ลักษณะอาการของสัมมาสติเป็นเช่นไร
1.....บทความเรื่อง < ลักษณะอาการของสัมมาสติเป็นเช่นไร > บทความนี้เป็นความเข้าใจส่วนตัวล้วน ๆ ท่านทีเข้ามาอ่าน แนะนำให้อ่านด้วยวิจารณญาณ และใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง เพื่อความเจริญในธรรมสืบต่อไป 2....สัมมาสติ เป็นข้อที่ 7 ใน สัมมามรรค สิ่งทีเขียนในบทความนี้ในเรื่องของสัมมาสติ จะได้เขียนแบบทีเป็นรูปธรรม ทีใช้ภาษาชาวบ้าน ทีผู้ทีอ่านสามารถทำความเข้าใจได้โดยง่าย และ สามารถนำไปปฏิบัติได้เองต่อไป 3...ขบวนการของ สัมมาสติ นั้นจะมี 2 ขั้นตอน เพื่อความเข้าใจ จะขอยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
ขั้นตอนที่ 1 ของ สัมมาสติ คือ การไม่หลงลืม
ยกตัวอย่างทางโลกประกอบ สมมุติว่า ท่านไม่สบาย ได้ไปหาแพทย์มาแล้ว แพทย์ให้ยามากิน โดยบอกว่า ให้กินทุก 3 ชั่วโมง ครั้งละ 1 เม็ดครี่ง พอถึงเวลาทีท่านต้องกินยาแล้ว ท่านก็ไม่ลืมนำยานั้นมากินตามทีแพทย์สั่ง
ในทางธรรมนั้น สัมมาสติ ก็คือ นักปฏิบัติต้องไม่หลงลืมที่จะไปรู้ลงไปที หมวดใดหมวดหนี่งในสติปัฏฐาน 4 ( กาย / เวทนา / จิต / ธรรม ) เวลาใดทีท่านหลงลืม ไม่ไปรู้ลงไปที่ สติปัฏฐาน นั้นคือ ท่านได้หลุดจากขั้นที่ 1 ของสัมมาสติไปแล้ว
โดยธรรมชาติ จิตตัวรู้ของคนนั้น จะต้องมีการรู้สภาวะปรมัตถธรรม จะรู้อะไรก็ได้ทีเป็นปรมัตถธรรม ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงตรัสสอนไว้ในวิธีปฏิบัติเพื่อลงไปในสภาวะปรมัตถธรรม ก็คือ การรู้ลงไปที่ สติปัฏฐาน 4 นั่นเอง
ขออธิบายเพิ่มเติมว่า ทำไมต้องรู้ลงไปทีสติปัฏฐาน 4 เพราะถ้าจิตตัวรู้ ไม่รู้ลงไปทีสติปัฏฐาน 4 เมื่อใด ในขณะนั้น จิตพลังงานจะดูดจิตตัวรู้เข้าไปครอบงำทันที ซึ่งอาการแบบนี้ มีบางท่านเรียกว่า การหลงเข้าไปในความคิด ซี่งเมื่อหลงเข้าไปในความคิด คนก็จะหลงคิด แล้ว เกิดการปรุงแต่งตามมา ทำให้เกิดทุกข์ใจขึ้นมาได้โดยง่าย
**หมายเหตุ ตัวจิตนั้น จะมี 2 ส่วน คือ ส่วนทีเป็น จิตพลังงาน และ ส่วนทีเป็น จิตตัวรู้ ** เรื่องนี้ มีการเขียนอธิบายไว้แล้ว แนะนำอ่าน เรื่อง ความเป็นอิสระของจิต https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=namasikarn&month=17-04-2021&group=17&gblog=220
ขั้นที่ 2..ของสัมมาสติ คือ ทีจิตตัวรู้ไปรู้ลมหายใจ โดยเป็นการรู้ที่เป็นไปเองได้ (การรู้แบบนี้ ผู้เขียนได้ตั้งชื่อไว้ เพื่อสดวกแก่การเขียน Blog โดยผุ้เขียนได้ตั้งชื่อว่า การรู้ลมหายใจแบบ Secondary ซี่งมีเขียนอธิบายไว้แล้วใน เรื่อง ความเป็นอิสระของจิต )
ในขั้นที่ 2 นี้ เมื่อ นักปฏิบัติไม่หลงลืมตามขั้นที่ 1 ได้แล้ว ต่อไป ก็คือ จิตตัวรู้ ต้องสามารถรู้ลมหายใจปรากฏขึ้นได้แบบ Secondary ได้ด้วย ขั้นตอนนี้ สำคัญ เพราะ การรู้ลมหายใจได้แบบ Secondary นั้น จิตตัวรู้ ส่วนทีไปรู้ลมหายใจได้แบบนี้ จะปรากฏตัวขึ้นแต่อยู่ในสภาวะธรรมของ การไร้ตัวตน ( ไม่มีตัวกู ไม่มีของกู ทีไปรู้ลมหายใจทีเป็นแบบ Secondary ) นีคือ สภาวะธรรมแท้ ๆ ทีเป็นธรรมชาติได้ปรากฏขึ้นแล้วแก่นักปฏิบัติ
เมื่อสภาวะข้อ 1 และ ข้อ 2 ของสัมมาสติ ปรากฏขึ้นแล้ว ก็จะเป็นการทำงานทีเป็นอิสระต่อกันของ จิตทั้ง 2 ส่วนคือ ส่วนทีเป็น จิตพลังงาน (ที่ทำงานมีการนีก การคิด มีขันธ์ 5 ทำงานอยู่ ) และ จิตส่วนทีเป็นจิตตัวรู้ (ที่ทำงานไปรู้สภาวะธรรมในส่วนที่ไม่มีขันธ์ 5 )
คำถามมีว่า ถ้า จิตตัวรู้ ไม่สามารถรู้ลมหายใจทีเป็นแบบ Secondary ได้ จะเป็นสภาวะธรรมแบบใด คำตอบในเรื่องนี้มีว่า การรู้ลมหายใจนั้น จะสามารถรู้ได้แบบ Primary ก็ได้ คือ การไปตั้งใจรู้ลมหายใจตรงๆ หรือ จะไปรู้แบบ Secondary ก็ได้ ทีไปรู้ลมหายใจแบบรู้ได้เอง โดยที่ไม่ได้ตั้งใจไปรู้ลมหายใจเลย เมื่อนักปฏิบัติตั้งใจรู้ลมหายใจ ทีเป็นการรู้แบบ Primary จะทำให้เกิดการอึดอัดไม่เป็นธรรมชาติเกิดขึ้น การรู้ลมหายใจแบบนี้ จิตตัวรู้ นั้นได้ตกลงไปในการครอบงำของความคิดแล้ว นั้นคือ การมีสภาวะตัวกู ของกู ได้ปรากฏขึ้นแล้วนั่นเอง การหลงไปในความคิด นีคือ การเกิดขึ้นของสังขาร ทีเป็นกล่าวไว้ใน วงจรปฏิจสมุปบาท ทีว่า อวิชชา ทำให้เกิด สังขาร
3..เมื่อ เกิดสัมมาสติ ครบใน 2 ขั้นตอน กล่าวคือ จิตตัวรู้ รู้ลงไปที สติปัฏฐาน และ ก็สามารถ รู้ลมหายใจได้ด้วยแบบ Secondary ถ้าท่านนักปฏิบัติ สามารถ ดำรงสภาวะการรู้ได้แบบนี้ โดยสมบูรณ์ ไม่ขาดตอนเลย ซี่งเมื่่อเกิดแบบนี้ สัมมาสมาธิ ได้เกิดขึ้นแล้ว ( แนะนำอ่าน ลักษณะอาการของสัมมาสมาธิเป็นเช่นไร https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=04-2021&date=23&group=17&gblog=221 . เมื่อเกิดสภาวะธรรมของ สัมมาสติ (ข้อ 7 ในองค์มรรค ) และ สัมมาสมาธิ (ข้อ 8 ในองค์มรรค ) ทีสมบูรณ์ สภาวะแบบนี้ คือ ความสมบูรณ์ของสัมมามรรค หรือ ภาษาธรรมเรียกว่า มรรคสมังคี ได้ปรากฏขึ้นแล้วแก่ท่านนักปฏิบัติ ท่านนักปฏิบัติอาจมีคำถามว่า แล้ว มรรคข้อ 1 ถึง 6 ละ ไม่เกี่ยวหรือ เรื่องนี้ เฉลยได้ว่า มรรคข้อ 1 ถึง 6 นั้น เป็นมรรคนำทาง ทีเป็นทางผ่าน ท่านต้องใช้ มรรคข้อ 1 ถึง 6 นำทางเพื่อไปสู่มรรคข้อ 7 และ 8 เมื่อได้ มรรคข้อ 7 และ 8 แล้ว มรรคทุกข้อจะรวมตัวกันเองเป็นหนี่งเดียว ไม่แบ่งแยกออกเป็นข้อ ๆ ซึ่งเรียกว่า มรรคสมังคี
Create Date : 25 เมษายน 2564 |
|
0 comments |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2564 9:10:00 น. |
Counter : 917 Pageviews. |
|
|
|