รู้ซื้อ ๆ รู้ที่ไม่มีความคิด
รู้ซื้อ ๆ รู้ที่ไม่มีความคิด
หลวงพ่อเทียนสอนว่า รู้ซื่อ ๆ หรือ รู้ที่ไม่มีความคิด อาการอย่างนี้สามารถแปลได้เป็น 2 ระดับครับ
ระดับที่ 1 คือ ระดับที่คนยังทำลายอวิชชาไม่ได้ หรือ ระดับในคนที่กำลังฝีกฝนอยู่ อาการรู้นั้น ขอให้เข้าใจว่า รู้ได้โดยไม่้ต้อง **ตั้งใจไปแปลความหมาย** เช่น พอลมหายใจเข้า ก็แปลว่า ตอนนี้ลมกำลังเข้า พอลมหายใจออก ก็ไปแปลว่า ตอนนี้ลมกำลังออก ตัวอย่างนี้ คือ การตั้งใจไปแปลความหมายแล้ว ไม่่ต้องไปทำอย่างนั้นครับ
แต่ท่านอาจสงสัยว่า ทำไมมีการสอนในอาณาปานสติว่า ลมหายใจเข้า ก็รู้ว่า ลมหายใจเข้า นี่ไม่เป็นการขัดแย้งกับคำสอนละหรือ เรื่องนี้ ผมขออนุญาตไม่ตอบครับ ผมเพียงบอกได้ว่า อย่าไปทำอย่างนั้นจะดีกว่า ดังที่ผมพูดในกิจกรรมว่า การรู้ลมหายใจ ก็เพียงรู้อาการกระเพื่อม ๆ ไหว ก็พอ ไม่ต้องไปรู้อย่างอื่นทีมากกว่านี้เลยว่า ไหวที่ไหน ก็ไม่ต้องไปรู้ นี่ลมเข้าหรือออก ก็ไม่ต้องไปรู้เลยครับ
ทีนี้ อาจจะมีบางคน ผมก็เคยเป็นอาการนี้ คือ จิตมันจะพากษ์เองในหัว มีเสียงพากษ์ในหัว ถ้าเป็นอย่างนี้ จิตมันพากษ์เอง ไม่เป็นไรครับ เพราะเราไม่ได้ตั้งใจพากษ์
เสียงพากษ์ในหัว บางคนอาจรำคาญใจ ไม่อยากให้มี ถ้าไม่อยากให้มี มันก็เป็นวิภาวะตัณหาอีก ถ้ามีเสียงพากษ์ในหัว ให้เพียงเฉย ๆ รู้่ว่ามีเสียงพากษ์ แต่อย่าไปใส่ใจว่า พากษ์อะไร ให้ทำตัวเหมือนเราได้ยินเสียงลูกข้างบ้านเขาร้องงอแง เราก็เฉย ๆ ไม่ต้องไปใส่ใจกับเสียงร้องงอแงนั้น
ในการภาวนานั้น ปรกติจะเป็นว่า ตามองเห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น กายรู้สัมผัส นี่เป็นภาวะปรกติของคน แต่ถ้าใครมีเสียงพากษ์ในหัวเพิ่มอีกอย่าง ถือว่า เขาได้พบกับการทบสอบการฝีกที่ยากกว่าปรกติ เพราะมีเสียงพากษ์เพิ่มขึ้นมา
การรับรู้อาการต่าง ๆ ทางกาย พร้อมกับเสียงพากษ์ได้ ถ้าทำได้ ยิ่งทำให้จิตตั้งมั่นได้ดีขึ้น เพราะได้แบบฝีกหัดที่ยากกว่าธรรมดา แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะทำได้ ลองดูครับ สำหรับคนที่มีเสียงพากษ์ในหัวเพิ่มขึ้นมา
ในการฝีกฝนนั้น ถ้าใครฝีกได้ดีพอในระดับหนี่ง เขาจะได้ยินวี๊ดเบาๆ ได้ยินตลอดเวลา ถึงแม้แต่อยู่ในที่เสียงดัง ก็ยังได้ยิน เสียงวี๊ดเบา ๆ นี้ จะคล้าย ๆ กับอากาารที่คนได้ยินเวลา อยูุ่ในที่เงียบสงัด
ระดับที่ 2 คือ ระดับที่คนทำลายอวิชชาได้แล้ว
ในคนระดับนี้ เขาจะเห็นสุญญตาของตัวจิตผู้รู้ และ มโน การรู้ของคนในระดับนี้ เขาจะควบคุมจิตได้จริงๆ ที่ว่า รู้โดยไม่มีความคิด เพราะเขาจะเห็นได้เองว่า เขารู้แล้วมีความคิดหรือไม่ ซี่งปรกติ คนในระดับนี้ จะสามารถคุมได้ว่า จะให้รู้แบบมีความคิดก็ได้ หรือ แบบไม่มีความคิดก็ได้
แต่ถ้าเขารู้แบบไร้ความคิด ก็จะเข้าสุ่สภาวสุญญตาไป แต่ถ้าเขารู้แบบมีความคิด เขาก็ใชความคิดในทางโลกไป ซี่งตอนนั้นไม่ใช่สุญญตา
แต่ในคนทั่ว ๆ ไป หรือคนที่กำลังฝนฝนที่ทำลายอวิชชายังไม่ได้ ผมว่า แทบเป็นไปไม่ได้เลยครับ ที่คนรู้สิ่งใดจะไม่มีความคิด เพราะม่่านหมอกแห่่งอวิชชาที่มันหมอง ๆ ใน มโน นั้นก็คือความคิดแล้วครับ แต่เนื่องจากคนยังมองไม่เห็นเอง ก็เลยไม่เข้าใจในสิ่งนี้ว่า คือความคิด
ในปฏิจสมุปบาทสายเกิด อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร... ตำราก็บอกไว้ชัดแล้วครับ
**** fb 19 Sept 2012
Create Date : 20 กันยายน 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 20 กันยายน 2555 14:27:30 น. |
Counter : 1931 Pageviews. |
|
|
|