รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2564
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 ตุลาคม 2564
 
All Blogs
 
ธรรมวิจัย คือ

1..บทความเรื่อง *ธรรมวิจัย คือ * เป็นบทความทีเขียนขึ้นจากความเข้าใจส่วนตัว ทีได้จากการทำภาวนาทียาวนานมาหลายปี
ท่านทีเข้ามาอ่าน กรุณาอ่านแล้วพิจารณาด้วยปัญญา ขอบคุณครับ

2..ในความเข้าใจของผู้เขียน ธรรมวิจัย นี้ จะตรงกับ ธรรมวิจยะ สัมโพชฌงค์ 
แต่ผู้เขียนขอเลือกทีจะใช้คำของผู้เขียนเอง เนื่องด้วย ใน ธรรมวิจยะ สัมโพชฌงค์  อาจมี
เรื่องราว เนื้อหา ทีมากกว่า และต่างออกไปจากสิ่งทีผู้เขียนจะได้เขียนต่อไปใน Bloggang นี้

3..เส้นทางแห่งมรรค  ธรรมวิจัย จะเริ่มตอนไหน ในเส้นทางนี้

ในเส้นทางแห่งมรรคในภาคปฏิบัตินั้น  สิ่งทีคนทีเข้ามาสู่เส้นทางนี้ควรทำอันดับแรกสุดก็คือ
การศึกษาให้เข้าใจในระดับเบื้องต้นก่อน นั้นคือ ความเข้าใจในเรื่องของ สติปัฏฐาน 4  /
วิธีการเจริญ สัมมาสติ / วิธีการเจริญ สัมมาสมาธิ

เมื่อศึกษาจนเข้าใจแล้ว ก็ให้หัดฝีกฝนการเจริญ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ต่อไป
วิธีการเจริญ ผู้เขียนจะไม่เขียนถึง เพราะมีมากมายหลายวิธีการ
แต่ละสำนัก หรือ แต่ละครูบาอาจารย์ ก็มีเทคนิค วิธีการเฉพาะตน
ขอให้ท่านทีเข้ามาอ่าน ได้เลือกเรียนรู้จากสำนักและครูบาอาจารย์ได้เองตาม
แต่สดวก

เมื่อคนทีเข้ามาฝีกฝนการเจริญ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ได้ผลดีในระดับหนี่งแล้ว
สิ่งทีจะเกิดขึ้นแก่เขาก็คือ การเกิดขึ้นของ **ปัญญาจักษุ** หรืออาจเรียกว่า
มี **ดวงตาเห็นธรรมเกิดขึ้น **

เมื่อ คนมีปัญญาจักษุเกิดขึ้นได้แล้ว  แสดงว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ของคน ๆ นั้น
ได้มีมากพอในระดับหนี่งและ นี่เป็นการแสดงให้รู้ว่า นี่เป็นการเริ่มต้นการเข้าสู่เส้นทางแห่งมรรคได้แล้ว  ภูมิธรรมของเขาจะไม่ลดลงกลับไปเหมือนกับคนทั่วไปอีก

เมื่อ ปัญญาจักษุ เกิดขึ้นได้ เขาจะพบเองไว่า ความเผลอ หรือ จะเรียกว่า อาการไม่รู้สีกตัว ได้ลดลงไปจากเดิม แต่ก็ยังมีเผลออยู่  กิเลสพวก โทษะ โภคะ โมหะ ก็ยังมีอยู่ และไม่ได้ลดลงไปตามตำราทีได้เขียนไว้  แต่จะกลับเป็นว่า จะรู้ทันกิเลสทีเกิดขึ้นได้เร็วขึ้นกว่าเดิม  ยิ่งกิเลสเกิดบ่อยเท่าใด  การพัฒนาตัวเองของกำลังแห่ง สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ก็ยิ่งเจริญมากขึ้น การรู้ทันก็ยิ่งรวดเร็วขึ้น กิเลส เกิดและดับ ได้เร็วขึ้นไปเรื่อยๆ  ตามประสบการณ์การเกิดขึ้นของกิเลส

เมื่อ รู้ทันกิเลสทีเกิดดับได้เร็วขึ้น ผลทีตามมาอย่างเห็นได้ชัดก็คือ อาการทุกข์ใจลดลงไปเรื่อย ๆ 
เมื่อ ทุกข์ใจลดลงไป สิ่งทีตามมาจะเป็นว่า ทุกข์กาย จะกลับเกิดขึ้นมาแทน

เมื่อ ทุกข์กาย เพิ่มมากขึ้น การแก้อาการทุกข์กายทีเกิดขึ้น มีอยู่ทางเดียว คือ การทำ
ธรรมวิจัย

สรุป ก็คือ ธรรมวิจัย นี้ จะทำก็ต่อเมื่อได้เจริญภาวนาจนเกิดดวงตาเห็นธรรมได้แล้ว ทุกข์ใจลดลงไปอย่างมากแล้ว แต่ทุกข์กายกลับมีเพิ่มมากขึ้น

4..วิธีการ ปฏิบัติ ธรรมวิจัย ทำอย่างไร

เมื่อคนทีผ่านการภาวนา จนทุกข์ใจลดลงไปมากแล้ว สิ่งทีเขามีในตัวจะมี 2 อย่างก็คือ
ประสบการณ์การเห็นทุกข์ใจทีเกิดขึ้น จากดวงตาเห็นธรรม ทีเขามีแล้ว
เขาจะรู้ได้ว่า ทุกข์ใจ เกิดได้อย่างไร 

แต่สำหรับทุกข์กายนั้น เมื่อทุกข์กายเกิดขึ้น  เขาต้องอาศัยความเพียรในการเรียนรู้
ทุกข์กายนี้ จากการเห็นทุกข์กายได้ด้วยดวงตาเห็นธรรม ทีเขามีอยู่
เขาต้องเฝ้าเรียนรู้ทุกข์กายทีเกิดขึ้น และ ทดลองเองว่า ถ้าเขาใช้สติ ทีเขามีพลังพอสมควรอยู่แล้ว ไปรู้สติปัฏฐานแบบนี้หรือวิธีนี้ ( บางสำนักเรียกว่า การวางจิต  )
ทุกข์กายทีเคยเกิดจะหายไปหรือไม่ และจะทีทุกข์กายแบบใหม่เกิดมาหรือไม่

นักภาวนาต้องเฝ้าทดลองนี้ไปเรื่อยๆ  เหมือนการทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
แรก ๆ เขาจะพบว่า สิ่งทีเขาวางจิตในสติปัฏฐาน สามารถแก้อาการทุกข์กายทีเกิดอยู่
ให้ลดลงไปได้จริง แต่กลับจะเป็นว่า สิ่งทีเขาทำ ได้ไปสร้างทุกข์กายสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้น
เหมือนการหนีเสือแล้วไปพบจรเข้ เข้า

เขาจะต้องทำการทดลองการวางจิต จนได้ว่า  ถ้าเขาใช้สติปัฏฐานแบบนี้แล้ว วางจิตแบบนี้แล้ว
ทุกข์กายจะไม่มีเกิดขึ้นเลย  ตราบใดทีจิตของเขายังตั้งอยู่ในสติปัฏฐานอยู่

ขบวนการวิจัยนี้ ไม่สามารถบอกได้ว่า จะใช้เวลานานเท่าใด และ จะจบลงทีสติปัฏฐานอะไร
หรือ การวางจิตแบบใด 

ท่านต้องทำการวิจัยเอง เพราะทุกข์แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน จริตของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน
เมื่อท่านหาได้แล้ว พบได้แล้ว  นั้นเป็น ปัญญาส่วนตัวของท่าน ทีผู้อื่นอาจใช้ไม่ได้ผลเหมือนท่านก็ได้  นีคือ เหตุผลทีว่า ทำไมในตำรา จึงไม่มีการบอกทางสุดท้ายแห่งการปฏิบัติธรรมไว้ให้
แต่จะบอกเพียงว่า สิ้นตัณหาแล้ว ไม่ยีดมั่นถือมั่นแล้ว เท่านั้น

เมื่อท่านผ่านการไม่ทุกข์ทางใจได้ ผ่านการธรรมวิจัย จนไม่ทุกข์ทางกายได้
ทุกข์ใจ ทุกข์กาย ก็สิ้นไป ท่านได้เพียงเท่านี้ ปัญญาทีท่านขจัดทุกข์ได้หมดแล้ว
ก็น่าจะสมบูรณ์แล้วในชิวิตการภาวนาของท่าน

5..เพื่อเป็นแนวทางแก่ท่านทีจะทำ ธรรมวิจัย ผุ้เขียนขอนำอาการทุกข์กายทีเกิดขึ้นในประสบการณ์ของผู้เขียนพบเองว่า ผู้เขียนพบทุกข์กายอะไรบ้าง แต่อย่างทีเขียนบอกไว้ว่า เมื่อแก้ทุกข์กายอย่างหนี่ง มักจะเกิดทุกข์กายแบบใหม่โผล่ขึ้นมาแทน ท่านต้องหาทางเอาเองว่า จะวางจิตอย่างไร แล้วได้ผลดี ทีจะไม่มีทุกข์ใด ๆ เกิดขึ้น นั้นคือสิ่งทีจะดีทีสุดสำหรับตัวท่านเอง 

จากทีผู้เขียนพบบ่อยครั้ง พบว่า เมื่อแก้ทุกข์กายได้อย่างหนี่ง ดูเหมือนดีแล้ว ไม่มีทุกข์กายอื่นโผล่มาแล้วเป็นอาทิตย์  แต่กลับเป็นว่า อาการแบบนี้ เกิดอยู่ได้เพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่อาทิตย์ ทุกข์กายใหม่ก็ปรากฏขึ้นมาได้  นีแสดงว่า ท่านยังมีงานวิจัย ทีต้องทำต่ออีก ท่านยังไม่จบกิจในงานวิจัย

เมื่อท่านทำวิจัยจนได้ผลดีสำหรับท่านแล้ว 
ท่านควรจะไร้ทุกข์ไปได้ตลอดทียาวนาน

ต่อไป เป็นอาการทุกข์กาย ทีผู้เขียนพบในชีวิตการภาวนา

A..อาการท้องอืด มีลมในกระเพาะอาหาร เป็นโรคกระเพาะอาหาร
กินยาอย่างไร ก็ไม่หาย มีแต่เป็นหนักขึ้นเรื่อย ๆ 
นี่เป็นอาการอย่างแรกสุดทีผู้เขียนพบ บางท่านก็อาจพบแบบนี้เป็นอาการแรกของทุกข์กายได้เช่นกัน
B..อาการมึนหัว หัวหนัก  สมองไม่สดใส เหมือน สมองคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา
ถ้าอาการนี้เกิด จะเกิดอาการนอนไม่หลับอีกด้วย
เมื่อสมองมีนงง ยังส่งผลให้การทำงานในทางโลกผิดพลาดได้ง่าย
C..อาการเจ็บภายในร่างกาย ทีเกิดวนเวียนไป เดียวเจ็บตรงโน้น ตรงนี้ ไม่แน่นอน
D..อาการจุกในลำคอ ทำให้เจ็บทีลำคอ 
E. อาการแสบตา เวลามองวัตถุต่าง ๆ  
F..อาการหายใจไม่สดวก ทำให้อึดอัด และ บางครั้ง ลมหายใจ ไม่เดินเลย
ทำให้หายใจไม่ออก เหมือนกำลังจะตาย จากทีผู้เขียนพบนี้ ทำให้รู้ว่า คนทีก่อนตายนั้น
อาการจะเป็นเช่นใด และ ในตำราทีบอกไว้ว่า ก่อนตายให้คิดแต่สิ่งดี ๆ เพื่อจะได้ไปสวรรค์ นิพพาน นั้น เป็นสิ่งทีเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าคน ๆ นั้น ไม่มีกำลังของสติปัฏฐานทีแข็งแรงมากพอ
ถ้าคน ๆ ทำแต่บาป จิตใจดำมืด ถึงทำบุญมากเท่าใด  อบายภูมิจะเป็นทางไปเสมอ
เมื่อเขาสิ้นลมลงไป สำหรับคนประเภทนี้ 

6..ผู้เขียนหวังว่า บทความนี้ คงให้ประโยชน์แก่ท่านนักภาวนาได้ไม่มากก็น้อย
ขอความเจริญในธรรมมีแด่ทุกท่านทีมีความเพียร

ขอนอบน้อมแด่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น

สวัสดีครับ
ขอบคุณครับ


 


Create Date : 25 ตุลาคม 2564
Last Update : 25 ตุลาคม 2564 11:27:35 น. 0 comments
Counter : 829 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณmcayenne94


ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.