รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2555
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
4 มิถุนายน 2555
 
All Blogs
 

เมื่อเบื่อหน่ายก็หลุดพ้น

บทความนี้ลงใน facebook เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2555


ในพระไตรปิฏก มีการบันทีกไว้หลายเรื่องของการหลุดพ้นของพระภิกษุ และ มีข้อความหนึ่งปรากฏอยู่เสมอที่กล่าวไว้ในทำนองนี้ว่า *** เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะ คลายกำหนัด จึงหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว ***

ผมจะชี้ให้ท่านเห็นสภาวะการหลุดพ้น มี keywords ที่น่าสนใจอยูุ่ 3 คำ คือ

1. เบื่อหน่าย
2. คลายกำหนัด
3. ญาณหยั่งรู้

ถ้าไม่ครบ 3 keywords ก็ไม่ครบถ้วนการหลุดพ้น ซึ่งแน่ละ ถ้าไม่ใช่ของจริง ก็เป็นเพียงการคิดเอาเองของนักภาวนาว่า ฉันหลุดพ้นแล้ว แต่จริง ๆ ยังไม่ใช่ครับ

มาดูรายละเอียดกัน

1.. อาการเบื่อหน่าย นั้นจะมาก่อน การเบื่อหน่ายนี้ ไม่ใช่เบื่อหน่ายแบบโทสะตามที่เรา ๆ ท่าน ๆ เข้าใจกัน แต่เป็นการเบื่อหน่ายในสภาวะธรรมทั้งปวง และ เบื่อหน่ายในทุกสิ่งที่จรเข้ามาในชีวิต นักภาวนาจะเห็นสภาวะธรรมทั้งปวง เป็นสิ่งไร้สาระ ยึดถือไม่ได้ จะเห็นสิ่งทีจรเข้ามาในชีวิตเป็นเรื่องน่าสะอิดสะเอียน ไม่อยากได้ ไม่ต้องการ นี่คือ สิ่งที่ทำให้ ตัณหา ทั้ง 3 ขาดลง ( กามตัณหา ภาวะตัณหา วิภาวะตัณหา )

ถ้านักภาวนาไม่พบอาการเบื่อหน่ายต่อสิ่งทั้งปวงแล้ว จะไม่สามารถสลายตัณหาได้

2.คลายกำหนัด อาการนี้ คือ ตัณหาสิ้นไปเพราะข้อ 1 ที่เกิดอารมณ์เบื่อหน่ายในสภาวธรรม ไม่ใช่แค่หมดอารมณ์เพศเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการหมดไปของตัณหา 3 (กามตัณหา ภาวตัณหา วิภาวตัณหา)

3.ญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว นี่คือ ญาณเห็นสภาวะของจิต ที่หดกลับเข้าที่กาย (ไม่ใช่ลึกลงไปภายในกาย ) ญาณหยั่งรู้สภาวะของความเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่งของจิต ความเป็นสภาวะคู่สิ้นสดลง นักภาวนาจะเห็นสภาวะการแปรเปลี่ยนนี้ด้วยญาณ

ท่านจะเห็นว่า ถ้าท่านกำลังจะเดินทางไปสู่คำสอนของพระพุทธองค์ ที่ประกอบด้วย keywords 3 คำข้างบน ท่านต้องเห็นสภาวะธรรม มีญาณเห็นจิต เห็นการสิ้นไปแห่งตัณหา ถ้าท่านไม่มีเครื่องมือเหล่านี้ ท่านจะไม่มีวันหลุดพ้นได้เลย

ในการภาวนานั้น ท่านต้องสร้างเครื่องมือเหล่านี้ก่อน สร้างโดยการเจริญสัมมาสติ สัมมาสมาธิ หมั่นฝึกฝนการรู้ทุกข์ที่ไร้ตัณหา แล้ว ญาณเห็นจิต เห็น มโน จะเกิดขึ้น เมื่อเครื่องมือพร้อม หน้าที่ของท่านก็คือ เห็นสภาวะธรรมต่าง ๆ ทีมันประดังเข้ามาในจิต ในชีวิตของท่าน เห็นอยูุ่อย่างนั้นอย่างอดทน จนเกิดสภาวะขึ้น คือ ความเบื่อหน่าย ซึ่งเป็นสภาวะที่ท่านต้องรอ เร่งก็ไม่ได้ เมื่อทกอย่งพร้อม การหลุดพ้นก็จะเดินทางของมันเอง โดยที่นักภาวนาไม่ต้องทำอะไรเลย

ผมนำเรื่องนี้มาแสดง ชี้ให้ท่านเห็นทางว่า จะหลุดพ้นไปได้อย่างไร ลำพังเพียงอาณาปานสติที่เจ้าชายสิทธัตถะเจริญในวันตรัสรูุ้นั้น เเป็นเพียงเครื่องมือตัวหนึ่งในการสร้างสัมมาสติ สัมมาสมาธิเท่านั้น ซึ่งนักภาวนาสามารถใช้เครื่อ่งมืออื่นได้เช่นกัน อย่างเช่นพระอานนท์ ใช้การเดินจงกรม เป็นต้น

ถ้าท่านยังเดินทางอยู่ ท่านสามารถใช้ keywords 3 คำนี้ไปพิจารณาตัวเองว่า ท่านนั้นกำลังเดินไปตามคำสอนหรือว่ากำลังเดินย้อนคำสอนแห่งการหลุดพ้นจากพระพุทธองค์ ถ้าท่านยังสงบอยู่แต่ในสำนักภาวนา แล้วรู้สึกว่าดีจริง ๆ ความสงบนี่ ท่านก็จะไม่พบการเบื่อ่หน่าย เมื่อไม่พบการเบื่อหน่าย ตัณหาก็ไม่สิ้นลง แต่ท่านกลับไปติดสงบอยู่ ท่านกำลังไม่ละเอียดพอต่อคำสอนเลยหลงเล่ห์กลอันช่ำของของเหล่ามารไป ท่านก็จะหลุดพ้นไปได้อย่างไร

พระพุทธองค์ทรงลำบากแสนสาหัสกว่าจะได้พบกับคุณธรรมที่แสนวิเศษนี้ แล้วประกาศเป็นคำสอนที่ลือลั่นที่เรียกว่า อริยสัจจ์ 4 อันเป็นสิ่งที่นำทางการเข้าถึงแก่นแห่งพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

การครบรอบ 2600 ปีแห่งการค้นพบกำลังจะมาถึงอีกไม่กี่วันนี้ ศึกษาให้รู้จริง ๆ แล้วทำให้เกิดขึ้นตามคำสอนนั้นเถิดท่านชาวพุทธทั้งหลาย

ทุกข์ให้รูุ้
สมุทัย คือ ตัณหาให้ละเสีย
นิโรธ ทำให้แจ้ง
มรรค เจริญให้มาก

อาตาปี สัมปชาโน สติมา

ผูุ้ใดเห็นธรรม ผูุ้นั่นเห็นเรา ตถาคต




 

Create Date : 04 มิถุนายน 2555
0 comments
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 8:31:18 น.
Counter : 3133 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.