รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 มีนาคม 2557
 
All Blogs
 
เมื่อนอนไม่หลับ และ วิธีการแก้ใขให้หลับได้

สาเหตุ...ทำไมถีงนอนไม่หลับ

คนทีนอนไม่หลับ สาเหตุมาจาก การตื่นตัวของสมองมีมากเกินไป เช่น
ร่างกายเจ็บปวดอยู่ มีเรื่องเครียด มีเรื่องคิดมาก มีเรื่องการใช้สมองมากก่อนเข้านอน มีเรื่องตื่นเต้นก่อนการนอน

สำหรับนักภาวนาฝีกฝนไป บางคนจะมีอาการนอนไม่หลับ ทีนอนไม่หลับเป็นเพราะ พลังงานจิตมันวิ่งขึ้นไปสู่ระดับสูงทีหัวสมอง พอจิตวิ่งไปแบบนี้ ก็จะเหมือนกับคนกำลังคิด คนทีคิด ก็จะนอนไม่หลับ

นีคือธรรมชาติของคนเราเกี่ยวกับการนอนไม่หลับ

มาดูการแก้ใข ปรับปรุงตังเอง เพื่อให้นอนหลับ

1..ก่อนนอนไม่น้อยกว่า 30 นาที ไม่ควรเสพย์สื่อทีเครียด
หรือคิดเรื่องทีทำให้เครียด ทำให้ปวดหัว เช่น ถ้าเป็นคนกลัวผี
ก็ไม่ควรดูหนังสยองขวัญ เรื่องงานทีทำงานเก็บไปเลยอย่าเพิ่งคิด
ถ้ามีเรื่องทำให้เครียด ก็ทิ้งไว้ก่อนอย่าไปคิดถีง

ให้ทำใจสบาย ๆ พักผ่อน ถ้าชอบฟังเพลง ก็ฟังเพลงทีตัวเองชอบ
จะยิ่งทำให้ผ่อนคลาย

2..การนอน พยายามฝีกให้เป็นคนทีนอนแล้วปิดไฟแสงสว่างได้
เพราะธรรมชาติของคนนั้น เมื่อมีแสงสว่าง จะทำให้หลับได้ยากกว่าทีแสงมืด

3..ถ้าสามารถออกกำลังกายได้ ให้ทำก่อนนอนสัก 1 ถีง 2 ชั่วโมง

4..ถ้าทำข้อ 1 ถีง 3 แล้ว ยังไม่ยอมหลับ อย่าไปบังคับให้หลับ
เพราะยิ่งบังคับ จะยิ่งนอนไม่หลับ เพราะการบังคับจะทำให้เครียดมากขึ้น
จึงนอนไม่หลับ แต่ให้ทำแบบนี้

วิธีทำจะมี 2 วิธี

4.1..สำหรับคนทั่วไปทีสามารถทำได้

4.1.1 เมื่อเข้าทีนอน ให้รู้สีกถีงการสัมผัสลงไปต่ำ ๆ กว่าใบหน้า เช่น แผ่นหลังทีสัมผัสทีนอน เท้าทีสัมผัสชุดนอน เท้าสัมผัสผ้าห่ม ผ้าห่มสัมผัสกับหน้าอก การทำแบบนี้ จะทำให้พลังงานความเครียดต่าง ๆ ทีค้างในสมองสลายพลังงานออก เมื่อทำสบาย ๆให้ผ่อนคลาย ไม่เกิน 30 นาที จะหลับไปเอง

4.1.2 สำหรับนักปฏิบัติธรรม มักจะมีคำแนะนำให้ ท่องบ่นคำบริกรรม แต่ผมไม่แนะนำให้ทำแบบนี้ เพราะบริกรรมนีคือ การคิดแบบหนี่ง จะยิ่งทำให้จิตตื่นตัว ยิ่งทำให้นอนไม่หลับ

หมายเหตุ บางคนจะบอกว่า เขาจะนอนหลับดี ถ้าบริกรรม ก็คงเป็นเคสพิเศษสำหรับเขาไป

4.2..สำหรับนักภาวนาทีรู้จักศูนย์กลางของการรู้

ให้จิตอยู่กับศูนย์กลางการรู้ แ่ผ่จิตให้กว้างออกคล้ายๆ กับการมองเห็นภาพกว้าง ๆ ที่ไม่จ้องอะไร ผ่อนคลายให้สบาย ๆ จนหลับไปเอง
การทำแบบนี้ จะไม่เหมือนกับข้อ 4.1.1 เพราะแบบนี้เป็นการเข้าฌานในระดับสูง ส่วนข้อ 4.1.1 เป็นการกดจิตให้ลงต่ำซี่งเป็นสมถะภาวนา


Create Date : 10 มีนาคม 2557
Last Update : 12 กรกฎาคม 2558 14:08:39 น. 0 comments
Counter : 3940 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.