ภาวนาเพื่อให้รู้ทุกข์แล้วจิตไม่ยีดติดกับทุกข์ ผลคือจิตเป็นอิสระ จิตไม่ทุกข์
เวลาทีนักภาวนาลงมือฝีกฝนในรูปแบบไม่ว่าจะเป็นสำนักใด สิ่งทีต้องเกิดแน่ ๆ ก็คือทุกข์
ทุกข์ทีเกิดทันทีก็คือ ทุกข์ทางกายอันเกิดจากอิริยาบททีใช้ฝีกฝน ไม่ว่าจะนั่ง จะเดิน จะยืน จะนอน ก็มีทุกข์ทางกายปรากฏขึ้นทั้งนั้น
นอกจากทุกข์ทางกายทีนักภาวนาจะสัมผัสได้ทันที นักภาวนาจะสัมผัสทุกข์ทางใจได้อีกด้วย
ทุกข์ทางใจนี่ ไม่ได้หมายถีงอาการไม่สบายทางใจ หรือ กิเลสต่างๆ ทีเกิดขึ้นทางใจเท่านั้น แต่รวมไปถีงอาการแปรเปลี่ยนไปในในทางจิตใจ เช่น ความคิดต่างๆ ความรู้สีกต่าง ๆ ในจิตใจ
นักภาวนาส่วนมาก พอได้สัมผัสกับทุกข์ทางใจ มักจะเกิดคำถามเสมอว่า นี่คืออะไร ซี่งในการภาวนาน้้น นักภาวนาไม่จำเป็นต้องไปรู้เลยว่า ทุกข์ทีสัมผัสได้คืออะไร แต่นักภาวนาเพียงสัมผัสแล้วรู้ได้ถีงการสัมผัสนั้น ๆ แล้วอย่าไปสนใจมันอีก เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว
เมื่อรู้ทุกข์ทีเกิดขึ้นด้วยการสัมผัส ไม่ว่าทุกข์ทางกายหรือทุกข์ทางใจ เมื่อจิตไม่ยีดติดในทุกข์นั้น ๆ จิตก็เป็นอิสระจากทุกข์ เมื่อจิตเป็นอิสระจากทุกข์ นั่นคือ นิโรธ คือ ความไม่ทุกข์
การฝีกฝนนั้น เพียงฝีกฝนรู้ทุกข์ทางกาย ทางใจ แล้วจิตไม่ยีดติดดังกล่าวไปเรื่อยๆ ผลคือจิตทีตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิ เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว สภาวะธรรมทีละเอียดคือความไม่ทุกข์ (นิโรธ) จะประจักษ์แจ้งแก่นักภาวนาเอง
นิโรธ คือ ความไม่ทุกข์นั้นจะมี 2 แบบขึ้นกับกำลังความตั้งมั่นในสมาธิของจิต
ถ้าจิตตั้งมั่นอย่างดีและค่อนข้างถาวร นักภาวนาก็จะพบกับ นิโรธ ทีค่อนข้างถาวร ถ้าจิตตั้งมั่นประเดี๋ยวประด๋าว ไม่ถาวร นักภาวนาก็จะพบกับ นิโรธ ชั่งคราวในยามทีจิตตั้งมั่น พอจิตไม่ตั้งมั่น นิโรธ ชั่วคราวนี้ก็จะหายไป
การภาวนานั้น ถ้าเพียงเข้าใจในหลักการแห่งอริยสัจจ์ 4 กล่าวคือ การรู้ทุกข์ อันเป็นอริยสัจจ์ข้อที 1 ด้วยการละตัณหา อันเป็นอริยสัจจ์ข้อที 2 ผลก็คือ การแจ้งในนิโรธ อันเป็นอริยสัจจ์ข้อที่ 3
อ่านดูแล้วเหมือนง่าย แต่จริงๆ แล้วง่ายมากถ้าเข้าใจ เพียงรุ้ทุกข์ด้วยการละตัณหาเท่านั้น นิโรธชั่วคราวก็เกิดขึ้นแล้ว ถ้านักภาวนาเข้าใจว่านิโรธหรือความไม่ทุกข์นั้นเป็นอย่างไร
ส่วนนิโรธถาวร ก็ขึ้นกับความตั้งมั่นแห่งสัมมาสมาธิ ซี่งถ้านักภาวนาเข้าใจนิโรธชั่วคราวทีเกิดจากการรู้ทุกข์ทีละตัณหาเท่านั้น แล้วฝีกฝนไปเสมอ ๆ จนเกิดสัมมาสมาธิทีตั้งมั่นอย่างแท้จริง นิโรธถาวรก็ปรากฏขึ้นเอง
จุด 1 จุดทีทำด้วยดินสอในกระดาษสีขาว ถ้าหมั่นเขียนจุดไปเรื่อยๆ ต่อๆ กัน จุดทีละจุดนั้นจะกลายเป็นเส้น นี่คือความต่อเนื่อง นิโรธชั่วคราวก็เช่นกัน ถ้าฝีกฝนไปตลอดก็เป็นนิโรธถาวรขึ้นมา เพียงแต่ว่า การใส่จุดของนิโรธนั้นต้องใช้ความอดทนและเวลาทียาวนานกว่าจะได้เป็นเส้นออกมา
เมื่อมีทุกข์ปรากฏขึ้นในจิต นี่คือ **ความมี** ที่ปรากฏขึ้น เมื่อละทุกข์นั้นไม่ยีดติดในทุกข์นั่้น ทุกข์ก็สลายไปเป็นไตรลักษณ์เอง แล้วความ **ไม่มี** ก็จะปรากฏขึ้นแทนทีใน **ความมี**
** ความไม่มี ** นี่แหละคือนิโรธ ซี่งอริยสัจจ์ 4 ข้อที 3 ได้สอนว่า ให้ทำให้แจ้ง
ความเข้าใจในการรู้ทุกข์ด้วยการละตัณหา ผลคือนิโรธ นี่คือ มรรคอันเป็นข้อ 4 ในอริยสัจจ์ 4
ส่วนการฝีกฝนตามสำนักนั้น เป็นเพียงอุบายในมรรค จะทำอย่างไรก็ได้ทั้งสิ้น ถ้าการฝีกฝนนั้นอยู่ทีการรู้ทุกข์ด้วยการละตัณหาเท่านั้น
Create Date : 01 ธันวาคม 2556 |
Last Update : 1 ธันวาคม 2556 9:02:32 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1617 Pageviews. |
|
|