ประโยชน์ที่ได้จากการภาวนา
ผมเขียนบทความนี้ขึ้น ด้วยมีความปรารถนาที่จะช่วยท่านที่เป็นนักภาวนาและติดตามอ่านเรื่องที่ผมเขียนอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่เข้าใจวิธีการภาวนาอยู่ดีด้วยกฏ 3 ข้อที่ผมได้แนะนำไป ท่านที่มีปัญหา ลองอ่านบทความนี้ให้ดีๆ อาจช่วยท่านได้
เมื่อท่านลงมือกระทำสิ่งใดสิ่งหนี่ง ท่านย่อมได้รับผลแห่งการกระทำนั้น ๆ เสมอ ผลนั้นอาจเป็นด้านดี ส่งประโยชน์แก่ท่าน หรือ เป็นด้านลบแก่ท่านก็ได้
ในการภาวนานั้น ผลที่ท่านสมควรจะได้รับมีดังนี้
1. ด้านทางโลก 2. ด้านทางธรรม
**** 1. ด้านทางโลก ถ้าท่านภาวนาถูกทางที่ตรงตามคำสอนของพระพุทธองค์ในเรื่องของอริยสัจจ์ 4 ท่านย่อมได้ผลทางโลก ผลทางโลกมีอะไร
1.1 ท่านย่อมรู้จัก ทุกข์ และ การไม่ทุกข์ และ รู้ว่า จะจัดการกับทุกข์ที่เกิดขึ้นอย่างไร เพื่อให้ทุกข์ของท่านลดลง หรือ หายไปในที่สุด
ถ้าผมเขียนทิ้งไว้แค่ข้างบนของข้อ 1.1 ผมเชื่อว่า จะมีท่านที่มองไม่ออกว่า ผมต้องการสื่ออะไร และ จะจัดการเรื่องทุกข์ได้อย่างไร
ทุกข์ของคนนั้น จะมาจาก 2 อย่าง คือ ทุกข์ทางกาย และ ทุกข์ทางใจ ปัญหาอะไรของท่านทุกอย่างจะมาปรากฏที่ทุกข์ไม่ทางกาย ก็ทางใจ หรือ อาจทั้ง 2 อย่าง
ทุกข์ทางใจ คือ อะไร... ทุกข์ทางใจ ก็คือ ก้อนพลังงานความคิดที่มันโผล่ขึ้นมา (ถ้าท่านเพิ่งมาอ่านเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ก็ขอให้อ่านบทความก่อนหน้านี้ก่อน ใน*ธรรมปฏิบัติ7* ท่านจะเข้าใจว่า ก้อนพลังงานความคิดที่ผมกล่าวถึงคืออะไร ) ท่านที่ภาวนามาบ้างแล้วตามที่ผมแนะนำ และสัมผัสก้อนพลังงานความคิดนี้ได้ คงบอกตัวเองได้ว่า เมื่อก่อนหน้านี้ ไม่เคยรู้จักก้อนพลังงานความคิดนี้ เมื่อท่านภาวนามาถูกทาง ท่านจะสัมผัสก้อนพลังงานนี้ได้ ซึ่งจะทำให้ท่านรู้ว่า ตอนนี้ทุกข์กำลังมาเยือนท่านแล้วนะ
ก้อนพลังงานความคิดนี้ ถ้ามันค้างติดอยู่ ไม่หายไปโดยเร็ว มันจะเป็นสิ่่งร้ายที่จะทำให้เกิดทุกข์ทางร่างกายตามมา อาทิเช่น ปวดหัว โรคกระเพาะ ความดันโลหิต และ อื่นๆ อีกสารพัด
1.2 ท่านจะมีสมองที่มีคุณภาพสูงขึ้น หน้าที่การงานของท่านจะถูกแก้ใขได้ดีขึ้น เพราะ เมื่อท่านภาวนามาถูกทาง กำลังแห่งสัมมาสติ สัมมาสมาธิ จะทำให้ท่านสามารถควบคุมความคิดฟุ่งซ่านได้ เมื่อความคิดฟุ่งซ่านควบคุมได้ ท่านย่อมมีความคิดที่ดีกว่าในการแก้ปัญหาหน้าที่การงานของท่าน
2. ด้านทางธรรม
ด้านทางธรรม จะทำให้ท่านสัมผัสความเป็นไตรลักษณ์ของขันธ์ 5 ได้ ทำให้เกิดการปล่อยวางขันธ์ 5 และ เข้าใจธรรมชาติของขันธ์ 5 ได้อย่างถูกต้องตามความเป็นจริงว่า ขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของ ๆ เรา
***** ผมได้เขียนถึงประโยชน์ทีท่านจะได้รับซึ่งสรุปง่าย ๆ ก็คือ การรู้จักทุกข์และรู้จักวิธีแก้ทุกข์ที่เกิดขึ้น และ การมีปัญญาเพื่อความปล่อยวางจากการยึดติดในขันธ์ 5 ซึ่งเป็นผลจากการฝึกฝนที่ตรงทาง
เมื่อผลเป็นอย่างนี้ ท่านก็นำไปใช้ในการฝึกจริงได้เลยดังนี้
*****เมื่อท่านฝึกท่านเพียงรู้วา ตอนนี้มีทุกข์ หรือ ตอนนี้ไม่มีทุกข์ (ที่กล่าวในข้อ 1.1) คือ สบาย ๆ ดีอยู่ และ รับรูุ้ถึงอาการต่างๆ ของขันธ์ 5 ที่มันแปรเปลี่ยนไปมาอยู่ตลอด (ที่กล่าวมาในข้อ 2 ) ท่านฝึกรูุ้เพียงเท่านี้ ก็สามารถฝึกเพื่อการพัฒนาของกำลังสัมมาสติ และ สัมมาสมาธิ ได้แล้ว*****
ผมจะยกตัวอย่างให้ท่านเห็นเป็นรูปธรรมจริง ๆ ในการฝึก ในข้อความที่ผมในดอกจัน 5 ดอก
** ถ้าท่านเดินจงกรม ท่านเดินไป เดินกลับอย่างธรรมดา ในขณะเดินก็รู้ว่า ตอนนี้ยังปรกติสบาย ๆ อยู่ และ ก็รับรู้อาการสั่นไหวอันเนื่องมากจากการเดิน
** ถ้าท่านฝึกรูุ้ลมหายใจ ท่านก็รูุ้ว่า ตอนนี้ยังปรกติสบาย ๆ ดีอยู่ แล้วก็รับรู้อาการสั่่นไหวอันเนื่องมาจากการหายใจ
** ถ้าท่านฝึกแบบหลวงพ่อเทียน ท่านก็รูุ้ว่า ตอนนี้ยังปรกติสบาย ๆ ดีอยู่ แล้วก็รับรู้อาการสั่่นไหว-การหยุด อันเนื่องมาจากการเคลื่อนมือ แล้ว หยุดเคลื่อน
**เคร็ดการรู้ว่าตอนนี้ยังปรกติสบาย ๆ ดี อยู่ ** ถ้าท่านเป็นมือใหม่ และ ถ้าท่านพยายามจะไปรูุ้ว่าตอนนี้ปรกติสบาย ๆ ดีอยู่ตลอดเวลา ท่านจะเครียด เกิดก้อนพลังงานความคิด ทำให้ท่านเป็นทุกข์และรูุ้สึกหนัก ไม่โล่งสบาย วิธีการก็คือ ท่านเพียงชำเลืองไปสำรวจว่าอาการสบายๆ อยู่ เป็นระยะ ๆ เช่น สัก 10-15 วินาที ท่านก็ชำเลืองสำรวจทีหนึ่ง ท่านสำรวจอาการสบาย ๆ แว๊บเดียวสั้นๆ ท่านก็รูุ้ได้แล้วว่า ตอนนี้กำลังสบาย ๆ ดีอยูุ่ พอท่านหยุดสำรวจความเป็นปรกติแล้ว ท่านก็รับรูุ้อาการสั่นไหวต่างๆ ที่เกิดขึ้นทีมาจากการเคลื่อนไหว หรือ การหายใจ ต่อไป
แต่ถ้าท่านสำรวจแล้วพบว่่า ตอนนี้เครียด รู้สึกหนัก ไม่โล่งสบาย ท่านควรหยุดก่อน ควรพักก่อน ให้ความเครียดมันหายไป ค่อยมาฝึกใหม่ อย่าฝึกไปทั้งที่เครียด จะไม่เป็นผลดีแก่ตัวท่านเลย
***** ที่ผมเขียนการฝึกไว้ ท่านต้องหมั่นฝึกฝนแบบสบายๆ ผ่อนคลาย เพียงรู้สึกได้ถึงอาการสั่นไหว การเคลื่อน การหยุดเคลื่อน แบบสบายๆ ฝึกบ่อย ๆ ก็ทำให้มีการพัฒนากำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิเพื่มขึ้นได้ เมื่อกำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิเพิ่มมากขึ้นมาแล้วนั่้นแหละ ท่านจึงจะได้รับผลที่ผมได้เขียนไว้ในข้อ 1 และ 2 ต่อไปในอนาคต
ท่านอาจสงสัยว่า ทำไมถึงได้ผลออกมาได้อย่างในข้อ 1 และ 2 .. เรื่องนี้ ท่านอาจสงสัย แต่ผมจะบอกท่านว่า ท่านฝึกเพื่อเพิ่มกำลังจิต แต่เมื่อจิตมีกำลังแล้ว จิตจะทำหน้าที่ของเขาเองต่อไปเพื่อให้ประโยชน์ข้อ 1 และ 2 ได้เอง
ท่านสามารถดูการบรรยายวิธีการฝึกเพิ่มเติมได้ที youtube
Create Date : 23 มิถุนายน 2555 |
Last Update : 23 มิถุนายน 2555 14:55:35 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2748 Pageviews. |
|
|