อุปทานขันธ์ 5 เป็นทุกข์-ยึดคิด-ไม่ยีดติด- จิตแยกตัว-จิตไม่แยกตัว
ภาพนี้คือ แม่บทในการภาวนาที่พระพุทธองค์ทรงสอนเรื่องอริยสัจจ์ 4 ที่กล่าวโดยสรุุปในอริยสัจจ์ข้อที 1 ว่า อุปทานขันธ์ 5 เป็นทุกข์ ซี่งหมายความว่า... ขอให้ดูจากภาพประกอบ
ในบล๊อกหมายเลข 2 ตรงกลาง และหมายเลข 3 ขวาสุด << นีคือ มโน ทีอายตนะภายใน ทำงานอยู่ใน มโน นั้น ถ้าจิตB วิ่งเข้าไปเกาะติดที่บล๊อกหมายเลข 2 หรือ จิตC วิ่งเข้าไปเกาะติดที่บล๊อกหมายเลข 3 นี่คืออาการยีดติดด้วยตัณหา ที่่ทำให้คนเกิดความเข้าใจผิดว่า ฉันเห็น ฉันได้ยิน ฉันเจ็บปวด ฉันโกรธ และ อื่นๆ ที่เป็นตัวฉันไปหมด อาการยีดติดอย่างนี้ที่เข้าใจว่าเป็นฉัน นี่คือ สิ่งที่เรียกว่า อุปทานขันธ์ 5 ว่าเป็นเราเป็นของเรา การยีดคิดอุปทานอย่างนี้แหละเพราะตัณหาคือสาเหตุ แล้วทำให้คนเกิดทุกข์ พระพุุทธองค์จึงทรงสอนในอริยสัจจ์ 4 ข้อที่ 1 ว่า อุปทานขันธ์ 5 เป็นทุกข์
สวนบล๊อกซ้ายสุด จะเห็นว่า จิตA วิ่งมาจากจิต B ไม่ใช่มาจากจิตD อาการนี้คือ จิตไหลออกผ่านทางอายตนะในบล๊อก 2 ไปสู่โลกภายนอกที่บล๊อก 1 ที่เป็น คน สัตว์ สิ่งของ ต่าง ๆ ในโลกใบนี้ .....ส่วนบล๊อก 2 และ 3 คือ โลกภายใน
คนทั่วๆ ไปรู้จักแต่บล๊อก 1 แต่ไม่รู้จักบล๊อก 2 และ 3 ทำให้คนภาวนาไม่ถูกที่ ถูกทาง ภาวนาไป ก็พุ่งไปแต่บล๊อก 1 ตลอด ถ้าภาวนาอย่างนี้ ภาวนาให้ตายก็ไม่เกิดผลในทางมรรค คือการหลุดพ้นจากสังสารวัฏ แต่อาจได้ผลในทางโลก คือ ทำจิตสงบแบบฤาษีได้
ส่วน จิตD ในภาพจะเห็นว่า มันเป็นอิสระ ลอยอยู่ ไม่เกาะกับ บล๊อก 1 /2 / 3 เลย การลอยเป็นอิสระอย่างนี่แหละของจิต D คืออาการจิตแยกตัวออกมาจาก บล๊อก 1/2/3
สำหรับคนใหม่ในการภาวนา ถ้าเราจ้องสิ่งใดในบล๊อก 1 จิตD จะวิ่งไปจิตB แล้วพุ่งออกไปจิตA นี่คือจิตไหลออกไม่ตั้งมั่นเพราะแรงตัณหา
จิตD ที่เป็นอิสระจะลอยอยู่ เหมือนอยู่มุมสูงในเฮลิคอปเตอร์ ที่จะมองเห็นภาพได้มุมกว้างกว่าการอยู่บนพื้นดิน เช่นการตรวจสภาพน้ำท่วม การตัดไม้ทำลายป่า เป็นต้น
จิตD ก็เช่นกัน เมื่อเป็นอิสระ จิตแยกตัวออกมาจากบล๊อก 1/2/3 แล้ว จิตD จะสามารถสัมผัส ได้ถึงสิ่งต่างๆ พร้อมกันหมดในบล๊อก1/2/3 สำหรับคนใหม่ ก็จะเห็นว่า เพียงเขาสัมผัสได้ว่า ตามองเห็นได้ หูได้ยินได้ จมูกได้กลินได้ รู้สึกถึงอาการทางกายได้ นี่คือรู้หลาย ๆ อย่างพร้อมกันแล้ว นี่แหละ จิต D แยกตัวออกมาแล้ว ถ้าจิตไม่แยกตัวออกมาเหมือนอยู่ในเฮลิคอปเตอร์จะไม่สามารถรู้อย่างนี้ได้
การฝีกฝนบ่อย ๆ เพียงรู้ได้พร้อมกันหลาย ๆ อย่าง ตามองเห็นได้ หูได้ยินได้ จมูกได้กลินได้ รู้สึกถึงอาการทางกายได้ เพียงเท่านี้ รู้บ่อย ๆ จิตD จะตั้งมั่นมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เอง เมื่อกำลังจิต D ตั้งมั่นมากพอ จิตD จะรู้จักโลกภายในของบล๊อก 2 และ 3 ได้ต่อไป
การรู้โลกภายในเพราะจิตD ไม่เข้าไปเกาะในบล๊อก 2/3 นี้แหละจะทำให้นักภาวนาเห็นได้ว่า อาการใน บล๊อก 2/3 ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราเอง เห็นได้เอง โดยไม่ใช่การไปคิดเอา ที่เห็นได้อย่างนี้ เพราะจิตD แยกตัวออกมานั้นเอง
**************** ปรับปรุงข้อความให้เหมาะกับ bloggang
Create Date : 07 ตุลาคม 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 7 ตุลาคม 2555 19:16:04 น. |
Counter : 5309 Pageviews. |
|
|
|