รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2565
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
4 พฤศจิกายน 2565
 
All Blogs
 
วิธีเรียกใช้ สติในการภาวนา เพื่อการแก้ทุกข์ใจ

11...บทความนี้  ผู้เขียนขอนำประสบการณ์แก้ทุกข์ใจ ด้วยการเรียกใช้ สติ มาแบ่งปัน
แก่ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
.
บทความก่อนหน้า แนะนำอ่านก่อน 
เรื่อง สัมมาสติ ในการภาวนา
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=11-2022&date=01&group=17&gblog=267

22...ท่านที่เป็นนักภาวนา และ ได้ลงมือภาวนามาบ้างแล้ว จนจิตสามารถพบกับ
อาการไหวตัวของจิตบางอย่างได้บ้างแล้ว  จะสามารถนำวิธีการนี้ไปใช้ได้
.
อาหารไหวตัวของจิตนั้น เป็นสภาวะธรรมที่เกิดภายในจิตเอง ซี่งมีอยู่มากมายมหาศาล
แต่ สำหรับมือใหม่ในการภาวนา สภาวะธรรมข้างล่างนี้ เป็นการไหวตัวของจิต
ที่มือใหม่ในการภาวนา สามารถพบได้โดยไม่ยากนัก เพียงได้ลงมือภาวนาที่ตรงกับองค์มรรคเท่านั้น  ไม่นานเกิน 6 เดือน ท่านมือใหม่ ต้องสามารถคงพบได้เองเป็นแน่
.
อาการเบื้องต้นของการพบการไหวตัวของจิต ที่มือใหม่จะพบได้ จะมีดังนี้
A..เคยเห็น อารมณ์โกรธ พลุ่งพล่านขึ้นแว็บหนี่ง แล้ว ดับตัวลงไปเป็นไตรลักษณ์ แบบเห็นได้จะจะ
B..เห็นเหมือนมีแสงไฟแฟชกล้องถ่ายรูป ปรากฏตัวแวบหนี่งสั้น ๆ เพียงเสียววินาที
C...เห็นแสงอะไรก็ไม่รู้ พุ่งออกจากดวงตาออกไปข้างหน้า
D...เห็นภาพวัตถุเคลื่อนไหวเป็น slow motion เช่น เห็น หมาเดินแบบ slow motion  (เหมือนภาพยนต์เรื่อง Matrix )
.
4 สิ่งข้างบน คือ มือใหม่จะพบได้ แต่ถ้ามือเก่าละก็ จะมีอาการเพิ่มอีกมากมาย
บทความนี้ ขอแชร์วิธีการเรียกใช้ สำหรับ มือใหม่ เพื่อการนำมาใช้ในการแก้ทุกข์ใจที่เกิดขึ้น
ไปได้บ้าง  อาจไม่ถึงกับหมดทุกข์ แต่ทุกข์ลดลง ก็ยังดีกว่า ทุกข์หนักที่ค้างคาอยู่
.
33...วิธีใช้งาน
ขอยกตัวอย่าง สมมุติว่า ท่านที่เข้ามาอ่าน เคยเห็นอารมณ์ของตนเองโผล่พุ่งขึ้นมา
แล้ว ก็เห็นอารมณ์นั้น ดับลงไปต่อหน้าต่อตา
.
เมื่อท่านมีทุกข์  ขอให้ท่านเริ่มจากการหายใจ เข้าแรงๆ   แล้วปล่อยออกให้เป็นธรรมชาติ
ให้ทำอย่างนี้ก่อนสัก 3 ถึง 5 ครั้ง  จากนั้น ให้นึกถึง สิ่งทีเคยเห็นมาก่อน คือ การเห็นอารมณ์ของตนเองโผล่ พุ่งขึ้นมา แล้ว สิ่งที่พุ่งก็ดับลงไป  
.
การนึกถึงสภาวะธรรมแบบนี้ คือ การเรียกใช้ สติในการภาวนา
เป็นการนึกถึงสภาวะธรรมที่เคยพบมาก่อน เพื่อให้ สติเกิดขึ้น

พอนึกได้  สติในการภาวนาก็จะเกิดขึ้น 
แต่ถ้านึกอย่างไร ก็นึกไม่ออก แสดงว่า กำลังสติ ยังไม่พอ ยังเรียกใช้ไม่ได้
ให้รอเวลาในอนาคต ให้ฝีกฝนต่อไปก่อน จึงมาทดลองใหม่ได้

แต่ถ้า นึกปุ๊บ นึกออกทันที  อย่างนี้ สติ เกิดแล้ว พอสติเกิดแล้ว 
ท่านจะสามารถ รู้ลมหายใจ ปรากฏขึ้นได้ทันที
พอลมหายใจปรากฏขึ้นได้ ให้ประคองการรู้ลมหายใจนี้ไว้
แต่อย่าไปจ้องที่ปลายจมูกเด็กขาด เพราะการไปจ้องที่ปลายจมูก
นี่จะทำให้จิตยึดติดที่ปลายจมูก ตัณหาจะเกิดในจิต
.
พอรู้ลมหายใจได้  ไม่ต้องไปสนใจลมว่า อยู่ที่ไหน เพียงแต่ประคองให้รู้่ลมหายใจไว้ก็พอ
ให้ทำแบบนี้ จนกว่า การรู้ลมจะดับลงไปเอง คือ รู้อีกไม่ได้ นี่คือ สติ ได้หลุดแล้ว
แต่ไม่เป็นไร ท่านจะพบว่า การประคองรู้ลมแบบนี้ ที่เป็นธรรมชาติ
อาการทุกข์ใจ จะลดลงไปจากเดิม หรือ อาจหายไปเลยก็ได้
.
แต่ถ้า สติ เกิดหลุด แล้วทำให้ รู้ลมหายใจ ไม่ได้อีก ทุกข์ใจ ก็จะกลับมาเกิดใหม่ได้อีก
ที่เป็นดังนี้ เพราะ สติหลุด ตัณหา ก็จะเกิดขึ้น แล้วทุกข์ก็จะเกิดกลับมาอีกครั้ง
.
44...การที่ทุกข์ใจกลับมาใหม่ ไม่ใช่วิธีนี้ ใช้ไม่ได้
ท่านควรเข้าใจ กลไกของจิต การที่ทุกข์ใจเกิด เพราะจิตมีตัณหา
ถ้ารู้ลมหายใจ ตอนนั้นมี สติ ทำงานอยู่
ถ้า มีสติทำงานอยู่ จิตไปรู้ลมหายใจได้ ทุกข์ก็จะดับลงไป
นี่เป็นกลไกธรรมชาติของสติ และ ลมหายใจ จะเป็นอย่างนี้
.
เพียงท่าน หมั่นฝึกฝน ให้มีสติอยู่ได้ยาวนานขึ้น
คำถามมีว่า รู้ได้อย่างไรว่า สติอยู่นานขึ้นแล้ว
ทีสติที่ยาวนานขึ้น ให้ดูจากว่า ท่านยังสามารถรู้ลมหายใจได้อยู่หรือไม่
เป็นลมหายใจที่ไม่ยีดติดที่ร่างกาย ไม่มีปลายจมูก ไม่มีท้องให้ยีด
แล้วทุกข์ใจ ก็จะเกิดไม่ได้
.
ถ้าท่านมีกำลังจิตมากพอ ท่านจะพบว่า ลมหายใจที่เกิดพร้อมมีสติ
จะไม่มีที่ตั้ง ลมหายใจ จะลอย ๆ ไม่รู้อยู่ที่ไหน 
ซี่ง ผู้เขียนได้ตั้งชื่อเรียกว่า การรู้ลมหายใจแบบ Secondary 
ซี่งคำนี้ ท่านที่เข้ามาอ่านเรื่องอื่นของผู้เขียน ถ้าพบคำนี้ ก็คือความหมายแบบนี้
.
แต่ถ้ากำลังจิตของท่านมีไม่มากพอ ถ้าไปสังเกตลมหายใจละก็ ลมหายใจ จะหายไปทันที
ถ้าลมหายใจหาย ก็อย่างเพิ่งไปสังเกต ให้ภาวนาไปก่อน แล้วต่อไปใน อนาคต ถ้ากำลังจิต
มีมากพอ ค่อยมีทดลองดูใหม่
.
นี่เป็นวิธีการนำการภาวนามาใช้ประโยชน์
ไหน  ๆ  ก็ลงแรงฝีกฝนแล้ว  ควรนำมาใช้ประโยชน์ได้
แล้ว ท่านจะพบว่า  ธรรมะของพระพุทธองค์นั้น มีอยู่จริง แก้ทุกข์ได้จริง 
ถ้าท่านพบเองด้วยตนเองได้แบบนี้
ท่านจะมีความเชื่อมั่นว่า
พระพุทธองค์ มีอยู่จริง ธรรมะมีอยู่จริง พระสงฆ์คือ ผู้ที่ปฏิบัติจนพบธรรมะได้นั้น มีอยู่จริง 
เพราะท่านได้พบเองแล้ว ไม่ได้คิดเอง เออเอง
ท่านจะเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยจากที่ตัวท่านได้พบเองกับตนเอง
การเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยนี้ จะมั่นคงในจิตใจของท่าน และ
เมื่อความเชื่อมั่นในจิตมีขึ้น ท่านก็เป็นพุทธมามกะ แล้ว
ท่านจะเปล่งคำสรรเสริญพระรัตนตรัยได้อย่างเต็มปาก เต็มใจ

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ข้าพเจ้าขอถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึก
ข้าพเจ้าขอถือเอาพระธรรมเป็นที่พึ่งที่ระลึก
ข้าพเจ้าขอถือเอาพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก




Create Date : 04 พฤศจิกายน 2565
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2565 8:26:09 น. 0 comments
Counter : 567 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.