จะทำอย่างไร ให้เกิดความรู้สีกตัวได้เสมอ ๆ
นักภาวนาเป็นจำนวนมาก มักกังวลกับการปฏฺบัติ เพราะเมื่อปฏิบัติไปถีงแม้ว่าจะนานหลาย ๆ ปี แต่ก็ยังเกิดอาการเผลอตัวอยู่เสมอ ทำให้เกิดความคิดขึ้นมาว่า การปฏิบัตินั้นจะไม่ก้าวหน้า หรือ ปฏิบัติผิดทางไป
เรื่องการเผลอ ผมมีเขียนไว้บ้างใน blog ของผม ท่านทีสนใจอ่าน ก็ลองค้นดูครับ แต่วันนี้ ผมจะเขียนใหม่ อาจซ้ำกับเรื่องเดิมทีเขียนไปแล้วบ้างก็ได้ การอ่านหลายๆ ครั้ง ก็จะทำให้เกิดความเข้าใจขึ้น
เรื่องการเผลอ จะมี 2 แบบครับ แบบที 1 การเผลอทีเกิดจากการสูญเสียความรู้สีกตัว ซี่งจะเป็นการเผลอของนักภาวนามือใหม่
แบบที 2 การเผลอทียังมีความรู้สีกตัวได้อยู่ แต่ไม่ได้ไปรู้สภาวะธรรมของกายใจ แบบนี้จะเป็นการเผลอของนักภาวนามือเก่าทีค่อนข้างชำนาญการภาวนาทีผ่านด่านการเผลอแบบที 1 มาแล้ว
มาดูรายละเอียดกันต่อไปครับ
1..คนทีเข้ามาภาวนาใหม่ๆ จะเผลอแบบที 1 บ่อยมากกว่าการรู้สีกตัว เพราะธรรมชาติของโมหะทีเข้าครอบงำจิตอยู่เสมอ ตรงนี้เป็นกันทุกคนครับ
2..เพื่อจะทำให้รู้สีกตัวแบบที 1 ได้บ่อยๆ ตรงนี้ ต้องมาจาก การทีหลุดการเผลอได้เองบ่อยๆ ครับ ไม่มีทางอื่น ต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น เหมือนกับคนทีจะไม่ถูกหลอกจากคนอื่นบ่อยๆ ต้องเป็นคนทีถูกหลอกมามากแล้ว แล้วรู้ว่า ตัวเองถูกหลอก ประสบการณ์ทีถูกหลอก จะทำให้คน ๆ นี้ต่อไป จะถูกหลอกยากขึ้นไปเรื่อย ๆ
3...ในการภาวนานั้น นักภาวนาสมควรฝีกฝนก่อนตามรูปแบบ จะเดินจงกรม จะทำอย่างไรก็ได้ แต่ขอให้ฝีกให้ถูกต้องตามสติปัฏฐาน 4 ก็แล้วกัน การฝีกนั้นขอให้ฝีกทุกวัน จะมากจะน้อยก็ขอให้ฝีกไปเถอะ ถ้ามีเวลา 1 นาที ก็ฝีกไป 1 นาที แต่ขอให้ฝีกทุกวัน อย่าได้เว้น แต่ถ้ามีเวลามาก ก็ให้ฝีกให้มาก ๆ เข้าไว้ก่อน
พอนักภาวนาฝีกบ่อยๆ ทำทุกวัน ทีนี้ พออยู่ในชีวิตประจำวัน นักภาวนาจะเผลอนานในแต่ละครั้ง ตรงนี้ไม่เป็นไร เผลอได้ครับ แต่ถ้าเมื่อไร ทีคุณหลุดเผลอได้ 1 ครั้ง คือ เผลอแล้วกลับมารู้สีกตัวได้เอง 1 ครั้ง นีคือ คุณมีประสบการณ์หลุดเผลอ 1 ครั้ง
เมื่อต้องฝีกไปทุกวัน แล้วปล่อยให้เผลอ แล้วให้หลุดเผลอกลับมารู้สีกตัว ต้องเป็นแบบนี้ ไม่มีทางอื่นครับ เกิดการเผลอได้ แล้วเกิดการหลุดเผลอได้เอง เกิดบ่อยๆ แล้วต่อไป นักภาวนาจะเผลอในเวลาสั้นลงไปเรื่อยๆ จากทีเคยเผลอนาน ๆ ก็เผลอหดสั้นลงทีละนิด ทีละนิด กล่าวคือ เมื่อเผลอแล้วก็กลับมารู่สีกตัวได้เร็วขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีการเผลออยู่นั่นเอง แล้วสักวันหนี่ง จะพบว่า การเผลอนั้นจะเกิดสั้นมาก ๆ คือ คล้ายกับว่า เผลอปุ๊บ ก็กลับมารู้สีกตัวได้เองอีกครั้งหนี่งอย่างรวดเร็ว ซี่งตรงนี้ คือ ประสบกาณ์การหลุดเผลอทีส่งผลออกมาให้เกิดความชำนาญในการหลุดการเผลอได้เอง เหมือนกับ ประสบการณ์ทีถูกหลอกมาโชกโชนจนถูกหลอกได้ยากขึ้น
4...ผมเน้นอีกทีนะครับ ถ้าอยากก้าวหน้าต้องฝีกทุกวันก่อน มากบ้างน้อยบ้างไม่เป็นไร แต่ขอให้ฝีกทุกวัน จากนั้น ก็ให้เผลอในชีวิตประจำวัน แล้วให้หลุดเผลอเกิดมาเอง เป็นแบบนี้ วนเวียนแบบนี้ไปเรือ่ยๆ ก็จะรู้สีกตัวได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
การฝีกฝนต้องใช้เวลานะครับ ไม่ใช่ ทำปุ๊บได้ปั๊บ อาจใช้เวลาถีง 3 ปี 5 ปี 7 ปี ก็ได้ อยู่ทีว่า มีฝีกบ่อยมากไหม แล้วเกิดการเผลอแล้วหลุดเผลอบ่อยมากไหม
5..ในกลไกการทำงานของจิตนั้น การเผลอ คือ โมหะเข้าครอบงำจิต และการหลุดเผลอได้คือ โมหะถูกแสงจิตทำลายลงไป ทำให้จิตสว่างขึ้นจึงหลุดการเผลอได้
นักภาวนาส่วนมากมักรังเกียจการเผลอ แต่การเผลอแล้วหลุดเผลอนี่แหละ จะทำให้นักภาวนาเกิดปัญญาตามมา เพราะเมื่อเวลาเกิดเผลอ โมหะครอบงำจิตแล้วกิเลสตัวอื่นก็จะครอบงำจิตตามมาอีก พอเกิดการหลุดเผลอได้ว่องไวพอ นักภาวนาจะเห็นกิเลสเกิดแล้วดับลงไปเป็นไตรลักษณ์ นี่เป็นปัญญาทีนักภาวนาต้องการพบ ถ้าไม่เกิดการเผลอขึ้น ก็จะไม่มีการเห็นกิเลสเกิดดับเป็นไตรลักษณ์ได้
พูดง่าย ๆ ก็คือ เกิดเผลอแล้วหลุดการเผลอได้ จะเป็นตัวให้เกิดปัญญาครับ
6..สำหรับการเผลอแบบที 2 นั้น จะเกิดจากการพัฒนาตนเองของนักภาวนาทีผ่านการเผลอแบบที 1 มาแล้วเป็นอย่างดี จนเกิดอาการทีว่า เหมือนไม่เผลออีกเลย แต่จิตไม่ได้รับรู้สภาวะธรรมของกายใจ นี่คือการเผลอแบบที 2
การเผลอแบบที 2 นั้น จะต้องมาจากการฝีกสัมมาสติโดยใช้หลักการของวัวแม่ลูกอ่อนเล็มหญ็าแล้วชำเลืองดูลูกน้อย อ่านเรื่องได้ที //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=04-2014&date=24&group=6&gblog=25
7..แนะนำอ่านเพิ่มเติม เรื่อง ขอบคุณ กิเลส ที่โผล่มาให้เห็น -มุมปัญญา //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=10-2009&date=14&group=5&gblog=2
Create Date : 17 ตุลาคม 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2557 14:46:48 น. |
Counter : 2472 Pageviews. |
|
 |
|