เครื่องพูดบนโต๊ะทำงานของพราน เจนเชิง ส่งเสียงเรียกขึ้น
กัลยา ชาญวิทยา พูดมาว่า
หัวหน้าคะ ... คุณเพ็ญทิพย์ต้องการจะพบกับหัวหน้าค่ะ
พราน เงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านอยู่ ยักคิ้ว ยิ้ม แล้วพูดว่า
บอกไปว่า ผมไม่ว่าง
เสียงเครื่องพูดปิดลงชั่วครู่ใหญ่ก็มีเสียงของ กัลยา ดังออกมาอีกว่า
คุณเพ็ญทิพย์ขอความกรุณาพบกับหัวหน้า สักไม่กี่นาทีค่ะ แกบอกว่า เดือดร้อนจริง ๆ จำเป็นที่สุดที่จะต้องพบหัวหน้าเดี๋ยวนี้
พราน นั่งนิ่งชั่วขณะ หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ พูดว่า
ผมมีเวลาได้ไม่กี่นาทีสำหรับคุณเพ็ญทิพย์ บอกแกไปเช่นนั้น และให้ขึ้นมาได้... กัลยา...คุณเตรียมกระดาษบันทึกไว้ด้วย และเข้ามาพร้อม ๆ กับคุณเพ็ญทิพย์
พราน ปล่อยมือจากเครื่องพูด เขาพับหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ข้างหน้า และซุกเข้าไว้ในลิ้นชักโต๊ะ หยิบแฟ้มต่าง ๆ มาวางไว้ตรงหน้า ก้มหน้าก้มตาลงขีดเขียนอะไรอยู่บนกระดาษในแฟ้มนั้น ในขณะที่ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินใกล้บังตาเข้ามา
เพ็ญทิพย์ในเครื่องแต่งกายไว้ทุกข์ ซึ่งขับผิวที่ขาวอยู่แล้วให้เด่นขึ้น เดินนำหน้าเข้ามา โดยมี กัลยา เป็นผู้เปิดบังตา เดินตามหลัง หล่อนกระพุ่มมือไหว้ พราน ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้น
สวัสดีครับ คุณเพ็ญทิพย์ พราน ปิดแฟ้มที่วางอยู่ตรงหน้า
" มีอะไรที่ผมพอจะช่วยคุณได้ เชิญนั่งซิครับ
เพ็ญทิพย์หย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงาน หล่อนส่งสายตาอันอ่อนระโหยมาที่ พราน และพูดว่า
ดิฉันกำลังมีเรื่องเดือดร้อนที่คิดไม่ตก
เรื่องอะไรไม่ทราบ พราน เลิกคิ้ว ถาม
เพ็ญทิพย์ ทำท่าอึกอัก หันไปมองกัลยา ซึ่งนั่งอยู่ทางเบื้องขวาของหล่อน และกำลังกางสมุดบันทึกอยู่ตรงหน้า
พราน ยิ้มกับหล่อนแล้วพูดว่า
กัลยา เป็นเลขานุการ ที่ไว้วางใจได้ คุณจะพูดอะไรได้ทุกอย่างในนี้ และผมต้องการให้ กัลยาบันทึกถ้อยคำของคุณไว้ด้วย มีอะไรโปรดว่าไป ดูเหมือนคุณจะทราบแล้วว่า เวลาของเรามีน้อย
เพ็ญทิพย์เม้มปาก หล่อนก้มหน้าลูบคลำกระเป๋าถือที่วางอยู่บนตัก
พราน พูดต่อไป
ผมได้เคยบอกคุณแล้วว่า เมื่อใดที่คุณตัดสินใจที่จะมาหาผม คุณจะต้องไม่ทำให้ผมเสียเวลา และไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งคิดอะไรอีกในการที่จะพูดความจริงกับผม จำได้ไหม คุณเพ็ญทิพย์ เวลาของผมมีค่าทุก ๆนาที และบางครั้ง มันเป็นเงิน
เพ็ญทิพย์เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
ดิฉันยอมเสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า ขอให้คุณช่วยสะสางความยุ่งเหยิงต่าง ๆ ที่กำลังมาพัวพันกับดิฉันขณะนี้ และดิฉันอยากจะให้มันเป็นความลับสักหน่อย
เรื่องความลับ ผมรับรองกับคุณได้ แต่เรื่องสะสางความยุ่งเหยิงนั้น ต้องแล้วแต่ข้อเท็จจริงที่ผมจะได้ฟังจากคุณ อารัมบท ใม่จำเป็นขณะนี้ มันทำให้เราเสียเวลา คุณเอาแต่เนื้อ ๆ มาพูดกับผมดีกว่า
เพ็ญทิพย์ทีอาการคล้ายกับจะปรับความรู้สึกบางอย่าง มือของหล่อนสั่นระริก น้ำตาเริ่มจะเอ่อมาที่ตรงขอบตาทั้งสองข้าง หล่อนเงยหน้าขึ้นมองดู พราน
สายตาของหล่อน ทำให้ พรานมีความรู้สึกอย่างบอกไม่ออก เขาเอื้อมมือไปหยิบบุหรี่มาจุดสูบ พ่นควันออกไป แล้วยันข้อศอกกับท้าวเก้าอี้ มือทั้งสองกุมกันอยู่
เพ็ญทิพย์ ใช้กำลังใจเรียกน้ำตาที่กำลังเอ่ออยู่นั้น ให้กลับคืนไป และพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างสั่นว่า
ดิฉันเข้าใจว่า คุณคงรู้แล้วว่าดิฉันมาหาคุณด้วยเรื่องอะไร
พราน สั่นศีรษะ
คุณเข้าใจผิด ผมยังไม่รู้อะไรเลย และไม่กล้าเดา
เพ็ญทิพย์กัดริมฝีปาก
เรื่องผ้าเช็ตหน้าของดิฉันที่เขาพบที่ แสงโสม
เพ็ญทิพย์ รอที่จะให้พราน แสดงความรู้ที่เกี่ยวกับเรื่องที่หล่อนพูดออกมา แต่เขากลับจ้องดูหล่อนเฉยอยู่ โดยไม่พูดว่าอะไร หล่อนจึงเป็นฝ่ายที่ต้องพูดต่อไป
คุณผจญเรียกตัวดิฉันไปสอบสวนถึงเรื่องนั้น และเขาพบปืนกระบอกหนึ่งที่ในบริเวณที่เขาพบศพของ แสงโสม ที่เชียงใหม่ เขาหาว่า ดิฉันมีส่วนรู้เห็นในเรื่องการตายของ แสงโสม ด้วย ดิฉัน ... ดิฉัน ...
หล่อนบิดผ้าเช็ดหน้าที่ถืออยู่ในมือ โดยไม่รู้จะต่อคำพูดของตนเองว่ากระไร
พราน หัวเราะเบา ๆเขาลดมือลง ดูดบุหรี่ที่ถืออยู่ในมือ พ่นควันออกไปเป็นทางยาวขึ้นสู่เพดาน ชำเลืองตาไปที่ กัลยา แวบหนึ่ง
กัลยา จดดินสอลงบนสมุดบันทึก
คุณอยากจะพูดว่า คุณยังไม่รู้ที่จะให้การกับเขาว่าอย่างไร ยังงั้นใช่ไหม
เพ็ญทิพย์พยักหน้าช้า ๆ
ดิฉันเกรงว่า ถ้าดิฉันบอกไปตรง ๆ ถึงเรื่องราวต่าง ๆมันอาจทำให้ดิฉันต้องเดือดร้อน ดิฉันจึงอยากจะมาขอความเห็นจากคุณ เพื่อให้ช่วยแนะนำว่า ดิฉันควรจะทำอย่างไรดี
ก็คนที่เคยให้คำแนะนำกับคุณตั้งแต่ต้นมาเล่า เขาไปไหนเสีย
ดิฉันไม่มีใครที่จะให้คำแนะนำ ดิฉัน และไม่เคยมีใครให้คำแนะนำกับดิฉันเลย คุณเข้าใจผิด
คุณกำลังกล่าวเท็จกับผมอีกแล้ว ... เพ็ญทิพย์
เพ็ญทิพย์หลบสายตาลงต่ำ
ดิฉันอยากทราบว่า คุณหมายถึงใคร คนๆ นั้น
พราน หัวเราะ
ผมน่าจะถามคุณมากกว่าว่า เขาเป็นใคร
คุณหมายถึงคุณลุง ใช่ไหมคะ
พราน สั่นหน้า เขามองดูหล่อน นิ่งเฉยอยู่
เพ็ญทิพย์ซบหน้าลงกับฝ่ามือ พรานได้ยินเสียงสะอื้นจากใบหน้าที่ซบอยู่นั้น เขาลุกขึ้นยืน ยกนาฬิกาขึ้นดู
เวลาผมมีน้อยเต็มที คุณเพ็ญทิพย์
เพ็ญทิพย์เงยหน้าขึ้น หล่อนซับน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น พูดว่า
อากมลไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไรเลย
ใครคือ อากมลของคุณ พราน ถาม มือทั้งสองข้างของเขา ยังอยู่กับโต๊ะ
คนที่คุณเข้าใจว่า เป็นผู้ที่คอยแนะนำอะไรต่ออะไรแก่ดิฉันนะแหละ
พราน หัวเราะ
ผมยังไม่ได้พูดเลยว่า เป็นเช่นนั้น และผมก็ยังไม่เคยรู้จัก อากมล อะไรของคุณด้วย
เพ็ญทิพย์มองดูเขาด้วยสายตาวิงวอน
คุณกรุณาให้เวลาดิฉันอีกสักสิบนาที ได้ไหมคะ
พรานมองดูหล่อนชั่วขณะ เขาซุดกายลงนั่ง พูดว่า
ถ้าผมจะได้ฟังเรื่องที่เป็นประโยชน์ ผมก็ไม่ขัดข้อง ผมจะให้เวลาคุณ สิบนาที พอดี ๆ เชิญได้
เขาชำเลืองดูนาฬิกาที่ข้อมือขณะพูดจบประโยค
เพ็ญทิพย์เม้มปากแน่น เขย่ามือของหล่อนที่กุมกันอยู่หน้าตัก ๒-๓ ครั้ง คล้ายกับจะระบายความรู้สึกบางอย่าง แล้วจึงพูดว่า
ดิฉันจะเริ่มต้นอย่างไรดี มันสับสนกันไปหมด ดิฉันไม่มีหัวคิดจริง ๆ ขณะนี้ ได้โปรดกรุณาเถอะค่ะอย่าทรมานดิฉันด้วยกิริยาอย่างนี้ของคุณเลย ดิฉันจะเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ฟังเท่าที่ดิฉันทราบ ขอให้คุณช่วยดิฉันให้พ้นจากการบังคับจากทางคุณผจญ ด้วย ดิฉันกราบละ
หล่อนพนมมือไหว้กับขอบโต๊ะตามคำพูด
พราน ยิ้ม เขาเอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้ อัดควันบุหรี่เป็นครั้งสุดท้าย แล้วโยนก้นบุหรี่ลงในกระโถนข้าง ๆ ตัว พูดว่า
ถ้าเช่นนั้น ผมจะตั้งคำถามให้คุณตอบเอง ตกลงไหม
เพ็ญทิพย์ กระพริบตาถี่ ๆ พยักหน้าน้อย ๆ
พราน พูดขึ้นว่า
คนที่คุณเรียกว่าอากมล คือใคร
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
เริงฤดีนะ Movie Blog ดู Blog
ธารน้อย Literature Blog ดู Blog