปรับรู้ถึงเวทนาว่าตอนนี้เป็นอย่างไร อย่างนี้ยังไม่ใช่นะครับ เมื่อนักภาวนาได้ภาวนาถึงระดับ กำลังสัมมาสติแรงขึ้นพอ เขาจะรับรู้เวทนาได้เองโดยที่เขาไม่ต้องส่งจิตเพื่อไปรับรู้อาการของเวทนาเลย ซึ่งถ้าจะเปรียบก็จะคล้าย ๆ กับ ท่านนั่งอยู่แล้วมีลมกระโชกมาโดนกาย ท่านไม่ต้องส่งจิตเพื่อไปรับรู้เลยว่ามีลมมากระโชก แต่ท่านรู้ได้เองใช่ใหมครับ การรับรู้เวทนาในสติปัฏฐานก็เช่นกันจะเป็นแบบรู้สึกได้แบบลมกระโชกมาโดนกาย ซึ่ง จะเป็นว่า ท่านนักภาวนาต้องรับรู้ได้เองโดยที่ไม่ต้องส่งจิตไปรับรู้อาการของเวทนา ***** การเลือกเส้นทางการภาวนา อยู่ทีนักภาวนาเอง อยากจะเดินแบบสบายๆ ไปเรื่อย ๆ หรืออยากจะสู้กับทุกข์ตั้งแต่แรกโดยที่ยังไม่มีความสามารถที่จะสู้กับมันได้ เรืองนี้ นักภาวนาเลือกได้เอง ** ข้อคิด ทหารที่ไม่เคยฝึกฝน ออกสนามรบ มักจะไม่รอดชีวิตกลับมา นักมวยที่ไม่มีความชำนาญ ย่อมถูกคู่ต่อสู้น๊อคคาเวทีเสมอ นักภาวนาที่ไม่มีกำลังจิตพอ มีหรือจะสู้กับทุกข์เวทนาได้
Create Date : 03 มิถุนายน 2555 |
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 8:30:38 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2652 Pageviews. |
|
|