รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2565
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
26 ตุลาคม 2565
 
All Blogs
 
เมื่อธรรมแท้ ๆ สอนกันไม่ได้ แล้วคนที่ปฏิบัติสติปัฏฐานจะรู้จักธรรมได้อย่างไรกัน

1..บทความเรื่อง " เมื่อธรรมแท้ ๆ สอนกันไม่ได้ แล้วคนที่ปฏิบัติสติปัฏฐานจะรู้จักธรรมได้อย่างไรกัน "  เขียนขึ้นจากประสบการณ์ภาวนาของตัวผู้เขียนเอง เรื่องนี้ เป็นเรื่องสำคัญ ที่นักปฏิบัติธรรมที่คาดหวังมรรคผลควรศึกษาให้เข้าใจให้ดี เพื่อการเดินทางในองค์มรรคต่อไป
.
2...ถ้าท่านเป็นนักภาวนา และได้ค้นหาในอินเตอร์เนท ท่านจะพบว่า นักปฏิบัติไทยจำนวนมากทีเดียว ที่เข้าใจว่า  ถ้าได้นั่งสมาธิติดต่อกันนาน ๆ หลายชั่วโมง แล้วจะพบธรรมได้  ซึ่งความเข้าใจนี้ จากประสบการณ์ของผู้เขียนเองจะเป็นว่า ความเข้าใจนี้เป็นไปไม่ได้เลย
.
3..การพบธรรมของนักปฏิบัติ มีทางเดียว คือ ต้องเกิดการ เห็นได้ด้วยญาณ ของกลไกการทำงานของตัวจิตเอง   ขณะที่ ญาณ เกิด ในตอนที่เห็นกลไกการทำงานของจิตนั้น จะเป็นเวลาสั้น ๆ เพียงเสี้ยววินาทีเดียว   และตัวจิตของนักปฏิบัติต้องสมบูรณ์พร้อมด้วย สติ สมาธิ และ ญาณ ที่เป็นธรรมชาติแท้ ๆ โดยไม่มีความจงใจ หรือ ไม่มีความคิดปรุงแต่งใด ๆ เกิดอยู่ในขณะนั้น
.
ถ้าใครได้อ่านพระไตรปิฏก จะพบข้อเขียนว่า เมื่อพระพุทธองค์ทรงปรินิพพานแล้ว ตอนนั้น พระอานนทื ได้เป็นโสดาบันแล้ว และต่อมา พระมหากัสสป มีดำริว่า จะทำสังคยานาคำสอนของพระพุทธองค์   และได้เชิญพระอานนท์มาเข้าทีมงานด้วย  จากเหตุผลที่พระอานนท์ที่ได้เคยฟังธรรมจากพระโอษฐ์ของพระพุทธองค์มามาก  แต่ติดที่พระอานนท์ยังไม่เป็นพระอรหันต์ พระอานนท์จีงพากเพียรอย่างมากเพื่อให้พบธรรมให้ทันต่อการสังคยานา
.
ตอนที่พระอานนท์พบธรรม นั้น ท่านได้เหนื่อยอ่อนจากการเดินจงกรมอย่างหนักมาก่อนหน้าแล้ว โดยท่านคาดหวังว่า จะต้องพบธรรมให้ได้ เพราะพรุ่งนี้ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นของการทำสังคยานาแล้ว แต่ตัวพระอานนท์ท่านเดินจงกรมมากอย่างไร ก็ไม่อาจพบธรรม ต่อเมื่อ ท่านมีดำริว่า จะพักสักหน่อย ค่อยมาทำต่อในการภาวนา ในขณะที่ตัวท่านอยู่ในทาเอนกาย กี่งนั่งกึ่งนอน ท่านก็พบธรรม ทันที
.
เรื่องพระอานนท์พบธรรม ก็บอกได้ถึง ความเป็นธรรมชาติแท้ ๆ ได้เกิดขึ้น ในขณะที่กำลังเอนกายอยู่  แล้ว สติ สมาธิ ญาณ ได้ทำงาน เห็นกลไกการทำงานอะไรบางอย่างของตัวจิต เพียงแว๊บเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น ท่านก็เห็นธรรมนั้นได้
.
ทำไม การนั่งสมาธินาน ๆ  จึงไม่อาจพบธรรมได้  เพราะการนั่งสมาธิ จิตยังเจือด้วยความจงใจในตัวจิตอยู่   ซี่งทำให้ จิตไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อ จิตเจือความจงใจ  สติ สมาธิ  ญาณ ก็ไม่อาจเดินในการเห็นกลไกของตัวจิตได้  
...
4...ยังมีความเข้่าใจทีคลาดเคลือนของนักภาวนาไทยอีกเรื่องก็คือ ถ้าได้พบธรรม เพียงครั้งเดียว
ก็จะสำเร็จธรรมเป็นพระอรหันต์ เรื่องนี้ เป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน 
.
ในตัวจิตนั้น จะมีกลไกทำงานอยู่ 2 ส่วน คือ  จิตผู้รู้ และ จิตพลังงาน
.
เมื่อนักภาวนามือใหม่ มาปฏิบัติสติปัฏฐาน การเห็นธรรมของนักภาวนามือใหม่
เมื่อได้ ปฏิบัติสติปัฏฐานที่ตรงทางแห่งมรรคได้มากพอก็จะเกิดขึ้นได้
การเห็นธรรมในนักภาวนาระดับนี้ ด้วย ญาณ จะเป็นการเห็นกลไกการทำงานของตัวจิตพลังงาน
.
แต่ถ้านักภาวนามือเก่า ที่ผ่านการเห็นกลไกของจิตพลังงานมาอย่างโชกโชนแล้ว
การเห็นธรรมด้วย ญาณ จะเป็นการเห็นกลไกการทำงานของตัวจิตผู้รู้

การเห็นธรรมที่เกียวเนื่องกับกลไกของจิตพลังงานและจิตผู้รู้  ไม่ใช่เห็นเพียงครั้งเดียว
แต่จะเห็นได้ นับสิบ นับร้อยครั้งที่เดียว กว่า จะเข้าใจกลไกของจิตทั้งสองได้ดีพอ

การได้เห็นกลไกการทำงานของจิตทั้งสอง  ยิ่งเห็นมากเท่าใด
จะส่งผลให้มีประสบการณ์ในการเห็นกลไกของจิตมากขึ้น

การเห็นกลไกการทำงานของจิตได้หลายครั้ง ที่สร้างประสบการณ์การเห็นตัวจิตได้
จะส่งผลให้ ตัวสติ นั้นมีการทำงานที่รวดเร็วมากขึ้น ยิ่งเห็นกลไกของจิตมากครั้งเท่าใด
สติ ก็จะยิ่งทำงานได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น 


การทีสติทำงานรวดเร็ว สติจะประสานการทำงานกับ สมาธิ และ ญาณ
พอจิตไหวตัวเพราะกิเลสกำลังก่อตัว แต่ยังไม่เกิดกิเลสออกมา  สติที่ว่องไว ทำงาน
ร่วมกับ สมาธิ และ ญาณ ก็จะเห็น แล้ว กิเลสที่กำลังก่อตัวแต่ยังไม่เกิดขึ้น
ก็สลายตัวไปทันทีอย่างรวดเร็ว โดยทีตัวนักภาวนาไม่ต้องทำอะเไรเลย
กลไกการสลายตัวของกิเลส เกิดขึ้นเองแวีบเดียวสั้น  ๆ  

พระพุทธองค์ได้ทรงเปรียบธรรมดังใบไม้ในกำมือ และ ใบไม้ในป่าใหญ๋
ธรรมก็่เช่นเดียวกัน การเห็นธรรมที่เป็นกลไกของตัวจิตได้ จะไม่มีวันหมดสิ้น
นักภาวนาทีสามารถเห็นธรรมได้แล้ว ก็จะเห็นได้เรือยๆ 
เป็นการเห็นธรรมใหม่ๆ  ไม่ซ้ำของเดิมอีก
การเห็นธรรมได้เองแบบนี้ จะเหมือนการต่อ Jigsaw ที่ประติดประต่อ
เรื่องราวของจิตได้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ  ทำให้เข้าใจธรรมได้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ 

สรุป ก็คือ ธรรม นั้น สอนกันไม่ได้ บอกไปก็ไม่เข้าใจ ต้องปฏิบัติตามเส้นทางแห่ง
มรรคไปเรื่อย ๆ แล้ว รอเวลาให้ สติ สมาธิ ญาณ ทำงานไปเห็นกลไกของจิตได้เอง
การเห็นได้นี่แหละ จะเป็นสิ่งที่บอกว่า ท่านได้พบธรรมได้บ้างแล้ว แต่ยังไม่มากพอ
ที่จะต่อการต่อสู้กับกิเลสได้เด็ดขาด
.
ขอให้ฝีกฝนต่อไปเรื่อย ๆ   ถ้า สติ สมาธิ ญาณ มีพลังมากและว่องไว 
กิเลส ถึงยังมีอยุ่ ก็ไม่อาจโผล่ออกมาได้ จะถูกทำลายทันทีตั้งแต่ยังไม่ปรากฏตัว

5..ถ้าท่านเป็นนักภาวนาที่คาดหวังมรรคผล และปฏิบัติมานานเกินกว่า  5 ปีขึ้นไป
ถ้าท่านยังไม่เคยเห็นกลไกการทำงานของจิตแม้แต่ครั้งเดียวละก็
ผู้เขียนขอแนะนำว่า ท่านน่าจะมีอะไรปฏิบัติผิดไปจากองค์มรรคแล้ว
หาสิ่งนั้นให้พบ แล้วปฏิบัติใหม่ให้เข้ากับองค์มรรค 

6..บทความนี้ ไม่ได้ให้เชื่อ แต่แนะนำให้ท่านพิสูจน์เอง


Create Date : 26 ตุลาคม 2565
Last Update : 26 ตุลาคม 2565 18:49:36 น. 0 comments
Counter : 371 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.