Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
7 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
โยโกโซ ตอนที่ 11 ซานริโอ้แลนด์ หรือ พระราชวังโตเกียว ดีเอ่ย

โยโกโซตอนนี้ จะเป็นตอนสุดท้ายแย้วอ่า บันทึกกันจนเบื่อไปข้าง หุหุ
แม่ย่องไปเช็คเน็ตของโรงแรมตอนเช้าตรู่ ปล่อยให้นู๋เฝ้าทีวีไว้อย่างเหนียวแน่น เช็คเส้นทางไปพระราชวังซ้ำอีกที จะได้ไม่หลง พอกลับเข้าห้องก็เร่งให้นู๋แต่งตัวไวๆ นู๋ทำท่าจะสิงอยู่ในโรงแรมอย่างเดียว แม่เลยต้องขุดอวิชชามาล่อนู๋ น่านแหละ พวกเราถึงได้ขยับขยาย ย้ายสถานที่
เริ่มจากแวะธนาคารเพื่อไปแลกเงินเยน แบบแม่เกิดหวาดระแวงว่า ถ้าไปเจอพี่คิตตี้แล้วไม่ช้อป เด๋วพี่คิตตี้จะไม่นับเข้าแฟนคลับ ชิมิก่ะ
ไปถึงธนาคารตั้งกะเก้าโมง กว่าจะเสร็จขั้นตอนก็นู่น เกือบสิบโมง เพราะต้องขออนุมัติจากหัวหน้าหลายคนจัง พนักงานที่ให้บริการ พูดภาษาปะกิตได้ดีทีเดียว ถึงแม้จะดูขัดเขินไปหน่อย แต่มารยาทงดงามนัก พอเราเสร็จธุระ พนักงานทุกคนในแผนก รวมทั้งตัวหัวหน้าใหญ่ ก็เอ่ยปากบอกลาเรา ทีนี้ แม่เลยเป็นฝ่ายเขินซะเอง อะไรจะนักหนามากมายขนาดนี้
จากนั้น แม่พานู๋ไปสำรวจ สถานนีรถไฟเคเซย์ ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานนีเจอาร์แหละ แค่ชั่วมีปาร์คอูเอโนะคั่นกลางไว้ ต้องดูลาดเลาไว้ก่อนขณะที่ตัวเบาๆ วันเดินทางกลับ จะได้ไม่ผิดพลาด
ไปแล้วไม่ไปปล่าว เห็นมีบู้ธของการท่องเที่ยวอยู่ด้วย เลยเข้าไปถามข้อมูลเส้นทางต่างๆ เสียเลย ซึ่งพนักงานที่นั่น ให้ความช่วยเหลือดีมั่กๆ ทำให้แม่ได้รู้ว่า วันกลับ ไม่ต้องไปนั่งรถไฟที่เร็วที่สุดก็ได้ นั่งรถไฟของเคเซย์ แบบธรรมดานี่แหละ ราคาแค่พันเยนเอ๊ง ประหยัดไปได้ตั้งครึ่งๆ
เสร็จธุระทุกอย่าง แม่ก็ประกาศข่าวดี "วันนี้ เราจะไปซานริโอ้แลนด์กัน" แม่ตัดสินใจทิ้งใบจองการเข้าชมพระราชวังโตเกียวเชียวนะ
เงอะ ประกาศไปแล้ว แม่ก็รู้สึกเศร้าๆ เพราะแม่ไม่อยากไปเร้ย แต่สัญญานู๋ไว้ตั้งหลายเดือน และนู๋เองก็พยายามทำตัวทรหดในทริปนี้แล้ว สาเหตุที่ไม่อยากไปเพราะ รีวิวของซานริโอ้แลนด์ที่อ่านมา มีแต่แง่ลบทั้งนั้น แต่เอานะ มันไม่ใช่สถานที่เที่ยวของผู้ใหญ่นี่นา
การเดินทางไปซานริโอ้แลนด์ไม่ยากเลย ให้ไป ขึ้นรถไฟสาย Keio ซึ่งต้องขึ้นที่สถานนีชินจูกุ เนื่องจากแม่เช็คข้อมูลมาพร้อม รู้ว่า มีการขายพาสสำหรับซานริโอ้แลนด์ราคาถูกกว่าไปซื้อหน้างาน ก่อนหน้านี้ เคยให้ป้าเรโกะช่วยสื่อภาษาสอบถามเจ้าหน้าที่สถานีของรถไฟ Keio เอง และเอเย่นต์ทัวร์ ก็ไม่มีใครรู้จักพาสนี้เลย
แม่ก็ส่ายสายตาหาเหยื่อทันที โชคดี ซื้อหวยออกแบบตรงตัว ไปถามยามของห้าง เค้าบอกให้ขึ้นไปซื้อที่ชั้นเจ็ด ขึ้นไปถึงก็งงเล็กน้อย เพราะเห็นมีแต่แผนกขายของต่างๆ เลยมองหาแผนกกิฟท์ช้อปซานริโอ้ ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง พนักงานซึ่งพูดภาษาปะกิต ม่ายล่ายเลย พยายามบริการเต็มที่ เอาพาสซึ่งเป็นบัตรผ่านประตูราคา พันห้าร้อยเยนมาให้ แม่ก็งงๆ พยายามบอกไปว่า ม่ายช่าย ฉันต้องการซื้อพาสที่สามารถเข้าไปเล่นเข้าไปดูได้ทุกจุด มันควรจะเป็นราคา สี่พันเยนสำหรับผู้ใหญ่ ส่งภาษาจนเมื่อยมือ สองสาวไม่มีทีท่าจะเข้าใจ จนแม่จะถอยทัพอยู่แร้น สายตาก็เหลือบไปเห็น ตัวเลข สี่พันเยน บนโฆษณาอะไรสักอย่าง แปะไว้ด้านหลังเคานเตอร์ แม่เลยฟันธงบอกสองสาวว่า อันนี้แหละจ๊ะ....เฮ้อ กว่าจะได้มา ....อ๊ะ อ๊ะ อย่าถามนะ ประหยัดไปได้เท่าไหร่ เขิลๆๆ
แผนการขึ้นรถไฟที่ระบุในเว็บไซต์แม่นมาก ใช้เวลาสี่สิบนาที จึงจะถึงที่หมาย คือ สถานนีทามะเซ็นเตอร์ แน่นอน ระหว่างทาง โรคเก่าคุณแม่กำเริบ ทำให้อดใจไม่ไหว ลุกขึ้นมายืนบ้งเบ้ง (อีกแร้น) ตอนที่ รถไฟจอดที่ป้าย "ทามะอะไรสักอย่าง" คราวนี้ ได้คุณป้าใจดี ช่วยกำราบ ดูป้ายที่หมายให้แม่ และทำภาษามือ ทำนองว่า "รออีก แปดป้ายนะจ๊ะ" แหะ แหะ
ไปถึงก็เกือบเที่ยง ถามว่านู๋หิวหรือไม่ โอ๊ะ มาถึงขนาดนี้ ลูกแม่ลืมตาย จะเข้าไปสัมผัสพี่คิตตี้อย่างเดียะ
เราชมขบวนพาเหรดแสงสีก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งทั้งแม่และนู๋ต่างรู้สึกประทับใจสุดๆ สำหรับแม่นั้น มันเหมือนกับการปลุกความฝันสมัยสาวๆ ได้เห็นตัวการ์ตูนต่างๆ ออกมาลีลา โลดแล่น และที่ชอบมากๆ คือ ความหน่อมแน้มของเพลง หลังจากเที่ยวครบทุกจุดแล้ว แม่เห็นว่า ขบวนพาเหรดตรงฮอล์กลางนี่ คือสุดยอดเลยแหละ ส่วนรองนางงามได้แก่ การแสดงละคร The Wizard of Oz ซึ่งมีสคริป์ที่น่ารัก (แม้เราจะฟังญี่ปุ่นไม่ออกก็เหอะ) และฉากที่ลงทุนสูงง่ะ ตระการตามาก มีอยู่ช่วงนึง คิตตี้เดินลงมาแถวคนดู เดินเกือบจะถึงนู๋อยู่แล้วเชียว โอ๊ยยย แม่ละแค้น เกือบจะได้สัมผัสคิตตี้ตัวเป็น ๆ แล้วเน๊อะ ละครชุดนี้ ถือว่า เป็นชุดที่ดีที่สุด ในบรรดาทุกชุดที่มีโชว์
อีกกิจกรรมหนึ่งที่นู๋ชอบมาก คือ การนั่งเรือ ชมตัวการ์ตูนสองข้างทาง ตะแรกนึกว่าจะมีเสียว เพราะเรือพุ่งขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ และไปหยุดที่ยอดเนิน แต่ตอนปล่อยเรือลงนี่สิ แหง่วๆๆ แป๊วๆๆ ปล่อยซะช้า จนนู๋ยังบ่นเลยว่า "ไมไม่เสียวอ่ะ"
เราทำกิจกรรมหลายๆ อย่างมากเลย แต่ที่ทำให้แม่รู้สึกเป็นปลื้ม ลืมไม่ลง คือ ตอนแวะบ้านคิตตี้ แล้วช่วงท้ายก่อนออกจากบ้าน เค้าเปิดโอกาสให้ถ่ายรูปและสัมผัสกะคิตตี้ตัวเป็นๆ ต้องรอแถวนานนนนมาก ตั้งแต่ก่อนเข้าบ้าน และรอนานนนนมาก ตอนจะถ่ายรูปกับคิตตี้
ครั้นพอถึงคิวของเราจริงๆ แม่ตื้นเต้นมาก เพราะคิตตี้เป็นไอดอลของแม่มาตั้งแต่สาวๆ แม่เอื้อมมือไปสัมผัสคิตตี้ พร้อมกะพึมพำเบาๆ "คิตตี้ๆๆ" (บ้าไปแล้ว) คิตตี้ก็น่ารักนะ เค้าเซ้นส์ได้ เค้าหันมาทำท่ากุ๋งกิ๋งกะแม่ด้วย แทนที่จะให้ความสนใจแค่เด็กเล็กๆ อย่างนู๋... ส่วนนู๋นะเหรอ แม่ว่า นู๋ก็บ้าพอๆ กะแม่นั่นแหละ
ปล. เจ้าหน้าที่ใจดี ถ่ายรูปโดยใช้กล้องของเราเอง แต่ปรากฏว่า พอแม่เห็นตัวเอง ก็เกือบลมจับ วันนั้นแม่นุ่งกระโปรงเหนื่อเข่า เสื้อสีขาว ดูๆ ไป เหมือนมีคิตตี้กลมๆ สองตัวอยู่ในภาพง่ะ

เราอยู่จนซานริโอ้แลนด์ปิด และไม่มีเวลาช้อปปิ้งเลย แงๆๆๆๆ
พอเดินออกมา นู๋เริ่มลีลาทุกกระบวนท่าทันที เพราะนู๋คงเหนื่อยมากแหละ แม่พยายามอดทนๆ ซื้อโดนัทและนม ให้นู๋หม่ำรองท้องก่อนไปหาอะไรอร่อยๆ ที่สถานนีชินจูกุ นู๋ก็ไม่สนใจ ขอเหวี่ยงอย่างเดียว แม่ก็ก้มหน้าก้มตา แทะและดูด ไปสิ
ถึงสถานนี แม่มีหลอกนู๋นิดๆ ให้เดินออกไปนอกสถานนี โธ่ ก็มาถึงชินจูกุทั้งที ไม่ได้เห็นแสงสีเสียง ก็เหมือนมาไม่ถึงชิมิก่ะ ก็ได้แต่ดูแป๊บๆ เพราะนู๋ทั้งจิก ทั้งกัดให้แม่หาร้านอาหารเร็วๆ
พวกเราลองขึ้นไปที่ศูนย์ภัตตาคาร ที่ชั้นแปดของสถานนี และก็ไม่ผดหวังเลย อุด้งจานร้อนที่นี่ ร้อนขนาดยกมาเสริฟ์ น้ำยังปุดๆ เลย รสชาดก็อร่อย ฟันธงว่า ชนะร้านอุด้งน้ำใสของน้านุ้ย แม่กลัวไม่อิ่ม เลยพยายามสื่อภาษาถามคุณน้องว่า ไอ้ถ้วยที่มีก้อนขาวๆ คือ เต้าหู้ใช่ไหม ชีก็ตอบว่าใช่ พอยกมา แม่เดาะเข้าปาก ก็นึกบริภาษในใจ เต้าหู้อะไร เหนียวหยั่งกะขนมเข่ง ส่วนเครื่องที่รองข้างใน ก็เป็นเนื้อ กะคอนบุ ด้วยความเสียดาย แม่เลยซัดเข้าไป เหลือแต่เนื้อๆ ไว้
อิ่มอารมณ์ดีแล้ว พวกเราพากันกลับโรงแรม นู๋หลับอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้แม่คิดกลยุทธ์การยัดกระเป๋าอย่างเดียวดาย

ไฟลท์ของเราออกหกโมงเย็น จึงมีเวลาเหลือมากพอให้เที่ยวเล่น เดิมแม่จะไปแถวๆ อาคิบาระ หาเรื่องใช้เงินที่แลกมาแล้วเสียหน่อย แต่พอพูดคุยกะนู๋แล้ว แม่ก็หมดอารมณ์ ก็สิงอยู่ที่โรงแรมจนได้เวลายกขบวนน่านแหละ เพราะงี้ไง ขากลับ เราจึงไม่จำเป็นต้องขึ้นรถไฟแพงๆ เพราะเราเป็นผู้กุมเวลาทั้งปฐพี
ไฟลท์ขากลับไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ เริ่มจากแอร์เย็นสะท้านทรวง อาหารเจไม่อร่อย และเครื่องเจอหลุมอากาศฟ้าแลบ แปลบๆ น่ากลัวเหมือนในหนังเลย โชคดีที่นู๋หลับไปได้ ม่ายงั้นนู๋คงเคียด
กับตันเค้าเก่งนะ เร่งเครื่องจนพวกเรามาถึงสุวรรณภูมิก่อนเวลา ตั้งสี่สิบนาที ขณะที่ผู้โดยสารทยอยลงจากเครื่อง แม่ก็ต้องทำพิธีเรียกวิญญาณ ซึ่งแม่เรียกมาผิดตัว ได้ตัวอะไรมาก็ไม่รุ ง็อกแง็ก ง๊องแง๊ง พูดกันไม่รู้เรื่องเลย และที่แย่คือ เครื่องไปจอดไกลมาก ต้องนั่งบัสเข้าไปอีก แม่ว่าเกินสิบนาที เพราะแม่ต้องคอยเรียกนู๋ให้รู้ตัวตลอด กลัวว่า ถ้านู๋หลับซ้ำอีก แม่ต้องตายแน่ๆ
พอถึงตัวสนามบินได้ นู๋โวยวาย ไม่สามารถเดินได้ ขาเจ็บ ปวดหัว ร้อน ฯลฯ
แม่รีบพานู๋เข้าตม.ช่อง "เด็ก สตรี คนชรา" ทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่น่ารักมากกก เข้าใจเด็กเพิ่งตื่นเป็นอย่างดี ตอนเรียกให้ถ่ายรูป นู๋ไม่ยอมให้ถ่ายด้วยนะ
ระหว่างรอกระเป๋า นู๋ยังคงโวยวายต่อ แม่ไม่สามารถทำอะไรให้นู๋ถูกใจได้เลย ไม่รู้ว่า นู๋อยากจะนั่ง อยากจะยืน หรืออะไรกันแน่ แต่พอนู๋เห็นกระเป๋าของเราปุ๊บ นู๋เปลี่ยนเป็นคนละคน .... งงไหมคะกะเด็กคนนี้.... จัดแจงช่วยแม่เป็นอย่างดี สงสัยรู้ว่า จะได้รีบออกจากสนามบินไวๆ
พวกเราออกไปรออี๊สาที่ประตูสาม แต่รอเท่าไหร่ก็ไม่เห็นอี๊สา แม่เลยเข็นรถและให้นู๋ตะโกนเป็นระยะๆ เรียกชื่ออี๊สา ครั้นจะโทรสับถาม ก็ดันไม่มีเงินไทยเลยนี่ ใกล้ถอดใจ กะจะทำด้านๆ ขอยืมใช้มือถือของคุณป้าแสนสวยข้างๆ แม่กำลังอ้าปาก ก็พอดี พี่วิทย์ คนรถอี๊สามาเรียก ฟิ้ว
เดินออกไป เจออาม่ารออยู่ โธ่เอ๊ย ดึกดื่นเที่ยงคืน อาม่าไม่ยอมนอน อุตส่าห์มารับนู๋ ดูสิ
อาม่ามีแอบมาบ่นตอนหลังนิดหน่อยว่า "ทำไมอามรรคณิชาพูดมากจัง อั๊วฟังจนหลับในรถอ่ะ"


Create Date : 07 กันยายน 2553
Last Update : 7 กันยายน 2553 14:19:24 น. 1 comments
Counter : 914 Pageviews.

 
แวะเข้ามาทักทายครับ


โดย: MaFiaVza วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:14:46:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มรรคณิชา
Location :
Sleepless in Seattle United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




สวัสดีคะ
นู๋ชื่อ มรรคณิชา.... เรียกนู๋เต็ม ๆ นะคะ เพราะนู๋ไม่มีชื่อเล่นคะ ... อยากรู้จักนู๋ ก็ต้องตามไปช่วยอ่าน ช่วยคอมเม้นต์นะคะ แม่นู๋จะได้มีกำลังใจ
แก้ไขเพิ่มเติมคะ....
มีคุณน้า คุณพี่ หลายคนมักถามคุณแม่เสมอๆ ว่า "ชื่อของนู๋ แปลว่าอะไร"
บอกเลย ไม่เล่นตัว...อิอิ
มรรค มาจากคำว่า "มรรค 8" ในศาสนาพุทธไงคะ...คุณแม่คงอยากเห็นนู๋เป็นเด็กดี...แถมเวลาสะกดเป็นภาษาปะกิต คุณแม่ใช้ชื่อคุณพ่อสะกดซะเลย...งานนี้ คุณพ่อหน้าบานคะ
ส่วน ณิชา แปลว่า บริสุทธ์
พอมารวมกะ "มรรค" ชื่อนู๋เลยเก๋กู๊ดซ้า

แก้ไขเพิ่มเติม (อีก 5/29/2011)
แขกเค้ามีดาราหญิงชื่อ มานิชา คล้ายชื่อนู๋มากเลย แรกๆ แม่ก็ปลื้มหรอกนะ แต่หลังๆ ชักหวั่นไหว เพราะเพื่อนร่วมงานของพ่อชื่อนี้เปี๊ยบ เป็นตัวป่วนที่ทำคุณพ่อปรี๊ดส์บ่อยๆ

แม่พบว่า เด๋วนี้ เวลาเรียกมรรคณิชาเต็มๆ คือการทำเสียงเข้ม ในเหตุการณ์ปกติ แม่เรียกนู๋ ว่า "ลูก" "นู๋" หรือ ไม่ก็ "ชิชา" "ชา"
Friends' blogs
[Add มรรคณิชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.