รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2564
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
3 พฤษภาคม 2564
 
All Blogs
 
ธรรมทีเป็น โลกียะ และ ธรรมทีเป็นโลกุตระ

1.....บทความเรื่อง <  ธรรมทีเป็นโลกียะ และ ธรรมทีเป็นโลกุตระ  > บทความนี้เป็นความเข้าใจส่วนตัวล้วน ๆ   ท่านทีเข้ามาอ่าน แนะนำให้อ่านด้วยวิจารณญาณ และใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง เพื่อความเจริญในธรรมสืบต่อไป
.
2.. ธรรม คือ อะไร
ธรรม คือ สิ่งที จิตตัวรู้ ไปรู้เข้า 
.
การรู้ธรรมของ จิตตัวรู้ นั้น มีอยู่ 2 สถานะ
.
สถานะแรก จิตตัวรู้ ไปรู้ธรรมนั้นได้ แต่จิตตัวรู้ ถูกธรรมนั้นดึงดูดเกาะติดไว้ (การดึงดูดเกาะติดนี้ ภาษาธรรม เรียกว่า ตัณหา ) ทำให้จิตตัวรู้เกาะติดกับธรรมทีไปรู้เข้านี้ หรือจะกล่าวว่า จิตตัวรู้ ไม่เป็นอิสระ ขณะทีไปรู้ธรรมนี้เข้า

สถานะทีสอง  จิตตัวรู้ ไปรู้ธรรมนั้นได้ แต่ จิตตัวรู้ ไม่ถูกธรรมนั้นดึงดูดไว้ การรู้ธรรมแบบนี้ จะกล่าวว่า จิตตัวรู้ เป็นอิสระ ขณะทีไปรู้ธรรมนี้เข้า อาการทีจิตตัวรู้ ไม่ถูกธรรมนั้นดึงดูดไว้

3..ธรรมทีเป็นโลกียะ  ธรรมทีเป็นโลกุตระ

3.1  ธรรมทีเป็นโลกียะ คือ ธรรมทีประกอบด้วย ขันธ์ 5 
ธรรมแบบนี้  เมื่อจิตตัวรู้ ไปรู้ธรรมแบบนี้ แล้ว ไม่ถูกธรรมดึงดูดไว้ จิตตัวรู้ จะเห็น ธรรมนั้นอยู่ห่างๆ  แล้ว ธรรมทีเห็นได้แบบนี้ จะเป็นไตรลักษณ์ เกิดขึ้นแล้วดับไป ทำให้นักภาวนาเกิดปัญญา รู้เห็นความความเป็นจริงว่า ขันธ์ 5 นั้น ไม่เที่ยง เพราะเห็นมันเกิดแล้วดับไปได้ และ รู้ว่า ขันธ์ 5 ทีเกิดอยู่นั้น มันไม่ใช่ของเรา เพราะเห็นธรรมนั้น อยู่ห่าง ๆ แล้วดับลงไป
.
อาการทีจิตตัวรู้ ไปรู้โลกียะธรรมแบบห่างๆ  นี้ ปรากฏการณ์นี้ เกิดได้ เพราะ จิตตัวรู้ มีกำลังของสัมมาสมาธิ ทีตั้งมั่นมากพอ ทีจะชนะแรงดึงดูดของตัณหาได้ 
เรื่องนี้ เป็นเรื่องทีสำคัญ ถ้านักปฏิบัติไม่เข้าใจอาการของสัมมาสมาธิ แล้วไปนั่งหรือเดินจงกรม แล้วบอกว่า กำลังทำสมาธิอยู่  จึงเป็นความเข้าใจทีไม่ตรง ถ้าในการฝีกฝนหรือปฏิบัติธรรมนั้น จิตตัวรู้ ไม่รู้ว่า ธรรมทีกำลังรู้อยู่นั้น กำลังปรากฏอยู่ ห่างๆ 
เมื่อไม่รู้ สิ่งทีกำลังทำอยู่ ก็ไม่ใช่เป็นการทำสัมมาสมาธิ
.
แต่ถ้า จิตตัวรู้ ไปรู้ธรรมแต่มีการยีดติดในธรรม จิตตัวรู้ จะไม่สามารถเห็นไตรลักษณ์ของธรรมได้ และ จะเกิดมิจฉาทิฏฐิ เข้าใจว่า ธรรมนั้นเป็นเรา เป็นของเรา
ธรรมทีเป็นโลกียะ เมื่อมีการยีดติดของจิตตัวรู้กับธรรมเมื่อใด  ทุกข์ก็จะเกิดขึ้นได้
ทำให้คนมีความทุกข์เกิดขึ้นเพราะการยีดติดในธรรมแบบนี้ 

3.2  ธรรมทีเป็นโลกุตระ หรือ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ธรรมเหนือโลก คือ ธรรมทีไม่มีในโลกใบนี้
แต่เป็นธรรมทีอยู่ในโลกภายใน  
.
ธรรมทีเป็นโลกุตระ นั้น เป็นธรรมทีไม่มีรูปร่าง ซึ่งชาวบ้านมักกล่าวว่า ความว่าง คือ โลกุตระธรรม แต่ความว่างนี้ จะมี 2 แบบ คือ 1...ความว่างของอากาศ (ธรรมอันนี้ เป็นธรรมโลกียะ )  และ 2..ความว่างทีเป็นธรรมทีเป็นโลกุตระทีเป็นธรรมที่ปรากฏอยู่ในโลกภายใน  ซี่งธรรมทีเป็นโลกุตระนี้ จะมี 2 แบบ คือ ความเงียบของโลกภายใน และ ความสว่างของโลกภายใน  ซี่งธรรมทั้ง 2 นี้ จะพบเป็นความว่างเปล่าทีไร้รูปร่าง (สุญญัง )
.
คนทั่วไป ไม่อาจพบธรรมทีเป็นโลกุตระได้ เพราะ การพบธรรมโลกุตระได้นั้น  จะต้องเป็นคน
ทีมี ดวงตาเห็นธรรม และ มี สัมมาญาณ ทีมีคุณภาพสูง มีประสบการณ์ในทางธรรมมาอย่างโชกโชน จึงจะพบธรรมนี้ได้  (หมายเหตุ  ความเงียบในโลกภายในนั้น นักปฏิบัติทีไม่มีดวงตาเห็นธรรม อาจพบความเงียบนี้ได้ แต่จะพบได้แบบบังเอิญ เป็นครั้งๆ  ไป แล้วแต่โอกาสจะเกิดขึ้นเอง ไม่สามารถพบได้ตลอดเวลา เหมือนคนทีมีสัมมาญาณทีมีประสบการณ์ )
.
จิตตัวรู้ เมื่อพบกับโลกุตระธรรม จะปรากฏขึ้น 2 แบบด้วยกัน
แบบที่ 1  ถ้านักปฏิบัติ มีความตั้งใจทีจะไปรู้ โลกุตระธรรม  จิตตัวรู้ จะปรากฏเป็น ดวง เกิดขึ้น  แบบที่ 2..ถ้านักปฏิบัติ รู้โลกุตระธรรมทีไม่เจือด้วยความตั้งใจทีจะรู้   เป็นการรู้ด้วย สัมมาญาณ จิตตัวรู้ ก็จะเป็นแต่อาการรู้ ทีไร้รูปร่างแบบ สุญญัง

การมีความตั้งใจรู้ในโลกุตระธรรมนั้น จะปรากฏความสว่างมาก ๆ ในโลกภายใน
ซึ่งบางครั้งพบว่า จะเกิดอาการไม่สบายทางกายขึ้นมาได้ จะรู้สักหนักทีหัว
และ จะเกิดอาการนอนไม่หลับตามมาได้ ถ้าอาการเหล่านี้เกิดขึ้น บอกได้ว่า
ท่านนักภาวนา รู้ธรรมแบบเจือความตั้งใจแล้ว
.
(หมายเหตุ ถ้าจิตตัวรู้ ไปพบธรรมทีเป็นโลกียะ จิตตัวรู้ จะปรากฏรูปร่างขึ้น โดยปรากฏขึ้นเป็น ดวง ปรากฏขึ้น  อาการเป็น ดวง ของจิตตัวรู้ นี้ จะปรากฏได้นานหรือไม่ ขึ้นกับกำลังของ สัมมาสมาธิของนักปฏิบัติ ถ้าเป็นสัมมาสมาธิ ระดับฌาน การปรากฏตัวทีเป็นดวง ก็จะปรากฏอยู่ได้นาน  ถ้าสัมมาสมาธิ ไม่ใช่ระดับฌาน ก็จะปรากฏตัวได้สั้นๆ  ราวสายฟ้าแลบ แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว การได้สัมมาสมาธิระดับฌาน เป็นสิ่งทีเกิดได้ยากในตัวนักปฏิบัติ ทำให้การรู้จักจิตตัวรู้ จึงเกิดขึ้นได้ยากมาก ๆ  และยากทีจะเข้าใจในตัวจิตตัวรู้ จนกว่า นักปฏิบัติจะพบได้เองเพราะกำลังของสัมมาฌานตั้งมั่นมากพอ )
.
4...ธรรมทีเป็นโลกุตระเลือกใช้อย่างไร
โลกุตระธรรม 2 ชนิด คือ ความเงียบของโลกภายใน และ ความสว่างของโลกภายในนั้น
นักปฏิบัติควรใช้ปัญญาในการเลือกธรรมเหล่านี้
ถ้าท่านนักปฏิบัติ นั่งทำสมาธิ ท่านจะรู้ธรรมทั้งสองพร้อมกันได้
แต่ถ้าท่านนักปฏิบัติ  อยุ่ในทางโลก กำลังทำหน้าที่ทางโลก ท่านต้องเลือกเองว่า
ท่านควรใช้ธรรมใดในการรู้ในขณะทีอยู่ในทางโลก เช่น ถ้าท่านกำลังจะนอน ถ้าไปรู้ทีความสว่าง ท่านจะนอนไม่หลับ   หรือ ถ้าท่านทำงานทีใช้ความคิด ถ้าท่านไปรู้ความเงียบ ท่านจะคิดงานไม่ออก และ อาจเกิดกรดหลั่งในท้อง ทำให้ท้องอืดได้ เป็นต้น

5..เมื่อท่านมีประสบการณ์กับ โลกุตระธรรม ได้มากพอ ท่านจะเกิดความเข้าในสติปัฏฐาน อริยสัจจ์ 4 อย่างถ่องแท้ เกิดขึ้นมาได้เอง .
 


Create Date : 03 พฤษภาคม 2564
Last Update : 19 มิถุนายน 2565 16:10:46 น. 0 comments
Counter : 1564 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณmcayenne94


ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.