ทารุณขนาดนั้น แล้ววิชาภาษาไทยกับผมมันไม่ชอบกัน ที่ไม่ชอบก็เพราะมันยาก ยิ่งอักขระวิธี วจีวิภาค และ วากยสัมพันธ์ด้วยแล้ว ยิ่งน่าเบื่อใหญ่ ฟังครูสอนไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ผมไม่ทราบว่าเด็กรุ่นนี้ จะเคยได้ยินชื่อวิชาทั้งสาม ที่ผมออกชื่อมานั้น หรือเปล่า นั่นเป็นวิชาที่กระดูกที่สุดของนักเรียนชั้นแปด สมัยปี ๒๔๗๙ ถอยหลังลงไป
ครูสอนวิชาภาษาไทยของพวกผมชื่อ ขุนลิขสุนทร ท่านเสียชีวิตไปนานแล้ว ความรู้ของท่านในเรื่องนี้ ไม่มีใครทราบ
ขนาดเข้ามาสอนในห้อง ท่านไม่ต้องเอาหนังสือติดมือมา พอเข้ามาในห้อง ท่านก็ให้นักเรียนเปิดหนังสือได้ ท่านเพียงแต่ถามว่า เมื่อวานนี้ เรียนถึงตอนไหน พอนักเรียนตอบท่านก็บอกหน้าหนังสือที่สอนต่อ ให้นักเรียนเปิดได้ถูกต้องทันที แล้วท่านก็ว่าของท่านไป ไม่มีผิดไปจากตัวหนังสือในหน้านั้น ใครจะหลับสัปหงก ก็ช่างมัน ท่านว่าของท่านเรื่อยไป มึงไม่อยากฟัง ก็ช่างมึงถึงคราวสอบตก กูไม่รู้ด้วย
สมัยนั้น ทางโรงเรียนชั้นอุดมศึกษา เขาเปิดสอบคัดเลือกทะยอยกันไป ไม่สอบพร้อมๆ กันอย่างเดี๋ยวนี้ นักเรียนจึงมีโอกาสที่จะสอบเขาได้หลายแห่ง พลาดจากที่นี้ ก็ยังมีโอกาสไปสอบเข้าที่อื่นได้อีก
ทางโรงเรียนนายเรือจะเปิดสอบก่อน ถัดมาก็โรงเรียนนายร้อย แล้วจึงมาถึงจุฬาฯ หลุดไปจากสามสถาบันนี้ก็ต้องเดินเข้าธรรมศาสตร์ หรือ จะไปที่อื่นก็ตามชอบใจ
นักเรียนตอนนั้นหลงไหลเครื่องแบบนักเรียนนายเรือมาก เครื่องแบบสวย แถมยังมีกระบี่เล็กๆห้อยที่ข้างๆ เสียอีก
ตอนเป็นนักเรียนสามัญไปดูหนังวันเสาร์-อาทิตย์ เห็นนักเรียนนายเรือควงผู้หญิง ซึ่งเป็นนักเรียนไปดูหนังแล้ว มันให้อิจฉา เครื่องแบบเขาโก้ เดินอกผึ่ง
พวกเราส่วนมากจึงตั้งปณิธานเอาไว้ว่า สอบแปดได้ จะต้องเข้านายเรือให้ได้ แล้วนักเรียนนายเรือ เขาจะรับสมัครสอบก่อนที่จะรู้ผลการสอบ ม.๘ รีบร้อนมาก
ไอ้เพื่อนผมคนหนึ่งสอบแปดเสร็จ ก็ไปสมัครสอบเข้านายเรือ มันสอบผ่านเข้าไปได้ ทางโรงเรียนนายเรือพาออกไปทำความคุ้นเคยกับทะเลไปแล้ว ปรากฎว่า สอบตกภาษาไทยอย่างว่า เลยถูกเรียกตัวกลับ ต้องออกจากโรงเรียนนายเรือไป
ไอ้คนนี้เก่งมากทางด้านวิชาคำนวน และวิทยาศาสตร์ ขนาดมันเคยตั้งปัญหาคำนวนให้ครูแก้ ครูยังแก้ไม่ได้ แล้วมันก็แก้ให้ดูจนครูต้องยอมจำนนมัน แต่ในปีต่อมา มันก็สอบเข้าจนได้ ไม่ตกภาษาไทย ป่านนี้เกษียณไปแล้วมั้ง
โรงเรียนนายเรือนั้นกระดูกอย่างไร
เขาคัดเอาหัวกระทิจากนักเรียนที่สำเร็จไปแล้วจริงๆ สมัครกันร่วมแปดร้อยกว่าคน ปีนั้นเขาเอาเพียงสี่สิบคน บางปีรับเอาเพียงยี่สิบคนก็มี
ผมลองแหยมเข้าไปเหมือนกัน โดนเข้าวันเดียว ก็ไม่ต้องข้ามฝากไปฟังผลแล้ว
เขาสอบเป็นวันๆ วันแรกสอบเสร็จ วันรุ่งขึ้น นักเรียนก็มาดูรายชื่อของตัวที่กระดานดำ เขาจะพิมพ์ปิดเอาไว้ ใครไม่มีรายชื่อผ่านวันนั้น ก็ข้ามฟากกลับฝั่งกรุงเทพได้
ผมไม่ต้องข้ามฟากไปดู เพราะรู้ตัวว่าไม่ผ่านแน่
ในวันแรก วิชาแรกก็พออาศัย พอโดนวิชาที่สองเข้าเป็นวิชาเมคานิคส์ ใครๆ เขาไปเรียนพิเศษกันมาไว้สู้เพราะสวนกุหลาบไม่ได้สอนเมคานิคส์ ผมไม่ได้เรียนพิเศษกับเขา เห็นกระดาษข้อสอบเข้าก็เซ่อไปเลย ขนของกลับข้ามฟาก เข้ากรุงได้แล้ว วันรุ่งขึ้นก็ไม่ต้องข้ามไปดูชื่ออีก
ต่อจากนั้นก็หันมาสู้ที่โรงเรียนนายร้อย สมัครกันร่วมพันกว่า
วันแรกผ่านเขาคัดเอาไว้เพียงสี่ร้อย จากจำนวนผู้สมัครสอบพันกว่า
วันแรกอ่านพบชื่อก็ดีใจ วันที่สอง ไปสอบอีก รู้สึกว่าพอไปได้
วันรุ่งขึ้นเขาคัดออก เหลือเพียงแปดสิบคน พวกที่คัดเอาไว้ในวันที่สองนี้ได้เข้าเรียนแน่ทั้งแปดสิบคน แต่จะต้องมาสอบแยกเอาคะแนนว่า ใครจะไปเรียนนายร้อยธรรมดาหรือ นายร้อยเทคนิค สมัยนั้น เขาเรียกกันอย่างนั้น
ผมยังติดอยู่ในแปดสิบคนเป็นอันว่าสมหวัง ได้แต่งเครื่องแบบนักเรียนนายร้อยแน่ๆ
สอบวันที่สามเขาเอาที่หนี่ง ถึงที่สี่สิบ ไปเรียนนายร้อยเทคนิค
ผมได้ที่สี่สิบเอ็ด ห้อยท้ายพอดี หลุดจากเทคนิคมาอยู่นายร้อยธรรมดา ซึ่งเรียนเพียงสามปี
ในรุ่นนั้น มีนักเรียนที่สอบได้คะแนนดี ได้เข้าเทคนิคคนหนึ่ง เกิดไม่อยากเรียนเทคนิค ขอสละสิทธิ์ ให้เลื่อนคนที่มีคะแนนรองขึ้นไป
ผมไม่ยอมไป ไม่รู้ว่าใครรับอาสาไปแทน
ทางโรงเรียนยอมให้ตกลงใจกันเองได้ตามคะแนนที่สอบ
ผมขอไปอยู่ทางสามปี ไม่อยากเรียนนาน ผมจำไม่ได้ว่า ใครไป เพราะนักเรียนมาจากที่ต่างๆ กัน
ผมเป็นเบอร์หนึ่งทางนายร้อย จึงได้เลขประจำตัว ๔๔๑๑
ผมชอบเลขนี้มันสวยดี แล้วผมก็ได้ใช้เลขประจำตัวนี้ เป็นนามปากกาเขียนหนังสือหากินมาหลายเรื่อง