จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 

นักสืบพราน - เรื่องที่ 2 จำเลยไม่พูด (ตอนที่ 16)

โดย 4411


พรานเจนเชิง ยื่นหนังสือพิมพ์ที่เขาเพิ่งอ่านจบ ให้กัลยา ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม หน้าโต๊ะทำงานของเขา พลางพูดว่า

“อ่านข่าวนี้หน่อย – กัลยา - อรัญญาได้รับการปลดปล่อยออกจากเรือนจำแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ตามคำสั่งของศาล ผู้ต้องหาของเรารับสารภาพโดยตลอด เป็นความสามารถของ คุณผจญ ที่ทำให้ผู้ต้องหารับสารภาพได้ และสำนักงานของเราก็ได้ชื่อเสียงในคราวนี้ไม่ใช่น้อย ”

กัลยา รับหนังสือพิมพ์มาคลี่ออกอ่านอย่างสนใจ ใบหน้าของหล่อนกราดไปด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่สายตาผ่านไปตามตัวอักษรบนหน้ากระดาษนั้น สักครู่จึงเงยหน้าขึ้นพูดว่า

“คุณผจญ ทำอย่างไรคะ นายวิศณุจึงได้รับสารภาพ คงจะไม่ใช่ ... ง่า ... ”

พรานเอียงคอมองดูเลขานุการของเขา พร้อมกับยกนิ้วชี้กระดกไปมา

“อ๊ะ – อ๊ะ – ไม่ใช่ คุณผจญไม่ใช่ตำรวจประเภทนั้น แกคงจะใช้แนวความคิดที่ผมได้ให้ไว้ โดยรีบสอบสวนผู้ต้องหาในทันที และใช้วิธีบรั๊ฟ โดยบอกว่า มีพยานเห็นในขณะเกิดเหตุ ตามที่ผมให้แนวไว้ แกเป็นนายตำรวจที่มีความคิดแล่นไวคนหนึ่งทีเดียว ”

“มีผู้เห็นเหตุการณ์นี้จริง ๆ หรือคะ ” กัลยาถามอย่างสนใจ

“เปล่า – เป็นแต่เพียงล่อผู้ต้องหาให้ตกใจเท่านั้นเอง ในขณะที่ผู้ต้องหาเองก็เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น และโดยไม่ทันได้ตั้งตัวหาข้อต่อสู้ ”

“ดิฉันยังไม่เข้าใจ เหตุใดนายวิศณุจึงจะเชื่อว่า เรื่องนี้ได้มีผู้เห็นเหตุการณ์ ถ้าแกเชื่อเช่นนั้น แกก็ควรจะได้จัดการกับผู้นั้นอย่างใดอย่างหนึ่งลงไปเสียแล้ว”

พรานหัวเราะเบาๆ เขาชะโงกตัวมาข้างหน้า

“ฟังให้ดี – กัลยา ผมจะอธิบายให้ฟัง มันเป็นความเคราะห์ดีของเราประการหนึ่งที่คุณอรัญญาไม่ได้ให้การอะไรในชั้นสอบสวน ผมก็ไม่ทราบว่า เหตุใดทนายทั้งสองจึงได้แนะนำแกไว้เช่นนั้น แต่คงไม่มีความมุ่งหมายอันเดียวกับที่ผมได้คิดไว้แต่แรกแน่ ผมได้ไปพบอรัญญาในเรือนจำ ในตอนที่ผมหายเงียบไป ๒ – ๓ วันนั้น การไปพบก็เพื่อจะถามถึงเหตุการณ์บางประการในคืนวันเกิดเหตุ ซึ่งผมคิดว่า มันอาจเป็นไปได้ เพราะพิจารณาจากระยะเวลาที่พยานได้ยินเสียงปืน และได้เห็นคุณอรัญญาเข้าไปในบ้านในเวลาใกล้เคียง ก่อนหน้าได้ยินเสียงปืน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่กระชั้นชิดกันมาก ถ้าหากคุณอรัญญาไม่ได้เป็นผู้ยิงเอง แกก็ควรจะได้เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างภายในบ้านบ้าง เพราะลักษณะของบ้าน เป็นบ้านชั้นเดียว และมีบันไดเพียง ๓ – ๔ คั่นเท่านั้น ”

เขาหยุดชั่วขณะแล้วพูดต่อไป

“เป็นจริงดังคาด คุณอรัญญาบอกว่า แกได้เห็นคน ๆ หนึ่งวิ่งออกไปทางหลังบ้าน ในขณะที่แกเข้าไปและได้ยินเสียงปืน ซึ่งแกไม่รู้ว่าผู้นั้นเป็นใคร เพราะเห็นไม่ถนัด แกได้บอกความนี้กับทนายของแกเหมือนกัน แต่ทนายทั้งสองไม่ได้บอกผมถึงตอนนี้ ฉะนั้นผมจึงเข้าใจว่า การที่ทนายเขาแนะนำไม่ให้แกให้การในชั้นสอบสวน ก็คงหวังที่จะให้แกเบิกความเป็นพยานตัวเองในชั้นศาลถึงเรื่องนี้ และสร้างหลักฐานอื่นขึ้นประกอบ แต่การกระทำเช่นนั้น ผมคิดว่ามันจะกลับเป็นผลร้ายหนักขึ้น ศาลที่ไหนก็ย่อมไม่เชื่อ ซ้ำร้าย จะทำให้ผู้ร้ายตัวจริงได้เกิดมั่นใจขึ้นว่า ผู้ที่เขาคิดว่า คงจะเป็นผู้เห็นเขาขณะนั้น กลับเป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นภัยต่อเขาเลย ”

“ใครเล่าคะ ที่คนร้ายคิดว่า เป็นผู้เห็นเขาขณะนั้น ”

“แม่มยุรี ” พรานตอบ

“ คุณจำได้ไหม เวลาที่เกิดเหตุนั้น เป็นเวลาที่แม่มยุรี กับนายวิกรม เคยนัดพบกันเป็นปกติ และในคืนวันนั้น เป็นคืนที่คนทั้งสองนัดพบกัน นายวิกรมจึงได้จัดการให้คนในบ้านออกไปเสียให้หมด เพื่อจะได้อยู่กันตามลำพัง แต่จะด้วยเหตุใดไม่ปรากฏ แม่ยุรีไม่ได้มาตามนัดหรืออาจจะมาหลังจากเวลานัดนิดหน่อย ครั้นได้ยินเสียงปืนเข้า ก็เลยเลิกล้มความตั้งใจที่จะเข้าไปในบ้านนั้น หรือมิฉนั้น ก็คงได้เห็นคุณอรัญญาเข้าไปเสียก่อนก็เลยถอนตัวไปก็ได้ คนร้ายผู้นี้ เป็นผู้ที่รู้จักกับ มยุรี ดี เพราะในขณะเดียวกันกับที่ นายวิกรมลักลอบอยู่กับมยุรีนั้น วิศณุซึ่งเป็นนักเลงในทางนี้เหมือนกัน ก็ได้ติดต่อมยุรีอยู่ด้วย และดูเหมือน มยุรี จะติดใจวิศณุ มากกว่านายวิกรม เพราะหนุ่มแน่นกว่าและปราดเปรียวกว่ากัน ผู้หญิงอย่างแม่มยุรีไม่แคร์กับเรื่องพรรค์นี้ ดูแต่พิชิตของเรา ชั่วระยะเวลาไม่กี่วัน ก็ยังได้เรื่องเสียแล้ว ”

เขาหัวเราะเบาๆ ขัดจังหวะ แล้วจึงพูดต่อไป

“ขณะที่ นายวิศณุ เข้าไปฆ่าวิกรมนั้น เขาไม่ได้ทันนึกถึงหรอกว่า เวลานั้นเป็นเวลาที่แม่มยุรี เคยมาหา นายวิกรมเป็นปกติ เมื่อเขาได้ลั่นปืนออกไป แล้วโยนปืนทิ้งไว้ กลับออกมาก็ได้เห็นมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเข้ามาในบ้าน ขณะที่เขาเห็นนั้น ความคิดของเขาก็แวบขึ้นมาทันทีว่า ต้องเป็นมยุรี เพราะเขานึกได้ทันทีว่า มันเป็นเวลาปกติที่คนทั้งสองมักจะพบกัน นักเลงขนาดนั้น มีความรู้รอบตัวเกี่ยวกับผู้หญิง ที่เขาเกี่ยวข้องอยู่ด้วยเป็นอย่างดีเสมอ และมยุรีนั้น เห็นเขาชั่วแวบก็ย่อมจำได้ไม่พลาด ฉะนั้นเมื่อเขาหนีออกมาจากบ้านแล้ว ก็คงจะต้องคอยฟังข่าวอยู่ เมื่อปรากฏว่า พนักงานสอบสวนไม่ได้ทำการสอบสวน มยุรี เลย และไม่มีชื่อ มยุรี ในรายชื่อพยานโจทก์ชั้นศาล เขาก็พอใจ และคิดว่า มยุรี ก็คงจะเหมือนกับคนอื่น ๆ ซึ่งไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องซึ่งไม่เกี่ยวกับตัว ฉะนั้น คุณเห็นไหมว่า ตราบใดที่คุณอรัญญา ยังไม่ได้เปิดปากของแกถึงเรื่องนี้ ตราบนั้น วิศณุ ก็คงยังสงสัยอยู่ว่า ผู้ที่เห็นเขาคือ มยุรี ถ้า อรัญญาไปเบิกความเข้าเมื่อใด ก็เท่ากับเปิดเผยให้ วิศณุ รู้ความจริง ซึ่งเราจะไม่มีทางช่วยเหลืออรัญญาอย่างใดเลย ”

กัลยาพยักหน้าช้าๆ และพูดว่า

“ดิฉันพอจะเข้าใจแล้ว เพราะเหตุนี้หัวหน้าจึงได้หาวิธีให้ทนายจำเลยถอนตัวไปเสีย เพื่อป้องกันมิให้เขาดื้อดัน นำอรัญญาเข้าเบิกความเป็นพยานตัวเองเสียก่อน ในขณะที่เรากำลังดำเนินงานของเราอยู่ –ใช่ไหมคะ ”

“ใช่แล้ว – คุณเข้าใจถูก ” พรานพูดและยิ้มละมัยอย่างพึงพอใจ “ผมปล่อยให้ผู้ซึ่งเป็นคนร้ายตัวจริง ซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นใครขณะนั้น ตกอยู่ในความเชื่อและลังเลอยู่เช่นนั้นตลอดเวลา กระสุนนัดแรกที่ผมยิงออกไปก็คือ การประกาศออกทางหนังสือพิมพ์ว่า ผมจะเข้าจับงานชิ้นนี้ และไม่เชื่อว่า อรัญญาเป็นคนฆ่าผัวของหล่อน เสียงหนังสือพิมพ์นั้นดังเพียงไร คุณก็รู้อยู่ เมื่อข้อความนี้ถูกโฆษณาออกมา ก็ย่อมจะดึงความสนใจของประชาชนให้เกิดความลังเลและเอาใจใส่ต่อข่าวนี้

คนส่วนมากที่เคยเห็นผลงานของเรามาแล้ว ก็จะต้องสนใจและคอยฟังข่าวนี้อยู่ แม้แต่ศาลซึ่งเป็นปุถุชนธรรมดารเราดีๆ นี่เอง ก็ต้องเกิดไม่แน่ใจและลังเล และศาลนั้นย่อมไม่ต้องการที่จะลงโทษผู้ที่ไม่มีความผิด ฉะนั้น จึงไม่ขัดข้องที่จะประวิงเวลาพิจารณาและรอฟังผลที่แท้จริง ในระหว่างที่จำเลยยังขาดทนายความ

 ตำรวจก็จะต้องคอยจับตาดูเรา ผู้ร้ายตัวจริงก็จะต้องไหวตัว รวมความว่า ทำให้เกิดความสับสนในความคิดเดิมของคนทั่ว ๆ ไปเสียก่อน ”

เขาหยุดพูดชั่วขณะ เปิดหีบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ สายตายังจับอยู่ที่ใบหน้าของ กัลยา ซึ่งกำลังฟังข่าวอย่างสนใจ ครั้นแล้วจึงพูดต่อไป

“แต่จุดประสงค์อันใหญ่ของผมอยู่ที่ตำรวจ ผมต้องการให้ คุณผจญ หันมาสนใจกับผมว่า ผมจะทำอย่างไรต่อไปกับคดีนี้ ผมรู้ตัวว่า ผมถูกตำรวจสะกดรอยตามทุกฝีก้าว ไม่ว่าจะย่างไปไหน นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์เริ่มประกาศข่าวนี้ออกมา ซึ่งผมพอใจมากที่ถูกติดตาม และมันเป็นความต้องการของผมเช่นนั้น พอดีผมได้รับรายงานจาก เกรียง ว่ามยุรีเดินทางมากรุงเทพ ฯ ผมจึงได้ดำเนินแผนของผมทันที ในคืนวันที่ผมให้คุณไปพบ พิชิต ที่โรงแรมไทยนคร ตำรวจของคุณผจญ ซึ่งตามผมอยู่ และเห็นผมในที่นั่น ในคืนวันนั้น จะต้องไปสอบถามพนักงานโรงแรมว่า ผมมาหาใคร พอเขารู้ว่าผมไปที่โรงแรมเพื่อพบ มยุรี และวันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์ ก็ประกาศว่า มีหญิงซึ่งไม่ยอมเปิดเผยชื่อ บอกข่าวเรื่องนี้กับผม เขาก็ปักใจว่า ต้องเป็นมยุรี ด้วยเหตุนี้ ผมจึงไม่แปลกใจเลย ที่มยุรีหายไปจากโรงแรมเฉย ๆ และไม่เป็นห่วง เพราะแน่ใจว่า ต้องไปอยู่ในความคุ้มครองของตำรวจ ผมต้องการที่จะเก็บตัว แม่มยุรี อยู่แล้ว เพื่อให้กระเทือนทางด้านผู้ร้ายตัวจริง แต่ถ้าเราทำเอง ก็คงไม่พ้นข้อกล่าวหาทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพหน่วงเหนี่ยวกักขังบุคคลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผมจึงต้องขอยืมมือ คุณผจญ ด้วยวิธีนี้ ”

“มิน่าเล่า จึงได้วุ่นวายกันใหญ่ ” กัลยาพูด พร้อมกับหัวเราะเบา ๆ 

“สามีของ มยุรี ถึงกับมาถามข่าวจากเราที่สำนักงาน ใคร ๆ ก็ต้องสงสัยว่า เป็นการกระทำของหัวหน้าทั้งนั้น ”

กัลยาขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นอีกว่า

“ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ดิฉันยังสงสัยอยู่ จะถามหัวหน้าในคืนวันที่อยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิคืนนั้น แต่เห็นกำลังต้องการผ่อนความคิด จึงไม่อยากรบกวน ”

“อะไรเล่า – กัลยา ผมคิดว่าผมพอจะเดาออกว่า คุณจะถามอะไร ” พรานพูดแล้วยิ้ม

“เรื่องที่หัวหน้าให้หนังสือพิมพ์ประกาศว่า อรัญญาไม่ได้ถูกจับ ณที่เกิดเหตุน่ะซีคะ เราก็รู้กันอยู่แล้วว่า ตำรวจจับอรัญญา ได้ที่นั่น ”

พรานหัวเราะก๊ากใหญ่

“นั่นปะไร – ใช่แล้วที่ผมเดาเอาไว้ คุณรู้ได้อย่างไร และคุณแน่ใจหรือว่าอรัญญาได้ถูกจับ ณ ที่เกิดเหตุจริง คุณเห็นมาด้วยตนเองหรือ หรือว่าคุณได้สนใจติดตามข่าวนี้มาแต่ต้น ”

“หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวเช่นนั้น ดิฉันยังได้กลับไปค้นข่าวดูเพราะพอหัวหน้าให้จดข้อความไปส่งหนังสือพิมพ์ ก็ทำให้สงสัย ครั้นค้นดูหนังสือพิมพ์เก่า ๆ ก็พบเขาลงข่าวว่า อรัญญาถูกจับในบ้านที่เกิดเหตุ ”

“แล้วคุณสงสัยไหมว่า ความจริงแกถูกจับที่ไหน ”

กัลยาขมวดคิ้วอีก

“ก็สงสัยซีคะว่า ความจริงมันเป็นอย่างไรกันแน่ จึงกำลังถามอยู่เดี๋ยวนี้ ”

พรานหัวเราะอีก

“นี่แหละเป็นจุดประสงค์ของผม เลขานุการของผมเองยังสงสัย มีบุคคลอยู่พวกเดียวที่ไม่สงสัยเลยคือตำรวจผู้จับ และตำรวจผู้สอบสวน ซึ่งเขาจะต้องหัวเราะเยาะว่า ผมเอาข่าวอะไรไปให้หนังสือพิมพ์ 

คุณไม่คิดบ้างหรือว่า นายวิศณุเขาก็ต้องอ่านหนังสือพิมพ์เหมือนกัน เขาอาจจะไปสอบถาม มยุรี ถึงเรื่องนี้ ในตอนต้น เมื่อเกิดเหตุใหม่ ๆ มยุรี จะต้องปฏิเสธไป ผู้หญิงอย่าง มยุรีอาจปฏิเสธอะไรก็ได้อย่างง่าย ๆ เพื่อปัดไม่ให้เรื่องมาเกี่ยวข้องกับตัว 

ระหว่างนั้น ความรู้สึกของนายวิศณุ อาจเปลี่ยนไปได้ว่า ความจริง ผู้ที่เข้าไปในบ้าน คืออรัญญา เขาจึงได้นอนใจ  ผมเองเป็นผู้สะกิดความรู้สึกของเขาให้เกิดสงสัยขึ้นมาอีกด้วยข้อความในหนังสือพิมพ์ตอนหลังนี้ - นักสืบพรานไม่เคยเอาเรื่องไม่จริงมาประกาศให้คนทั้งหลายทราบ - นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ วิศณุหวนกลับไปคิดถึงเรื่องเก่าอีก และสงสัยในตัว มยุรี หนังสือพิมพ์บางครั้งก็เสนอข่าวที่ไม่แน่นอนเหมือนกัน

นายวิศณุ หรือใคร ๆ ซึ่งไม่ใช่พนักงานสอบสวน หรืออัยการจะไม่มีโอกาสทราบความจริงในสำนวนการสอบสวนเลย ว่าเป็นอย่างไร - ตำรวจจับ อรัญญา ได้ที่ใดกันแน่ - มยุรีเป็นผู้หญิงจำพวกที่ทำทุกอย่างเพื่อตนเองเท่านั้น 

วิศณุ เขาต้องการที่จะสอบถาม มยุรีถึงความจริงเรื่องนี้อีกก็ได้ หลังจากได้พบข่าวในหนังสือพิมพ์ครั้งหลังนี้ แต่เขาไม่สามารถจะทำได้ เพราะ มยุรี ได้ถูกเก็บตัวเสียแล้ว หลังจากหนังสือพิมพ์ได้เสนอข่าวนี้ออกไป เขาต้องเข้าใจว่า ผมเป็นผู้เก็บ มยุรี ไว้ ”

“แล้วความจริงเป็นอย่างไรเล่าคะ ” กัลยาถาม

“คือเป็นอย่างที่เรารู้ ๆ กันอยู่ หรือที่คุณรู้อยู่ในตอนแรกน่ะซี ”

“ถ้าเช่นนั้น หัวหน้าก็โกหกประชาชน ” เสียงของกัลยาแสดงความขุ่นใจ

พรานหัวเราะดังๆ อีก พร้อมกับพูด “ เก็บเอาไว้ก่อนเถอะ กัลยา ฟังผมต่อไปดีกว่า ทำใจเย็น ๆ ไว้ก่อน ด้วยเหตุนี้เอง ผมจึงมั่นใจว่า ผมได้จับปมสำคัญของเรื่องนี้ไม่ผิด คนร้ายตัวจริง หรือ นายวิศณุก็ต้องมีความหวั่นใจว่า ผมคงจะได้ความจริงเข้าแล้ว หรืออย่างน้อย ก็ต้องมีความคิดสับสน เขาจึงได้หาหนทางที่จะกำจัดผมเสีย ด้วยการนัดไปพบ เพื่อแถลงความจริง” พราน พ่นบุหรี่เป็นทางยาว

“ ผมฟังเสียงโทรศัพท์นัดพบในคืนวันนั้นแล้ว มันเกิดความรู้สึกโดยสัญชาติญาณอย่างไรไม่ทราบว่า เขาต้องการจะลวงผมไปฆ่า ลักษณะคำพูดของเขา ฟังดูคล้ายคำสั่งการทหาร ไม่ผิดอะไรกับที่ผมเคยได้เรียนมาแล้ว ตั้งแต่ครั้งเป็นนักเรียนนายร้อย เช่น การกำหนดเวลา สถานที่ ละเอียดถี่ถ้วนมาก และโดยเฉพาะการที่เขาจดจำรถของผมได้ดีนี่ซิ มันออกจะไม่ค่อยดีสักหน่อย ผมจึงคาดคะเนเหตุการณ์ไม่ผิด

คน ๆนี้ เป็นคนทำงานมีแผน แม้แต่ในขณะที่เขาจะยิงผม เขาก็ต้องหรี่ไฟหน้ารถยนต์เสียก่อน เพื่อที่จะให้สายตาคนขับ ชินกับความมืดก่อนที่เขาจะดับไฟ และขับหนีไปด้วยความเร็ว เพราะถ้าเขาเปิดไฟสว่างและดับไฟในทันที อาจทำให้มองไม่เห็นทางอันมืด เช่น บริเวณถนนสนามม้าได้

เสียดายเจ้าหุ่นตัวนั้นของผม ผมซื้อมันมาด้วยเงินหลายร้อยบาททีเดียวนะ –กัลยา แต่มันก็มีส่วนในการช่วยเหลืองานเราอยู่ไม่ใช่น้อย และหมอยิงปืนแม่นไม่ใช่เล่น ลองนึกภาพดูซิ กัลยา ถ้าเป็นตัวผมยืนอยู่อย่างหุ่นนั้น จะเป็นอย่างไร ” เขาหัวเราะต่อท้ายคำพูด

กัลยาหลับตา ห่อไหล่ทั้งสองข้าง มือทั้งสองยกขั้นมาประสานกัน

“อย่าสมมุติดีกว่าค่ะ หัวหน้า – คืนนั้น ดิฉันใจคอไม่ดีเลย นั่งหลับตาภาวนาอยู่ตลอดเวลา – เอ้อ – แล้วสาเหตุแห่งฆาตกรรมรายนี้เกิดจากอะไรคะหัวหน้า ”

“ผมยังไม่ทราบ ” พรานตอบพร้อมกับยักไหล่ “ แต่คิดว่ามันเป็นเรื่องของตำรวจเขามากกว่าที่เราจะสนใจ - อย่างนั้นไม่ใช่หรือ กัลยา เราได้คนร้ายที่ไม่ผิดตัวและทำงานของเราสำเร็จ ก็พอใจแล้ว ”





 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2555
2 comments
Last Update : 25 กรกฎาคม 2555 5:17:25 น.
Counter : 779 Pageviews.

 

ขอบคุณมาก..

 

โดย: ก้นกะลา 25 กรกฎาคม 2555 18:31:11 น.  

 

รอตอนต่อไปค่ะ

 

โดย: แพน IP: 118.174.42.226 26 กรกฎาคม 2555 13:01:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.