พราน เจนเชิง แหงนหน้าขึ้นมองดูป้ายที่ติดอยู่เหนือประตูห้องแถวสองคูหาในตลาดหัวรอ อ่านอักษรที่ป้ายนั้น ซึ่งเขียนไว้ว่า
วิชัย รัศมี และ สันทัด วรรณบูลย์
ทนายความชั้นหนึ่ง
เขาก้าวเท้าเข้าไปทางประตูนั้น ชายวัยกลางคนคนหนึ่งออกมาต้อนรับ
คุณต้องการพบใครไม่ทราบ ชายผู้นั้นพูดขึ้นก่อนในโอกาสแรก
พรายก้มศีรษะเล็กน้อย เขาถอดหมวกที่สรวมอยู่ออกมาถือไว้ พูดว่า
ผมต้องการพบคุณวิชัย หรือคุณสันทัด คนใดคนหนึ่ง
โปรดรอสักครู่ ชายผู้นั้นพูดอย่างนอบน้อม แล้วกลับหลัง เดินลับเข้าไปในห้องชั้นใน ซึ่งมีบังตากั้นอยู่ สักครู่ก็กลับออกมาพูดว่า เชิญข้างในครับ
พรานผลักบังตาและก้าวเท้าเข้าไปในห้องชั้นใน ในห้องนั้น มีโต๊ะทำงานตั้งอยู่สองตัว ชายสองคนนั่งอยู่เบื้องหลังโต๊ะนั้นคนละตัว คนที่นั่งที่โต๊ะด้านขวารูปร่างอ้วน ศีรษะเถิก สรวมแว่นสายตาสั้น พรานคะเนอายุของเขาประมาณ ๔๐ เศษ ส่วนอีกคนหนึ่งผอม กระดูกที่โหนกแก้มขึ้นเป็นสัน ติ้วดกหนา อายุอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันกับคนแรก ทั้งคู่ลุกขึ้นยืน พรานจึงได้เห็นชัดว่า คนผอมนั้นเป็นคนสูง และคนอ้วนเป็นคนเตี้ย พรานยิ้มอยู่ในหน้าเมื่อเห็นลักษณะอันตรงกันข้ามของทนายคู่นี้ ก็พอดีคนทั้งสองพูดขึ้นพร้อม ๆ กันว่า
เชิญนั่งซีครับ
พรานเลือกเก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งอยู่ริมฝา เขาลากมันมาตรงหน้าโต๊ะของชายคนอ้วน แล้วหย่อนกายลงนั่งพิงพนักเก้าอี้ตามสบาย ยกขาขวาขึ้นไขว้ห้าง วางหมวกไว้บนหัวเข่าข้างนั้น และพูดขึ้นว่า
ผม พราน เจนเชิง แห่งสำนักงานนักสืบพรานและสหาย
ชายคนอ้วนใช้มือข้างขวาขยับแว่นมองดูพรานสักครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้น
อ้อ ยินดีครับ ผมชื่อวิชัยส่วนเพื่อนของผมอีกคนหนึ่ง เขาผายมือไปทางเพื่อนร่วมสำนักงานของเขา ชื่อ สันทัด คุณคงจะมาพบผมเรื่องคดีคุณอรัญญา ใช่ไหมครับ ผมทราบจากท่านขุน ฯ ว่าได้ไปติดต่อเรื่องนี้ไว้กับคุณ
พรานก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงรับคำ
ถูกแล้วครับ ผมมาที่นี่เพื่อจะสืบสวนเรื่องนี้ และอยากจะทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคดีนี้สักเล็กน้อย
ชายคนที่ชื่อสันทัด พาร่างอันผอมสูงของเขา เดินมาที่โต๊ะของวิชัย และพูดขึ้น
ผมคิดว่า ขุนวนกิจบำรุง ไปพบกับคุณช้าไปหน่อย เพราะคดีนี้ได้สอบพยานไปจวนจะเสร็จอยู่แล้ว และเราเองก็หนักใจอยู่มากทีเดียว
พรานยิ้มให้กับสันทัด เขาพูดขึ้นช้า ๆ และชัดถ้อยชัดคำ
ไม่มีคำว่าช้าในการปฏิบัติงานของนักสืบ และไม่มีคำว่า สายเกินไป ก่อนที่เราจะเริ่มจับงาน คุณสันทัด
สันทัดมองหน้าเพื่อนร่วมงานของเขาแวบหนึ่ง ก่อนที่จะพูดว่า
ผมเกรงว่า คุณจะเสียเวลาเปล่านั่นเอง ไม่ใช่อะไรอื่นที่พูดขึ้น
ผมอยากจะถามความรู้สึกของคุณสักอย่างว่า พรานพูดขึ้น สายตาของเขาเลื่อนไปมาระหว่างคนสองคนนั้น คุณเชื่อไหมว่า คุณอรัญญา ไม่ได้เป็นผู้ฆ่านายวิกรมจริง ๆ
ทนายทั้งสองมองตากัน ทำท่ากระอักกระอ่วนใจอยู่พักหนึ่ง วิชัยจึงเป็นผู้พูดว่า
คุณอรัญญาเป็นผู้ปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นผู้ฆ่า แกบอกว่า เมื่อแกเข้าไปในบ้านนั้น แกตั้งใจจะเข้าไปพบนายวิกรมเพื่อจะต่อว่า เรื่องการที่จะถอนชื่อแกออกจากการเป็นผู้รับเงินประกันตามกรรมธรรม์ แกไปทราบเรื่องนี้จากเพื่อนของแกคนหนึ่ง ซึ่งทำงานอยู่ในบริษัทประกันชีวิตนั้น เมื่อแกเข้าไปในห้อง แกได้พบนายวิกรมนอนตายอยู่ก่อนแล้ว บ้านทั้งบ้านเงียบ ไม่มีคนอื่นอยู่เลยแม้แต่คนใช้ ซึ่งเคยประจำอยู่ในบ้านก็ไม่อยู่ในขณะนั้น แกพบปืนกระบอกหนึ่งตกอยู่ในที่ใกล้ ๆตัวผู้ตาย แกจำได้ว่าเป็นปืนของแก จึงได้หยิบขึ้นมาดู ในชั้นแรก แกตกใจมาก คิดจะหยิบเอาปืนกระบอกนั้นหนีไปด้วย แต่ครั้นแล้ว แกกลับทิ้งมันไว้ที่ตรงนั้น แล้วรีบหนีออกมา ก็พอดีพบกับตำรวจที่หน้าประตูบ้าน
วิชัยหยุดพูด
พรานยังคงนั่งนิ่งอยู่ สายตาของเขายังคงจับอยู่ที่ใบหน้าของวิชัย และไม่ได้พูดอะไรออกมา
สันทัดเป็นผู้พูดต่อไป
นั่นเป็นเรื่องที่คุณอรัญญาบอกกับเรา ผมขอให้แกเล่าความจริง เพื่อที่จะได้คิดแก้ไขตามรูปเรื่องที่เป็นจริง แกก็ยังคงยืนยันตามนั้น คุณก็ควรจะรู้แล้วว่า การให้ความเท็จกับทนายนั้น จะไม่ช่วยสถานการณ์อะไรให้ดีขึ้นเลย และเป็นของไม่ควรทำอย่างยิ่งสำหรับลูกความ ที่จะปฏิบัติต่อทนายของเขา
พรานยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นเดิม คราวนี้สายตาของเขาเลื่อนมาจับที่สันทัด ทนายความทั้งคู่แลกเปลี่ยนสายตากันอีกครั้งหนึ่ง
สันทัดพูดขึ้นอีกว่า
คุณไม่มีความเห็นอะไรบ้างหรือ - พราน
พรานยิ้มเล็กน้อยพูดว่า
คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผม
ผมคิดว่า วิชัยพูดสวนขึ้น เรื่องที่ผมเล่าให้คุณฟังนี้ ควรจะเป็นคำตอบที่ดีอยู่แล้ว
หมายความว่า คุณไม่เชื่อว่าคุณอรัญญาได้เล่าความความจริงใช่ไหม ?
ทนายทั้งสองยิ้ม แต่ไม่ได้พูดว่าอะไร
หมายความว่า คุณเชื่อว่าคุณอรัญญาเป็นคนฆ่านายวิกรมจริง ๆ ใช่ไหม พรานยังคงถามต่อไป
คนส่วนมากเขาเชื่อกันเช่นนั้น สันทัดพูดขึ้น
รวมทั้งคุณทั้งสองคนด้วยยังงั้นหรือ
ผมเป็นทนายความ ต้องรักษามารยาท และจะต้องทำหน้าที่ของผมต่อไป ถึงจะอย่างไรก็ตาม
คุณทั้งสองเชื่อตามเขาด้วยใช่ไหม พรานยังคงย้ำคำถามของเขา
ความจริง - - -
คุณเชื่ออย่างนั้นใช่ไหมเล่า พรานขัดขึ้นในทันที
ถ้าคุณต้องการเช่นนั้น ผมจะตอบก็ได้ว่าผมเชื่อ
วิชัยพูดขึ้นด้วยเสียงอันดังด้วยความโมโห สันทัดมองดูหน้าเพื่อนของเขา และเตือนด้วยเสียงเรียกชื่อว่า วิชัย
พรานลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่เขานั่ง ยิ้มให้กับทนายความทั้งสองคน พูดว่า
ผมต้องการทราบเท่านั้นเอง
ขณะที่เขาขยับจะก้าวเท้าออกเดิน วิชัยก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า
ประเดี๋ยวก่อน คุณพราน ก่อนที่คุณจะไป ผมใคร่จะบอกให้ทราบเสียด้วยว่า ตามที่คุณสั่งให้ท่านขุน ฯ มาบอกผม ให้ยับยั้งการนำพยานจำเลยเข้าสืบนั้นผมเห็นจะทำไม่ได้ และเราได้กำหนดที่จะให้พยานปากแรกเข้าสืบภายในอาทิตย์หน้านี้ เพราะโจทก์ได้ตัดพยานอีกสองปากซึ่งไม่สำคัญออกเสียแล้ว และพยานปากแรกของเราก็คือ ตัวคุณอรัญญาเอง ผมมีแผนการขั้นสุดท้ายที่จะช่วยคุณอรัญญาอยู่เรียบร้อยแล้ว ผมไม่ต้องการให้คดีนี้ยืดเยื้อออกไปเป็นการเสียเวลา และผมเชื่อว่า ถ้าทนายช่วยจำเลยไม่ได้แล้ว ก็ไม่มีหนทางอื่นใดที่นักสืบจะช่วยได้
พรานชงักเท้าของเขาหยุดอยู่ เลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้นสูง หันมาทางวิชัย เขายิ้มที่มุมปาก ชี้นิ้วตรงไปที่วิชัย พร้อมกับพูดว่า
แล้วคุณจะเห็นว่า ความเชื่อของคุณนั้นผิด และผมคิดว่า ท่านขุนวนกิจบำรุง คงจะเปลี่ยนทนายใหม่เร็ว ๆนี้ หรือมิฉะนั้น อาจจะไม่ต้องจ้างทนายเลยก็ได้